เส้นทางของการทำธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับร้าน นีโอสุกี้ ที่กว่าจะผ่านเส้นทางนี้มาก็ต้องลองผิดลองถูก ทั้งมีปัญหาติดขัด แต่ก็ผ่านมาได้นานกว่า 20 ปี กับการขยายสาขาได้มากถึง 21 สาขาพร้อมวางแผนขยายต่อยอดธุรกิจ เปิดร้าน ข้าวแกงเฮียเพ้ง
ณัฐพล กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการเล่าว่า ธุรกิจ นีโอ สุกี้เริ่มต้นมาจาก คุณ สกนธ์ กัปปิยจรรยา มีความชื่นชอบในการรับประทานอาหาร ประเภทสุกี้ยากี้ ประกอบกับต้องการหาธุรกิจเพื่อทำเสริมจากธุรกิจเดิมที่ทำโลจิสติกส์ (ทางบก) ซึ่งเน้นกระจายสินค้าในภาคเหนือ หลังจากที่มีการวางแผนว่าต้องการทำธุรกิจเพิ่มจึงเริ่มต้นชวนเพื่อนลงทุนธุรกิจ โดยการซื้อแฟรนไชส์ร้าน อินเตอร์สุกี้ ในปี 2541 แต่ก็เกิดปัญหาทางด้าน แฟรนไชส์ซอร์(Franchisor)เป็นเหตุให้ต้องปิดตัวลงไป
ทั้งนี้จึงคิดหาหนทางใหม่ โดยการใช้ Know how ของตนเองที่มีอยู่ มาใช้ในการพัฒนาธุรกิจภายใต้ร้าน นีโอ สุกี้ ทำให้สามารถเปิดร้านของตนเองได้ในปี 2543 ทำให้สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับร้าน นีโอสุกี้ เป็นที่รู้จักไปในวงกว้าง จนสามารถขยายสาขาไปได้ถึง 21 สาขา ด้วยการบริการสำหรับลูกค้า ที่คุณภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมทั้งใส่ใจในคุณภาพของสินค้า ให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความคุ้มค่าที่ได้รับประทานนอกจากนี้นีโอ สุกี้ ยังสร้างความแตกต่างในด้านสินค้าที่หลากหลายและยังมีเมนูโฮมเมดเมนูตามเทศกาลอาหารต่างๆ อีกด้วย
“จุดเด่นของร้าน นีโอ สุกี้ คือการที่สามารถอยู่ในตลาดได้นานกว่า 20 ปี สิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดคือ คุณภาพของสินค้าต้องมาเป็นอันดับ 1 เราสร้างมาตรฐานด้านคุณภาพ โดยให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความคุ้มค่าเมื่อได้ใช้บริการ พร้อมทั้งนิยามตัวเองว่าเราเป็น‘เจ้าแห่งการต้ม’เน้นความหลากหลายของเมนู และมีการจัดเทศกาลอาหารต่างๆอย่างต่อเนื่องอาทิ เทศกาลเฝอ, เทศกาลบักกุ๊ดเต๋ และล่าสุด คือเทศกาลคาร์นิวัล เน้นความคิดสร้างสรรค์ และคุณภาพวัตถุดิบเป็นสำคัญ”
จากอดีตจนถึงปัจจุบันกว่า 20 ปี ทางบริษัทสามารถสร้างยอดขายและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เน้นการทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ปัจจุบันมีทั้งหมด 21 สาขาด้วยกัน พร้อมทั้งเปิดตัว ธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อร้าน ข้าวแกงเฮียเพ้ง ในคอนเซปท์ “Authentic Thai Fast Food” ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายสาขาร้านข้าวแกงเฮียเพ้ง ไม่ต่ำกว่า 8 สาขาภายในปี 2563
สำหรับเส้นทางธุรกิจที่อยู่มานานกว่า 20 ปี ทางบริษัท เน้นในเรื่องธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ทั้งในระยะยาว ความยากของการทำธุรกิจคือธุรกิจหลักทั้ง 2 ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันหลายด้านการดูแลธุรกิจที่จะต้องมีการปรับตัว แต่ก็มีส่วนเล็กๆที่มีความคล้ายคลึงกันคือ เป็นธุรกิจบริการ ซึ่งธุรกิจขนส่งกระจายสินค้านีโอ สยาม เป็น B2B แต่ นีโอ สุกี้เป็นธุรกิจแบบB2C ซึ่งทางบริษัทก็สามารถนำวิธีการบริหารลูกค้า มาปรับใช้ได้ และเมื่อขยายธุรกิจถึงจุดหนึ่ง ทั้ง 2 ธุรกิจ สามารถต่อยอดได้ทั้งในแนวราบ และแนวดิ่ง อาทิ นีโอ สยาม จากที่รับงานกระจายสินค้าทั่วภาคเหนือ ณ ปัจจุบัน สามารถหาพันธมิตร รับงานกระจายสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ได้ ส่วนนีโอ สุกี้ ก็สามารถแตกไลน์ธุรกิจโดยใช้ทรัพยากรที่มี ทำ ร้านอาหารรูปแบบอื่นได้
นอกจากนี้แล้ว ช่วงที่ผ่านมาบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)ได้เข้าช่วยเหลือค้ำประกันสินเชื่อ และมีบทบาทที่สำคัญในช่วงที่บริษัทตัดสินใจขยายและย้ายโรงงาน ซึ่งต้องใช้งบลงทุน มากกว่า 70 ล้าน เนื่องด้วยธุรกิจที่ทำมา มีสินทรัพย์ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยอดขาย เนื่องจากโรงงานเดิมเป็นที่เช่า และร้าน นีโอ สุกี้ แต่ละสาขาที่ตั้งเป็นการเช่าพื้นที่ทั้งสิ้น
ในอนาคต บริษัทจะยังคงเน้นคุณภาพของสินค้า และอยู่ในราคาที่สมเหตุสมผล ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าเมื่อมาใช้บริการ จริงใจกับผู้บริโภค และเน้นธรรมาภิบาลในธุรกิจ โดยทางบริษัทจะพยายามหลีกเลี่ยง การเข้าไปอยู่ในสงครามราคาทุกรูปแบบ เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจเข้าสู่สงครามราคา เมื่อนั้นธุรกิจจะขาดเสน่ห์ทันที
บทความโดย :บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) (Link : www.tcg.or.th)