mu Space สตาร์ทอัพเทคโนโลยีอวกาศสัญชาติไทยบุกเวทีโลก ประกาศจับมือ Blue Origin เตรียมส่งดาวเทียมดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรด้วยจรวด New Glenn เที่ยวแรกในปลายปี 2563 ตั้งเป้าใช้ดาวเทียมลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี - พัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกล
เมื่อวานนี้(13 มีนาคม 2561) การประชุมดาวเทียมโลกประจำปี 2561 “ Satellite 2018” ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกาในปีนี้ คึกคักกว่าทุกปี เมื่อ mu Space สตาร์ทอัพด้านอวกาศสัญชาติไทย ได้สร้างฮือฮาจับมือยักษ์ใหญ่ Blue Origin ของเจ้าพ่อ Amazon “Jeff Bezos” ส่งดาวเทียมดวงแรกด้วยไฟลท์แรกของจรวดยักษ์ที่ทั่วโลกรอคอย New Glenn
นายวรายุทธ (เจมส์) เย็นบำรุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด หรือ mu Space กล่าวว่า mu Space ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท Blue Origin เรื่องการส่งดาวเทียมดวงแรกของ mu Space ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด ด้วยไฟลท์แรกของจรวด New Glenn ในปี 2563 การลงนามร่วมกันดังกล่าว ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการกิจการอวกาศของไทยและเอเชีย-แปซิฟิค เพราะจะนำมาสู่การเปิดโอกาสให้เราพัฒนาดาวเทียมสื่อสารและการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศร่วมกับบริษัทชั้นนำของโลก
“mu Space และ Blue Origin มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งการที่จะถึงจุดนั้นได้เราต้องไปในอวกาศ มุ่งไปในดินแดนในความฝันที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อนซึ่งจะเป็นภารกิจที่เปลี่ยนชีวิตเราในอนาคต” นายวรายุทธ กล่าว
นายวรายุทธ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน mu Space กำลังมุ่งมั่นในการสนับสนุนความต้องการที่เติบโตมากขึ้นในเรื่องบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) รถยนตร์อัจฉริยะ (Smart Car) และเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ทั่วเอเชีย-แปซิฟิค และมีแผนที่จะขยายไปทั่วโลก โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะใช้เทคโนโลยีดาวเทียมมาลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีและให้ทุกพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงอินเตอร์เน็ต พร้อมเสริมสร้างและเร่งการพัฒนา Smart applications ต่างๆ โดยในระยะยาวบริษัทจะส่งดาวเทียมของตัวเองไปในวงโคจรในปี 2563 มีพื้นที่ให้บริการในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ด้าน นายบ๊อบ สมิทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) Blue Origin กล่าวว่า เรารู้สึกยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับ mu Space ด้วยการส่งดาวเทียมดาวแรกของ mu Space ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของการส่งดาวเทียมไปยังวงโคจร GTO (geostationary transfer orbit) ของ จรวด New Glenn ซึ่งเป็นจรวดทรงอานุภาพที่เรากำลังพัฒนาอยู่ด้วย
ทั้งนี้นายเจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) เจ้าของ www.amazon.com มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก โดยนิตยสารฟอร์บส์ เป็นผู้หลงใหลด้านอวกาศตั้งแต่เด็กและก่อตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศ Blue Origin ขึ้นมาในปี 2543 เพื่อบุกเบิกอวกาศ เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา Blue Origin ได้ประกาศแผนการสร้างจรวด New Glenn เพื่อเป็นยานพาหนะขนส่งผู้โดยสารและสัมภาระไปอวกาศ โดยเป็นจรวดที่สามารถซ้ำใหม่ได้ (Reusable Rocket) เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง เพื่อที่ทุกคนสามารถเดินทางไปอวกาศได้ โดยชื่อจรวดตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่นาย จอห์น เกลน (John Glenn) นักบินอวกาศสหรัฐคนแรกที่โคจรรอบโลก
ทั้งนี้จรวด New Glenn ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเพราะจะเป็นหนึ่งในจรวดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ 2 stage สูง 82 เมตร และ 3 stage สูง 99 เมตร ใช้เครื่องยนต์จรวด BE-4 หรือ Blue Engine 4 ซึ่ง Blue Origin พัฒนาด้วยตัวเอง
นายวรายุทธ กล่าวว่า mu Space จะเดินหน้าอย่างต่อเนืื่อง เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากทั่วโลกมาพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ห่างไกล โดยขณะนี้บริษัทกำลังทำข้อตกลงร่วมกันกับบริษัท SES ซึ่งมีดาวเทียมบริการครอบคลุมทั่วโลก และบริษัท Hughes ซึ่งเป็นบริษัทอุปกรณ์ดาวเทียมภาคพื้นดินชั้นนำของโลก เพื่อที่จะทำให้ทุกพื้นที่ของประเทศไทยเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เพราะดาวเทียมสามารเข้าถึงทุกพื้นที่โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องลักษณะภูมิประเทศ โดยจะมีการประกาศความร่วมมือในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ mu Space เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียม ก่อตั้งเมื่อกลางปี 2560 มีเป้าหมายต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ด้วยการนำดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการสร้างระบบอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในพื้นที่ห่างไกลและการนำมาปรับใช้กับสื่อสารในรูปแบบต่างๆ รวมถึง การรองรับ IOT และ Smart Cities ปัจจุบัน mu Space เป็นสตาร์ทอัพอวกาศแห่งแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม(แบบมีโครงข่ายดาวเทียมเป็นของตนเอง) เป็นระยะเวลา 15 ปี ในอนาคตบริษัทมีโครงการจะส่งดาวเทียมของบริษัทในปี 2563 โดยใช้จรวด New Glenn ของบริษัท Blue Origine และต้องการบุกเบิกการท่องเที่ยวอวกาศแห่งแรกของเอเชียด้วย
สำหรับ นายวรายุทธ หรือ เจมส์ เย็นบำรุง มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ โดยจบการศึกษาปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขา Aerospace, Aeronautical and Astronautical และปริญญาโท คณะเดียวกัน สาขา Mechanical Engineering จาก University of California, Los Angeles (UCLA) ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ร่วมงานกับ บริษัท Northrop Grumman Corporation ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศและการป้องกันประเทศ อันดับต้นๆของโลก ในตำแหน่งวิศวกรและผู้จัดการโครงการ Satellite, Unmanned Aviation System หลังจากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศถึง 14 ปี จึงกลับมาเมืองไทย เพื่อนำความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีอวกาศมาพัฒนาประเทศ โดยก่อตั้ง mu Space ในกลางปี 2560 ที่ผ่านมา