เอเจนซีส์/เอพี - หลังกลายเป็นข่าวดังทั่วโลก อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ถูกผู้นำสหรัฐฯปลดออกเมื่อวานนี้(13 ก.ค) แหล่งข่าวพรรครีพับลิกันชี้ ทรัมป์เลิกฟังเสียงบรรดาที่ปรึกษา ทำในสิ่งที่อยากเห็น หวั่นอาจเกิดล้างบาง พบพลเอกเคลลี หัวหน้าคณะชุดทำงานทรัมป์คุยโทรศัพท์วันศุกร์(9 มี.ค)กับทิลเลอร์สัน ระหว่างเยือนต่างแดน พร้อมเร่งให้รีบบึ่งกลับวอชิงตันทันที เปรยเป็นนัยให้ทราบ แต่ทีมอดีตรมว.ชี้ ทิลเลอร์สันไม่รู้เรื่องจนกระทั่งวินาทีอ่านทวีตเตอร์จากทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯประกาศชัด “เร็กซ์เป็นคนดีแต่ขัดแย้งหลายเรื่อง”
ไทม์สรายงานเมื่อวานนี้(13 มี.ค)ว่า กลายเป็นอีกครั้งที่ผู้นำสหรัฐฯใช้ทวีตเตอร์ ไล่ผู้ใต้บังคับบัญชาออก หลังล่าสุดอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ถูกทรัมป์สั่งปลดฟ้าผ่าในวันอังคาร(13) โดยไม่มีการแจ้งเป็นการส่วนบุคคลด้วยตัวเองก่อนหน้า
สื่อไทม์สชี้ว่า เหตุผลในการให้อดีตซีอีโอบริษัทพลังงานเอ็กซอนโมบิล ที่ทำงานร่วมกับทรัมป์มานาน 14 เดือนต้องออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่เหตุผลความขัดแย้งการย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังเมืองเยรูซาเลม หรือความสามารถในการเจรจาโดยตรงกับเกาหลีเหนือ หรือแม้กระทั่งความเห็นที่ต่างจากประธานาธิบดีทรัมป์ในปัญหาความก้าวร้าวของรัสเซีย แต่ในท้ายที่สุด ไทม์สชี้ว่า การที่ทิลเลอร์สันเคยเรียกผู้นำสหรัฐฯว่า “ปัญญาอ่อน” ในปีที่ผ่านมา และการปะทะทางกระบวนการความคิดของคนทั้งคู่ นำไปสู่การที่อดีตเจ้ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯต้องอ่านแถลงการณ์อำลาในวันอังคาร(13)
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่พรรครีพับลิกันได้เปิดเผยกับไทม์สว่า สิ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการล้างบางครั้งใหญ่ โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า “ไม่ใช่เป็นความลับที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ใช่คนที่อดทน และในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาได้หมดความอดทนไปเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะทำในสิ่งที่เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง” แหล่งข่าวพรรครีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐฯให้ความเห็น
ซึ่งแหล่งข่าวย้ำว่า ผู้นำสหรัฐฯไม่ฟังเสียงเตือนจากบรรดาที่ปรึกษาที่พยายามจะทำให้เขาอยู่ในทางสายกลางอีกต่อไป
โดยแหล่งข่าวพรรครีพับลิกันรายนี้แสดงความวิตกว่า สิ่งนี้อาจส่งผลต่อพรรคที่ในเวลานี้สามารถควบคุมเสียงข้างมากในสภา และกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งกลางเทอมฤดูใบไม้ร่วง
“ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ลองทำตามวิถีทางของคนพวกนั้น และไม่ชอบในสิ่งที่เห็น และในเวลานี้เขาจะทำตามวิธีของตัวเอง” แหล่งข่าวกล่าว
การปลดออกของทิลเลอร์สันเกิดขึ้นท่ามกลางมรสุมหลายลูกทั่วโลกที่สหรัฐฯต้องผจญ ที่ต้องการนักการทูตมืออาชีพเข้าจัดการปัญหาอย่างทันท่วงที แต่ดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯมีความมุ่งมั่นที่จะทิ้งบรรดาพี่เลี้ยง และทำในสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งพบว่า “คนทั้งคู่” ได้มีโอกาสพูดคุยก็ต่อเมื่อหลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศชื่อไมค์ พอมเพว (Mike Pompeo) ผู้อำนวยการสำนักงาน CIA ให้เข้ารับตำแหน่งแทน
ไทม์สกล่าวต่อว่า ถึงแม้แต่ตามมาตรฐานทรัมป์ การที่ทิลเลอร์สันถูกให้ออกถือเป็นเรื่องที่สุดดราม่า
พบว่าก่อนที่จะเกิดการไล่ออกฟ้าผ่า สัญญาณได้ถูกส่งออกมาจากหัวหน้าคณะชุดทำงานทำเนียบขาวของทรัมป์ โดย พลเอก จอห์น เคลลี ชี้เป็นนัยระหว่างพูดคุยกับทิลเลอร์สันทางโทรศัพท์ในวันศุกร์(9) ซึ่งในเวลานั้น อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกำลังปฎิบัติภารกิจตามหน้าที่ในต่างแดน โดยพลเอกเคลลีขอให้ทิลเลอร์สันรีบเดินทางกลับเข้ามากรุงวอชิงตัน ดีซี อ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกทีมงานของทิลเลอร์สันออกมาชี้ว่า อดีตซีอีโอเอ็กซอนโมบิลแปลกใจมากต่อคำสั่งไล่ออก และเขาได้รับทราบก็ต่อเมื่อก็ต่อเมื่อผู้ช่วยของทิลเลอร์สันได้ขอให้เขาอ่านข้อความการปลดออกจากทรัมป์ที่ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์
เอพีรายงานว่า ซึ่งทำเนียบขาวได้ไล่ผู้ช่วยทิลเลอร์สันออกที่ออกมาให้ข่าวขัดแย้ง ซึ่งสื่อเดอะฮิลได้เปิดเผยขื่อคือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สตีฟ โกลด์สตีน(Steve Goldstein)
แต่อย่างไรก็ตามในการแถลงอำลาของทิลเลอร์สันวันอังคาร(13) ได้ระบุว่า เขาได้รับโทรศัพท์จากประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงบ่ายซึ่งออกมาจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ถึงการที่จะให้เกิดความชัดเจนตรงกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ชี้ว่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯไม่ทราบเหตุผลที่เขาถูกให้ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้การต้องออกจากตำแหน่งของทิลเลอร์สันถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดจากแวดวงของทรัมป์ ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ผู้ช่วยส่วนตัวของทรัมป์ จอห์น แม็คเค็นที(John McEntee)ถูกประกบตัว นำออกจากทำเนียบขาวในวันจันทร์(12) อ้างอิงจาก CNN
อดีตผู้ช่วยส่วนตัวรายนี้ถูกสอบสวนจากคดีด้านการเงินซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้นำสหรัฐฯ และในวันถัดมา(13) ทีมหาเสียงกลับเข้ามาได้ประกาศชื่อ แม็คเค็นที ในฐานะตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำทีม
และสัปดาห์ที่ผ่านมา แกรี โคห์น(Gary Cohn) มหาเศรษฐีเดโมแครตประกาศว่า เขาลาออกจากการทำหน้าที่ในทำเนียบขาว และสัปดาห์ก่อนหน้านั้น โฮป ฮิกส์(Hope Hicks) คนสนิทของทรัมป์ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการด้านการสื่อสารประจำทำเนียบขาว
ไทม์สชี้ว่า เป็นที่รู้ว่าทรัมป์ขัดแย้งทิลเลอร์สันหลายครั้งด้านนโยบายต่างประเทศ และเช่นเดียวกับอดีตเจ้าพ่อเอ็กซอนโมบิล ที่มักขัดแย้งกับทำเนียบขาว ซึ่งบางครั้งบรรดานักการทูตต่างประเทศมักไม่แน่ใจว่า อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯรายนี้กำลังกล่าวให้ความเห็นในฐานะวอชิงตันหรือไม่
สื่อไทม์สให้ความเห็นถึงตัวอย่างความขัดแย้งล่าสุดของคนทั้งคู่ในเรื่องปัญหารัสเซียและการเสียชีวิตของอดีตสายลับ 2 หน้าในอังกฤษ ซึ่งพบว่าทิลเลอร์สันไม่ลังเลที่จะกล่าวว่า รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและต้องรับผิดชอบ แต่ทว่าทรัมป์กลับกล่าวว่า อาจเป็นรัสเซียหรืออาจเป็นคนอื่น ในขณะที่โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส ออกตัวไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้
และก่อนหน้านั้นในเรื่องประเด็นเกาหลีเหนือ ผู้นำสหรัฐฯไม่พอใจเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของตนเองออกมาขัดแย้งในประเด็นเกาหลีเหนือ และอีกประเด็นก่อน คนทั้งคู่ขัดแย้งในเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม รวมไปถึงประเด็นอื่นๆอีกมากมาย เป็นต้นว่า การเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ข้อตกลงว่าด้วยภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนองบประมาณประจำปีลดการให้งบประมาณสนับสนุนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯลง 25%
ซึ่งอ้างอิงจาก CNN ในการแถลงกับสื่อของผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาชี้ว่า ความสัมพันธ์ของเขาและพอมเพว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่นั้นอยู่ในขั้นดี และเขาได้ร่วมงานกับชายผู้นี้มานาน และ “มีกระบวนการความคิดสอดคล้องกัน” รวมไปถึงเข้ากันได้ดีกับพอมเพวตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก
และในส่วนของเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ผู้นำสหรัฐฯชี้ว่า เร็กซ์เป็นคนดีแต่ทว่าคนทั้งคู่มีทัศนคติไม่ตรงกันในหลายเรื่องเป็นต้นว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งทางทรัมป์ต้องการให้มีการแก้ไขหรือไม่ก็ยกเลิกไป แต่ทว่าทิลเลอร์สันมีความเห็นเป็นอื่น
ในการให้ความเห็น ทรัมป์ยังยืนยันต่อว่า เขาตัดสินใจเพียงคนเดียวในการสั่งปลดทิลเลอร์สัน เหมือนเช่นเดียวกันกับปัญหาการรับเจรจากับเกาหลีเหนือที่ทรัมป์ยอมรับปากจะร่วมประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน
ไทม์สชี้ต่อว่า ถ้าจะกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่นั้นไม่ราบรื่นดูจะเป็นภาษาทางการทูตมากเกินไป ถ้าจะให้ตรงประเด็นต้องกล่าวว่า ทรัมป์มองทิลเลอร์สันอย่างระมัดระวัง และทิลเลอร์สันมองทรัมป์ที่ไม่เป็นมิตร และเตรียมตัวเขาเองให้พร้อมภายใต้คราบนักการทูต และรวมไปถึงในที่ส่วนตัวถึงวาทะสะเทือนโลกที่เขากล่าวถึงทรัมป์ว่า “ปัญญาอ่อน” ออกมา ซึ่งในจุดนั้นไทม์สชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯสั่งให้ทิลเลอร์สัน “ต้องออกแถลงการณ์ปฎิเสธ”
ซึ่งทางอดีตซีอีโอเอ็กซอนโมบิลยอมออกแถลงการณ์จริงตามคำสั่ง แต่ไม่ปฎิเสธต่อการรายงานของสื่อ NBC NEWS ซึ่งถือเป็นการยอมรับกลายๆให้ทรัมป์ได้รับรู้