xs
xsm
sm
md
lg

สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 มี.ค. 2561

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงิน และกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน. ทรัมป์ มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และการสื่อสาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02%

- ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร และเงินปอนด์ ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยทั้งสกุลเงินยูโร และปอนด์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรป ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 375.47 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. ปีนี้

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,221.03 จุด ลดลง 197.36 จุด หรือ -1.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,242.79 จุด ลดลง 33.92 จุด หรือ -0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05%

- ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05%

- ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร และปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งได้ลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2397 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.2336 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3977 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.3906 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 0.7877 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 106.64 เยน จากระดับ 106.37 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9439 ฟรังก์ จากระดับ 0.9466 ฟรังก์

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณที่ไม่แน่นอน จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.48% ปิดที่ 1327.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 9.1 เซ็นต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 16.627 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.46% ปิดที่ 967.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 23.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.5% ปิดที่ 991.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน เม.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 65 เซ็นต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 60.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ส่งมอบเดือน พ.ค. ลดลง 31 เซ็นต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 25,007.03 จุด ลดลง 171.58 จุด, -0.68%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด, -0.64%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด, -1.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,242.79 จุด ลดลง 33.92 จุด, -0.64%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,221.03 จุด ลดลง 197.36 จุด, -1.59%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด, -1.05%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดที่ 3,553.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.54 จุด, +0.38%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดที่ 1,864.03 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด, +0.15%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,412.85 จุด ลดลง 87.84 จุด, -1.35%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 31,601.45 จุด เพิ่มขึ้น 7.12 จุด, +0.02%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดที่ 8,419.57 จุด ลดลง 33.93 จุด, -0.40%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ปิดที่ 3,310.24 จุด ลดลง 16.46 จุด, -0.49%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดที่ 2,494.49 จุด เพิ่มขึ้น 10.37 จุด, +0.42%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ 21,968.10 จุด เพิ่มขึ้น 144.07 จุด, +0.66%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 11,095.63 จุด เพิ่มขึ้น 93.53 จุด, +0.85%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 5,974.70 จุด ลดลง 21.40 จุด, -0.36%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 6,077.10 จุด ลดลง 24.30 จุด, -0.40%


ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้วิตกข่าว ทรัมป์ปลด รมว.ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้วิตกข่าว ทรัมป์ปลด รมว.ต่างประเทศ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร
กำลังโหลดความคิดเห็น