xs
xsm
sm
md
lg

‘HAPPYLIFE FARM’ เปิดโมเดลเกษตรยุคใหม่ เพาะ“เห็ด”ให้ยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฟาร์มเห็ด ‘HAPPYLIFE FARM’ นับเป็นต้นแบบของการทำธุรกิจเกษตรยุคใหม่ ที่ยกระดับการเพาะเห็ดในกระบวนแบบอินทรีย์ พร้อมต่อยอดแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด ช่วยให้สินค้ามีช่องทางตลาดหลากหลาย และตอบโจทย์กลุ่มผู้รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี

ฟาร์มแห่งนี้ ดำเนินการภายใต้ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารตำบลสระพัฒนา” ตั้งอยู่ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี (2545) หรือประมาณ 14 ปีที่แล้ว โดย “ธณัส รัตนแสงศรี” ประธานกลุ่มฯ ซึ่งเป็นคนหนุ่มไฟแรง อยากจะเข้ามาทำธุรกิจเกษตรแบบปลอดสารพิษ โดยเลือกเลี้ยงกบ และปลา ทว่า ความตั้งใจดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขาดประสบการณ์
กมลวัน จันทร์พยอม  รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารตำบลสระพัฒนา
หลังล้มเหลวจากการทำเกษตรครั้งแรก ธณัสยังไม่ถอดใจ นำที่ดินผืนเดิมเปลี่ยนเป็นทำโรงเพาะเห็ด โดยได้ชักชวน “กมลวัน จันทร์พยอม” ปัจจุบันตำแหน่งรองประธานกลุ่มฯ เข้ามาช่วยกันทำธุรกิจฟาร์มเห็ด เนื่องจากทั้งสอง มีใจรักอยากจะทำเกษตรอินทรีย์เหมือนกัน

“แนวคิดของคุณธณัส มองว่า หากจะเพาะเห็ดแล้วขายเฉพาะเห็ดสด มีความเสี่ยงสูง เพราะควบคุมคุณภาพลำบาก อีกทั้ง ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตได้มากเท่าที่ควร ดังนั้น เราเลยคิดถึงการนำเห็ดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนของแก่การทำฟาร์มเห็ดได้” กมลวัน จันทร์พยอม กล่าวนำ

เบื้องต้นใช้เงินลงทุนหลักล้านบาท ในการสร้างโรงเรือน ส่วนความรู้ต่างๆ อาศัยไปอบรมศึกษาตามแหล่งต่างๆ แล้วนำมาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยจดทะเบียนจัดตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารตำบลสระพัฒนา” เมื่อปี พ.ศ.2547 รวบรวมชาวบ้านในท้องถิ่น มาทำการเพาะเห็ดหลากหลายชนิดแบบไร้สารเคมี โดยหวังจะช่วยสร้างอาชีพและรายได้ ให้ชาวบ้านในชุมชน

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกอย่างจะสำเร็จราบรื่นอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะชาวบ้านที่รับเห็ดไปเพาะตามครัวเรือน ยังคงยึดติดกับใช้สารเคมี ผิดต่อวัตถุประสงค์หลักที่วางไว้ ในที่สุด ต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ หันมาเพาะเห็ดเองทั้งหมด และค่อยๆ ทยอยแปรรูปผลิตภัณฑ์ทีละชนิด

“เราเริ่มต้นจากทำโรงเรือน เพาะเห็ดนางฟ้า แล้วนำมาแปรรูปง่ายๆ ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของฟาร์มคือ เห็ดทอด จากนั้น เราก็ขยายเพาะเห็ดชนิดต่างๆ ซึ่งทุกตัวจะยึดหลักว่า เพาะเห็ดอะไรขึ้นมาก็ตาม จะต้องนำไปแปรรูปได้ทั้งหมด ซึ่งความรู้ต่างๆ มาจากที่เราไปดูงาน และศึกษาเพิ่มเติม จากนั้นนำทดลองจนสำเร็จ” รองประธานกลุ่มฯ เผย

จากแนวคิดทำเกษตรทฤษฏีใหม่ที่มุ่งแปรรูปผลผลิต ทำให้ปัจจุบัน ‘HAPPYLIFE FARM’ เพาะเห็ดหลากหลายชนิด เช่น เห็ดโคนญี่ปุ่น (ยานางิ) เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรมฮังการี เห็นนางนวล เห็ดหลินจือ และเห็นหูหนู เป็นต้น นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เห็ดนานาชนิด เช่น เห็ดสวรรค์ น้ำพริกเห็ด เห็ดอบแห้ง แหนมเห็ด เครื่องดื่มจากเห็ด ข้าวเกรียบเห็ด ฯลฯ

กมลวัน กล่าวต่อว่า จุดเด่นของ HAPPYLIFE FARM อยู่ที่ความเป็นธรรมชาติในทุกขั้นตอนของการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเห็ดแบบออร์แกนิก ซึ่งจะใช้ขี้เลื่อยจากยางพาราที่มีใบรับรองการวิเคราะห์ว่าไม่อาบน้ำยา และมีการควบคุมโดยกรมวิชาการเกษตร ขณะที่ในส่วนของน้ำที่ใช้จะเป็นน้ำประปา เพราะเป็นน้ำที่ผ่านการกรองตามหลักของเกษตรอินทรีย์ ด้านของโรงเรือนปัจจุบันมีอยู่ 12 โรงเรือน ( 1 โรงเรือนเพาะเห็ด 5,000-10,000 ก้อน) เป็นโรงเรือนแบบปิดมิดชิด ภายใต้มาตรฐานควบคุมของกระทรวงสาธารณะสุข

ส่วนกระบวนการแปรรูป ล้วนเป็นแบบธรรมชาติ โดยไม่มีการใส่ผงชูรส และสารกันเสียใดๆ ทั้งสิ้น ได้รับการมาตรฐานจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งองค์การอาหารและยา (อย.) มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และมาตรฐาน GMP เป็นต้น

“หัวใจหลักของการเพาะเห็ดแบบอินทรีย์ คือ การทำการเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ ในพื้นที่การเกษตรต้องไม่มีสารพิษตกค้างและหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งต้องควบคุมให้ได้ทั้งหมด เป็นเรื่องยากมาก” กมลวัน ระบุ


นอกจากนั้น ในที่ฟาร์มเห็ดแห่งนี้ ยังมีนวัตกรรมเกษตรยุคใหม่ โดยมีโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ แบบเรือนกระจก (พาราโบลาร์โดม) และหม้อนึ่งไอน้ำชีวมวล ที่ช่วยอบสมุนไพรมีคุณภาพ ไร้สารเคมีเจือปน อีกทั้งยังช่วยลดภาวะโลกร้อนจากการใช้ก๊าซหุงต้ม จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึง สามารถประหยัดพลังงานได้มูลค่านับหมื่นๆ บาท ต่อเดือน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์และความรู้จากสำนักพลังงาน กระทรวงพลังงาน จังหวัดนครปฐม

ทั้งนี้ ด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย และที่สำคัญ เป็นมาตรฐานออร์แกนิคล้วนๆ ช่วยให้แบรนด์ ‘HAPPYLIFE FARM’ เพิ่มมูลค่าให้เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรพรีเมียม เพื่อลูกค้าตลาดบนกลุ่มรักสุขภาพ โดยมีช่องทางตลาดผ่านร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพทั่วประเทศ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ


รอง ปธ. กลุ่มเผยด้วยว่า ทุกวันนี้ HAPPYLIFE FARM ยึดหลักเกษตรทฤษฏีใหม่ มุ่งให้เกิดความยั่งยืน โดยกระจายการสร้างรายได้ครบวงจร ตั้งแต่ขายเห็ดสด ขายก้อนเชื้อเห็ด และขายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด สามารถทำรายได้เฉลี่ยประมาณ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน และกำลังขยายตลาดส่งออกต่างประเทศ เป้าหมายหลักที่ประเทศจีน รวมถึง เสริมการทำตลาดผ่านออนไลน์


นอกจากนั้น เปิดฟาร์มให้เป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องเห็ดอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการเพาะถึงแปรรูป เพื่อให้การเพาะเห็ดแบบอินทรีย์ขยายไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลดีต่อทั้งสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจ

ทุกวันนี้ หลายคนจะมีความเชื่อว่า เห็ดเพาะง่าย ได้ราคาดี ทำให้หน้าใหม่ หันมาทำอาชีพเพาะเห็ดขายกันเยอะมาก ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าจะเพาะในปริมาณมากแล้วได้คุณภาพดีด้วย เป็นเรื่องยากมาก ดังนั้น คนที่สนใจมาทำอาชีพนี้ ควรต้องหาข้อมูลและความรู้ประกอบมากๆ และถามใจตัวเองก่อนว่ารักในอาชีพเกษตรจริงหรือไม่ ที่สำคัญที่สุด ต้องหาตลาดรองรับไว้ได้เสียก่อน เพราะเกษตรกรไทย ส่วนใหญ่เก่งด้านการปลูกมาก แต่แทบทุกรายจะมีปัญหาด้านการทำตลาด เพราะปลูกโดยไม่ได้คำนึงก่อนว่า เมื่อผลผลิตออกมาแล้วจะไปขายที่ใด หรือขายให้ใคร สุดท้ายก็จะพบความล้มเหลว” กมลวัน ทิ้งท้าย



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น