ยุคนี้ต้องบอกว่าเป็นยุคของ “เทคโนโลยี” อย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน เทคโนโลยีก็ตามติดชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นนอน จนเข้านอนในแต่ละวัน เรียกว่าโลกขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้
ไม่แปลกที่วันนี้จึงเป็นโอกาส หรือยุคทองของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยไอเดียในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา ก่อตั้งเป็นธุรกิจที่สร้างความเปลี่ยนแปลง บางรายประสบความสำเร็จจนขนาดสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังบริษัทใหญ่ๆ ที่อยู่ในวงการมานานก็มีให้เห็นมาแล้ว
กูรูด้าน “Tech Startup” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการไอที และผู้ประกอบการ SMES รุ่นใหม่ “เรืองโรจน์ พูนผล” หรือ “กระทิง” หนุ่มนักปั้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในกลุ่มดิจิตอล ผู้ก่อตั้ง Disrupt University พูดถึงการเติบโตของสตาร์ทอัปทั่วโลกว่า เติบโตอย่างทวีคูณ และสิ่งนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในไม่ช้านี้
ส่วนหนึ่งในงานสัมมนา ก้าวสู่ปีที่ 40 ของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ “กระทิง” ฉายภาพถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่เรียกว่า “Re-Imagination” หรือ “Creative Destruction” คือ ยุคที่เรียกว่า “ทำลายล้าง เพื่อสร้างสรรค์” ธุรกิจใหม่ๆ มากมายกำลังเกิดขึ้นมาเพื่อทำลายล้างธุรกิจเก่าๆ
เขายกตัวอย่างคลาสสิกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ร้านหนังสือ Borders ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่ต้องล้มหายตายจากเพราะมองไม่เห็นโอกาสของธุรกิจ E-book โดยตัดสินใจเอาต์ซอร์สธุรกิจนี้ไปให้เว็บอีคอมเมิร์ซอย่าง Amezon ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทถึง 150,000 ล้านเหรียญ หรือ 6 ล้านล้านบาท
หรือกรณีของ Blockbuster ร้านเช่าดีวีดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครั้งหนึ่งเคยปฏิเสธข้อเสนอซื้อบริษัทเล็กๆ อย่าง “Netflix” ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่าเพียง 50 ล้านเหรียญ หลังจากผ่านไป 10 ปี Blockbuster ต้องปิดกิจการ ขณะที่ Netflix มีมูลค่าบริษัท 2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของสหรัฐ
อะไรคือ ความแตกต่าง นั่นคือ การมองเห็นอนาคตของธุรกิจผ่านมุมมองของ “เทคโนโลยี” ที่สามารถสร้างความแตกต่างให้แก่วงการ
นั่นพิสูจน์ได้ว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่เรียกว่า “The Age of Startups” หรือโลกของสตาร์ทอัป ที่บริษัทเล็กๆ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว การเติบโตขึ้น 10 เท่าต่อปีจะกลายเป็นเรื่องปกติ ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จนสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เขายกตัวอย่าง Grab Taxi ก่อตั้งโดยชายหนุ่มที่เพิ่งจบการศึกษาเพียงไม่กี่ปี โดยก่อตั้งในปี 2011 ปัจจุบัน Grab Taxi มีมูลค่าบริษัท 70,000 ล้านบาท ระดมทุนได้กว่า 20,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 ปี
เขาย้ำว่า “นี่คือสตาร์ทอัป ตอนแรกมันเล็กนิดเดียว แต่ระดมทุนได้เป็นหมื่นล้านบาท สู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้อย่างสูสี หรือดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะเขาเร็ว เขาโตมากับความเร็ว นั่นคือ สตาร์ทอัปที่จะเข้ามาทำลายล้างผู้เล่นที่มีอยู่ในวงการ”
ที่ร้อนแรงที่สุดในปีนี้ ต้องยกให้แก่ “ฟินเทค” (FinTech) การนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับ “ผลิตภัณฑ์และบริการ” ทางการเงิน ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น บริการที่ดีขึ้นในราคาที่ถูกลง กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของธนาคารต่างๆ
สะท้อนจากปัจจุบัน ทั่วโลกมีเงินทุนที่เข้าไปลงทุนกับ “ฟินเทค สตาร์ทอัป” เพิ่มจาก 3,000 ล้านเหรียญ เป็น 12,000 ล้านเหรียญ ระหว่างปี ค.ศ.2008-2014 และเพียงไตรมาสเดียวของปีนี้ มีมูลค่าพุ่งสูงถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่แปลกที่ขณะนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อกลุ่ม “สตาร์ทอัป” อย่างยิ่ง เห็นได้จากการจัดงาน Startup Thailand Expo 2016 เมื่อปลายเมษายนที่ผ่านมา หรืองาน e-Commerce Expo 2016 “ขายให้รวย ด้วยเทคโนโลยี” ที่จัดขึ้นไปเมื่อ 28 พฤษภาคม ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ซึ่ง “บสย.” ใช้โอกาสนี้ไปออกบูทให้คำปรึกษา และแนะนำบริการแก่คนรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการขอสินเชื่อแต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจได้ ซึ่งเร็วๆ นี้ บสย.ก็จะมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับกลุ่มนวัตกรรม และสตาร์ทอัปออกมาตอบโจทย์ผู้ประกอบการกลุ่มนี้โดยตรง
วันนี้ใครรู้ตัวว่ามีไอเดียธุรกิจดีๆ ที่สามารถสร้างสรรค์เป็นธุรกิจได้ เตรียมตัวให้พร้อม ยุคของ “The Age of Startups” หรือโลกของสตาร์ทอัปในประเทศไทยกำลังเริ่มขึ้นแล้ว
บทความโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *