ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินธุรกิจเครื่องสำอางยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีศักยภาพเป็นเจ้าตลาดอาเซียนในอนาคตได้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ได้เปิดเผยผลวิเคราะห์ตลาดเครื่องสำอางของไทยว่า ในภูมิภาคอาเซียนตลาดเครื่องสำอางไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนประชากรที่อยู่ในวัยทำงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 300 ล้านคน และจากตัวเลขโครงสร้างตลาดของ Yano research institute ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและสำรวจภาวะธุรกิจของญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นว่าตลาดของไทยเองมีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดอาเซียน คือกว่าร้อยละ 30 รองลงมาเป็น อินโดนีเซีย (28%) และฟิลิปปินส์ (20%)
ส่งผลมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอางของไทยไปอาเซียนจึงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยได้ถึงร้อยละ 9.2 ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยไทยส่งออกเครื่องสำอางไปยังตลาดอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 44 ของการส่งออกเครื่องสำอางรวมทั้งหมด และด้วยมูลค่าตลาดอาเซียนในปี 2558 ที่ทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ คาดว่าจะมีถึง 6.1 แสนล้านบาท จึงทำให้ตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพในแง่ขนาดมูลค่าตลาดและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้คนต่างให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพอนามัย การเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในวัยทำงานที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากในอดีต จึงทำให้ตลาดเครื่องสำอางของไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ในปี 2558 ธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดในประเทศถึง 2.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 1.2 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกที่ทำรายได้ให้ประเทศกว่า 9 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ธุรกิจเครื่องสำอางของไทยยังได้รับปัจจัยหนุนจากความอุดมสมบูรณ์ด้านวัตถุดิบสมุนไพรที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพ ทำให้ไทยชิงความได้เปรียบคู่แข่ง เนื่องจากวัตถุดิบสมุนไพรจากธรรมชาติสามารถตอบโจทย์เทรนด์พฤติกรรมใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค การสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การให้สถาบันวิจัยนาโนเทคจัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตเครื่องสำอางครบวงจรเพื่อให้เป็นแบบอย่างผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสินค้าของตนเอง การส่งเสริมการจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำอย่างบูรณาการ และการที่กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แก้ไข พ.ร.บ.เครื่องสำอางบางส่วนที่ยังเป็นอุปสรรคต่อผู้ผลิตอยู่
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวข้างต้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ คาดว่าปี 2559 มูลค่าตลาดเครื่องสำอางของไทยจะสามารถขยายตัวได้กว่าร้อยละ 15 และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จะสำเร็จรวดเร็วหรือไม่อย่างไรนั้นคงต้องอาศัยภาครัฐเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุน และลดอุปสรรคที่เป็นปัญหาต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ควรพัฒนาสินค้าของตนเองให้ได้ตามมาตรฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเครื่องสำอาง เช่น ASEAN GMP มาตรฐานฮาลาล EU Cosmetic Regulation และ Gulf standard ซึ่งการได้รับมาตรฐานเหล่านี้จะส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของผู้ประกอบการมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำตลาดทั้งในประเทศและตลาดอาเซียนต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *