xs
xsm
sm
md
lg

เปิด “สามพรานโมเดล” อาณาจักรเกษตรอินทรีย์ สดจากสวนสู่ผู้บริโภค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กิจกรรมภายใน สวนสามพราน
“สวนสามพราน” ถือเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยู่คู่ จ.นครปฐมมายาวนาน ภายใต้พื้นที่กว่า 170 ไร่ มีทั้งสวนดอกไม้นานาชนิด หมู่บ้านไทย และเปิดบริการโรงแรม ที่พัก และร้านอาหาร เป็นต้น นอกจากนั้น ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อีกบทบาทใหม่ของสวนสามพรานที่เริ่มคุ้นชินของคนทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ คือ ศูนย์รวมการทำเกษตรอินทรีย์ครบวงจร ส่งตรงผักผลไม้ปลอดสารพิษจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภคโดยตรงในราคาถูก เกิดประโยชน์ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ “สามพรานโมเดล”
“อรุษ นวราช”  กรรมการผู้จัดการ สามพราน ริเวอร์ไซด์ (สวนสามพราน) ผู้บุกเบิกโครงการ “สามพรานโมเดล”
เจ้าของโครงการและผู้บุกเบิก ได้แก่ ทายาทธุรกิจสวนสามพรานอย่าง “อรุษ นวราช” หรือ “คุณโอ” กรรมการผู้จัดการ สามพราน ริเวอร์ไซด์ (สวนสามพราน) ร่ำเรียนทางด้านวิศวกรรมเคมีจากประเทศอังกฤษ เคยทำงานที่กรุงเทพฯ นับสิบปี ก่อนจะกลับมาสานธุรกิจครอบครัวต่อจากคุณแม่ (สุชาดา ยุวบูรณ์)

ผู้บริหารหนุ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นโครงการมาจากคุณแม่และตัวเขาเองใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพ เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วริเริ่มแบ่งพื้นที่ประมาณ 35 ไร่มาทำแปลงสาธิตปลูกผัก และสวนผลไม้ตามวิธีเกษตรอินทรีย์ เพื่อจะนำผลผลิตมาให้ใช้ในห้องอาหารบริการลูกค้าโรงแรม

อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผลผลิตที่ปลูกในแปลงตัวเองไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหาเพิ่มเติม หากจะซื้อจากตัวแทนหรือพ่อค้าคนกลางที่ไปรับผลผลิตจากเกษตรกรมาขายต่อ ราคาก็สูงมาก จึงเกิดแนวคิดลงไปสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นให้ทำเกษตรอินทรีย์ แล้วรับซื้อวัตถุดิบดังกล่าวจากเกษตรกรในท้องถิ่นด้วย แต่ปัญหาที่พบกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ “สามพรานโมเดล” ในปัจจุบัน
สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ขายในโรงแรม
@@@แก้ปมสร้างตลาดให้สินค้าเกษตรอินทรีย์

ตอนนั้นที่เราเข้าไปหาเกษตรกรพบปัญหาว่า เกษตรกรในท้องถิ่นแทบทุกรายล้วนแต่ทำเกษตรโดยใช้สารเคมี เพราะต้นทุนถูก และมีตลาดรองรับแน่นอน รวมถึงเราพบว่าจริงๆ แล้วเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่อยากจะใช้สารเคมีหรอก เพราะมันส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเขา แต่ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องทำ เพราะเกษตรอินทรีย์ทำยากและใช้เวลานาน ที่สำคัญที่สุด “ไม่มีตลาดรองรับ” ในขณะที่พวกเราคนเมืองอยากบริโภคผักผลไม้อินทรีย์ แต่กลับเข้าถึงได้ยากเพราะราคาสูงเกินจะจ่ายไหว นี่ทำให้ผมเห็นว่าต้องพาเกษตรกรมาเชื่อมถึงผู้บริโภคโดยตรง ส่วนการส่งเสริมจะทำแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ แต่ต้องทำให้ครบวงจร” คุณโอชี้แนวคิดหลัก

เขาเล่าต่อว่า เบื้องต้นการลงไปถ่ายทอดความรู้ให้ชาวบ้านมาทำเกษตรอินทรีย์ ประสานขอวิทยากรจากสถาบันการศึกษา แล้วใช้พนักงานของสวนสามพรานเป็นทีมปฏิบัติการ ช่วงแรกชาวบ้านยังไม่เข้าใจ บางคนต่อต้าน กว่าจะสร้างการยอมรับและเข้าใจ และเริ่มเห็นผลจริงจังใช้เวลากว่า 2 ปี

ขั้นต่อมา ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ คือ การหาตลาดรองรับ อรุษแจกแจงในส่วนนี้ว่า ด้านตลาดทำในหลายๆ ด้าน ได้แก่ ทางโรงแรมรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่เข้าโครงการในราคารับประกัน ปัจจุบันรับซื้อข้าวประมาณ 2.5-3 ตันต่อเดือน ผลไม้ 4-5 ตันต่อเดือน และผัก 2-3 ตันต่อเดือน มูลค่ารวมกว่า 9 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเกษตรกรได้เงินกว่า 5-6 แสนบาท

อีกทั้งเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้วเปิดพื้นที่ 2 ไร่ในสวนสามพรานทำเป็น “ตลาดนัดสุขใจ” เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่อยู่ในโครงการมาออกร้านขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ฟรีๆ ในทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ โดยที่ผ่านมาผลตอบรับจากผู้บริโภคสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ตอนนี้เฉลี่ยมีคนมาเที่ยววันละประมาณ 1,000 คน เกิดเงินหมุนเวียนในตลาดนัดสุขใจ เดือนละประมาณ 2 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่มาออกร้านรายละประมาณ 35,000 บาทต่อการขาย 8 วัน นอกจากนั้น ในรายที่พัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูปได้มาตรฐานสูง สามารถนำสินค้าไปวางขายในโรงแรมได้ฟรีอีกเช่นกัน
“ตลาดนัดสุขใจ” เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่อยู่ในโครงการมาออกร้านขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ฟรีๆ ในทุกวันเสาร์และอาทิตย์
รวมถึงจัดโครงการ “ตลาดนัดสุขใจสัญจร” ด้วยการประสานไปยังหน่วยงานขนาดใหญ่หลายแห่ง ขอใช้สถานที่พาเกษตรกรในโครงการไปออกบูท เป็นการขยายช่องทางตลาดให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้การตอบรับจากองค์กรใหญ่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสำนักงานขนาดใหญ่ โรงพยาบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ โดยเฉลี่ยการออกสัญจรมียอดขายประมาณ 20,000 บาทต่อวัน นอกจากนั้นยังทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ผ่านอีคอมเมิร์ซอีกด้วย

และแนวทางทำตลาดใหม่ล่าสุด เตรียมจัดงาน “วันสังคมสุขใจ” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย. นี้ ณ สวนสามพราน จ.นครปฐม ภายในงานจะมีกิจกรรมสำคัญ เช่น การออกร้านขายผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ที่อยู่ในโครงการสามพรานโมเดลกว่า 100 ชนิด ทั้งประเภทสินค้าเกษตรอินทรีย์สดๆ จากไร่ หรือสินค้าเกษตรอินทรีย์แปรรูป การเวิร์กชอปสุขภาพจากการบริโภค วิธีปลูกผักอินทรีย์ ตรวจสุขภาพฟรีกับแพทย์แผนไทย และต้นแบบสร้างบ้านดิน ฯลฯ

ในอนาคตแผนที่คิดไว้จะหาพันธมิตรทั้งกลุ่มโรงแรมอื่นๆ และซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ เพื่อส่งสินค้าเกษตรอินทรีย์ในโครงการไปขาย ขยายช่องทางตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

@@@เชื่อมความร่วมมือเอกชน กับภาครัฐ

คุณโอระบุด้วยว่า โครงการ “สามพรานโมเดล” ถือเป็นอีกต้นแบบของความร่วมมือระหว่างเอกชน กับภาครัฐ จากเบื้องต้นทางสวนสามพรานลงมือทำ และควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด จนเมื่อโครงการเข้าสู่ปีที่ 3 หน่วยงานภาครัฐเห็นถึงประโยชน์และผลสำเร็จที่เกิดขึ้น จึงได้เข้ามาสนับสนุนงบประมาณ โดยได้รับทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ปีละ 5-6 ล้านบาท นำไปใช้เป็นค่าบริหารจัดการต่างๆ เช่น ค่าอบรม ค่าการวิจัยและพัฒนาแปรรูปสินค้าเกษตรอินทรีย์ การพัฒนามาตรฐานเข้าสู่ระบบ IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movement) เป็นต้น
ขนมโบราณทำจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์หากินได้ที่ตลาดนัดสุขใจ
อีกทั้งส่วนหนึ่งไปใช้สนับสนุนโรงเรียนในท้องถิ่น 10 แห่ง ให้เด็กนักเรียนทดลองทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อเรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ยังเล็ก

การทำโครงการใดๆ ก็ตาม หากจะให้ยั่งยืนต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกๆ ฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน เพราะถ้าภาครัฐทำเป็นโครงการเหมือนทั่วไป เมื่อหมดเงินโครงการต่างๆ ก็ต้องยุติลงไป ส่วนจะให้ภาคเอกชนทำเองทั้งหมดถือเป็นภาระที่ยากจะแบกรับไหว แต่หากเกิดความร่วมมือแล้วให้กลไกตลาดขับเคลื่อนไปได้ ทุกฝ่ายเกิดประโยชน์จะทำให้โครงการเกิดความยั่งยืน อย่างโครงการนี้ ที่สวนสามพรานได้แหล่งวัตถุดิบคุณภาพดีต้นทุนต่ำ นักวิชาการได้เผยแพร่ความรู้และงานวิจัย และส่วนเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม” หนุ่มไฟแรงชี้
ปลูกผักจิตสำนึกเรื่องเกษตรอินทรีย์ให้แก่เด็กในโรงเรียนท้องถิ่น
@@@สร้างองค์กรแกร่งจาก CSR เกษตรอินทรีย์

จะเห็นได้ว่าในโครงการ “สามพรานโมเดล” ทางสวนสามพรานถือเป็นแม่งานขับเคลื่อนทุกด้าน คำถามที่ยิงตรงไปยังผู้บริหารหนุ่มคือ “ทำไปแล้วสวนสามพรานได้อะไร?”

“ที่ได้โดยตรงคือ ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ราคาถูกที่มาใช้ในโรงแรม ซึ่งการรับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงทำให้เราลดต้นทุนไปมาก” คุณโอตอบ และกล่าวต่อว่า “แน่นอน ทางอ้อม เราได้เรื่องการประชาสัมพันธ์องค์กร สร้างแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะศูนย์กลางของการทำเกษตรอินทรีย์ ทุกวันนี้เราได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศมาสัมมนาและดูงานการทำโครงการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีลูกค้ากลุ่มนี้มาก่อน

แต่สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าเราได้มากที่สุดคือ การทำ CSR (Corporate Social Responsibility) ปลุกจิตสำนึกให้พนักงานในสวนสามพราน ที่ปัจจุบันมีกว่า 400 คน มีทัศนคติเดียวกัน ในการทำองค์กรแห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางเกษตรอินทรีย์เพื่อชุมชน เมื่อพนักงานออกไปช่วยชาวบ้านทำเรื่องเกษตรอินทรีย์แล้วเห็นผลสำเร็จจากสิ่งที่ทำก็เกิดความสุข และรู้ว่าองค์กรแห่งนี้มีทิศทางอย่างไรชัดเจน ตรงนี้แหละ เมื่อทุกคนมีจิตวิญญาณร่วมกัน เดินไปตรงกัน องค์กรก็จะขับเคลื่อนอย่างมีพลัง” อรุษเผย
สุทิศ จิราวุฒิพงศ์ ผู้จัดการโครงการสามพรานโมเดล
@@@มั่นใจสินค้าเกษตรอินทรีย์ตลาดพร้อมอุ้ม

ด้าน สุทิศ จิราวุฒิพงศ์ ผู้จัดการโครงการสามพรานโมเดล ให้ข้อมูลเสริมว่า การคัดเลือกเกษตรกรเข้ามาสู่โครงการ อันดับแรกต้องมีใจอยากจะพัฒนาหันมาทำเกษตรอินทรีย์จริงจัง โดยส่วนใหญ่จะส่งเสริมให้เกษตรทำอาชีพเดิมของเขา ไม่ได้ปรับให้ปลูกพืชชนิดใหม่ๆ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกจากใช้สารเคมีมาสู่วิธีธรรมชาติ เบื้องต้นจะส่งเสริมให้ชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ไว้กินเองในครัวเรือน และเมื่อผลผลิตเหลือมากพอค่อยนำออกมาขาย

“ทุกวันนี้ผมกล้ายืนยันว่าตลาดต้องการข้าว ผัก ผลไม้อินทรีย์สูงมาก ขอเพียงพัฒนาให้ได้มาตรฐาน มีตลาดรองรับแน่นอน แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรไม่อยากทำเกษตรอินทรีย์ เพราะส่วนตัวก็มีปัญหามากอยู่แล้ว ทั้งเรื่องหนี้ และขาดตลาด แต่เมื่อมีโครงการนี้ เราไม่ได้ไปเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา แค่ให้เขามาปรับวิธีการและพัฒนาตัวเอง เริ่มจากทำแล้วกินเอง สุขภาพก็จะดีขึ้น ชุมชนก็ดีขึ้น หลังจากนั้น เมื่อมีผลผลิตมากพอค่อยนำมาขาย ซึ่งทางสวนสามพรานทำหน้าที่เป็นตัวกลางหาตลาดรองรับให้อยู่แล้ว” สุทิศเผย
กิจกรรม “ตลาดนัดสุขใจสัญจร”

ผู้จัดการโครงการเผยด้วยว่า นับตั้งแต่เริ่มเข้าไปส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ มีชาวบ้านร่วมกว่า 500 คน และถึงปัจจุบันเหลือตัวจริงที่ดำเนินการต่อเนื่องจำนวน 225 ราย รวมตัวกันเป็นเครือข่ายทั้งหมด 11 กลุ่ม และในจำนวนดังกล่าวมีรายที่พัฒนาไปถึงมาตรฐาน IFOAM จำนวน 5 ราย และอยู่ในขั้นตอนดำเนินการอีก 22 ราย ตามเป้าทั้งหมดจะผ่านมาตรฐานได้ในปีหน้า (2558)
“ตลาดนัดสุขใจ” เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่อยู่ในโครงการมาออกร้านขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ฟรีๆ ในทุกวันเสาร์และอาทิตย์

@@@“ป้าฉวี” จากเกษตรเคมีสู่วิถีอินทรีย์ยั่งยืน

ฉวี สวนแก้ว หรือป้าฉวี วัย 70 ปี เกษตรกรใน ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ “สามพรานโมเดล” จากที่เดิมทำเกษตรเคมีมาตลอดชีวิต เพราะอยากให้ผลผลิตรูปร่างสวย เพื่อจะขายง่าย และได้ราคาดี

แต่เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารเคมีแทบทุกวัน โรคภัยต่างๆ รุมเร้า เงินที่ได้จากการค้าขายต้องเอามารักษาสุขภาพ อีกทั้งราคาปุ๋ยเคมีก็สูงขึ้นทุกปี หักกลบลบหนี้แล้วไม่มีเงินเหลือเลย ทำให้ป้าฉวีตัดสินใจเลิกใช้สารเคมีหันมาทำเกษตรอินทรีย์ทดแทนอย่างจริงจัง
ขนมโบราณทำจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์หากินได้ที่ตลาดนัดสุขใจ
“หลังจากร่างกายรู้สึกไม่ไหวแล้ว ป้าเลยตัดใจเลิกใช้สารเคมีอย่างเด็ดขาด เปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ตามที่ได้รับคำแนะนำจากวิทยากรของโครงการ ตอนแรกหลายคนหัวเราะป้า เขาว่าทำแบบอินทรีย์ไม่พอกิน แต่ก็ไม่ได้สนใจ คิดแค่ทำกินเองในครอบครัว แต่พอลงมือทำอย่างจริงจัง นานวันเข้าผลตอบแทนที่ได้มันมากกว่าที่คิด ทุกวันนี้มีตลาดรองรับที่แน่นอน โดยทุกวันอังคาร กับวันเสาร์ส่งขายโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ ซึ่งจะรับซื้อและประกันราคาให้ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ส่งไปขายที่ตลาดสุขใจ และมีแม่ค้ามารับซื้อไปขายต่อบ้าง แต่ละวันจะมีรายได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 300-400 บาท ถือว่าอยู่ได้ หักค่าใช้จ่ายแล้วทำให้มีเงินเก็บประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อเดือน” ป้าฉวีเสริม


@@@วาดฝัน “สามพรานโมเดล” กระจายทั่ว ปท.

ย้อนกลับมาที่ผู้บุกเบิกอีกครั้ง คุณโอกล่าวว่า ความท้าทายของโครงการ “สามพรานโมเดล” คือ ต้องรักษาคุณภาพของผลผลิตที่ออกมาให้ได้สม่ำเสมอ เพราะหากพลาด สินค้าที่ออกมาไม่เป็นที่ยอมรับ กระทบชื่อเสียงและความไว้วางใจ สุดท้ายอาจจะต้องล้มทั้งโครงการ

ส่วนความคาดหวัง เขาบอกว่า อยากให้โครงการลักษณะ “สามพรานโมเดล” กระจายไปสู่ทุกหนทุกแห่งในประเทศไทย ชุมชนหรือท้องถิ่นต่างๆ หันมาทำเกษตรอินทรีย์อย่างแพร่หลาย ช่วยให้ผู้บริโภคทั่วไปจะได้มีโอกาสเข้าถึงผักผลไม้สดปลอดภัยในราคาที่ถูกลง ขณะที่เกษตรกรผู้เพาะปลูกในแต่ละคนในชุมชนจะมีสุขภาพดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มจากการขายผลผลิตและการท่องเที่ยว ทั้งหมดจะส่งให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และต่อยอดสู่สังคมอันเป็นสุขอย่างยั่งยืน

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น