ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หากเกาะติดสถานการณ์ราคายางอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาทั้งในและนอกประเทศแล้ว บอกได้คำเดียวว่ายังมืดมนไม่มีอนาคต และไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพทำสวนยางแห่งภาคใต้จะอั้นความอดทนต่อไปได้ไหว ดังนั้นอีกเพียง 5 วันนับจากนี้ต่อไปรัฐบาล คสช.อาจจะต้องรับมือกับม็อบชาวสวนยางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกเสียจากการรีบออกมาตรการต่างๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม และที่สำคัญจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วน
ความเคร่งเครียดของพี่น้องชาวสวนยางที่พรั่งพรูมาตามโลกโซเชียลมีเดียต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาทนขาดทุนต่อไปไม่ไหวแล้วเพราะจนถึงขณะนี้ราคายางยังอยู่แค่เพียง 42 - 45 บาทต่อ กก.และมีความเห็นส่วนหนึ่งทวงถามไปยัง พระสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เคยรับปากว่าประสานกับรัฐบาลแล้วขอให้ช่วยขยับราคายางไปที่ กก.ละ 46 บาทแต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววอะไร
พูดถึงพระสุเทพ หรือหลวงลุงสุเทพ ปภากโร แห่งสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี แม้ช่วงนี้ดูจะห่างหายไปสังคมข่าวสารบ้างแต่ต้องยอมรับว่าครั้งใดก็ตามที่ปรากฏตัวขึ้น กระแสความสนใจต่างพุ่งเข้าไปหาทันที
ตัวอย่างล่าสุดคือการประดับยศให้กับ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.สุราษฎร์ธานี สร้างความฮือฮากลายเป็นข่าวถึงความเหมาะสมหรือไม่แล้วแต่กองเชียร์ที่มีทั้งรักและชังหลวงลุงสุเทพ
อย่างไรก็ตาม กระแสการประดับยศ ผบก.สุราษฎร์ธานี ไม่อาจดับลงทันทีแม้ฝ่ายฆราวาสจะออกมายอมรับว่าไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษนอกจากความเคารพนับถือกันมาเป็นเวลาช้านาน พร้อมๆ กับข่าวอีกทางหนึ่งว่าคนของพระสุเทพ หรือหลวงลุงกำนัน มิได้มีเพียงระดับ ผบก.สุราษฎร์ธานี เท่านั้นแม้แต่ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภ.8 ก็เป็นตำแหน่งตามโควตาอดีตแกนนำ กปปส.จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากคำยืนยันของพระสุเทพ กับชาวสวนยางช่วงที่ฮึ่มๆจะออกมาประท้วงราคายางตกต่ำว่ารัฐบาลกับเราเป็นพวกเดียวกัน
“เขารับปากว่าจะให้ถึง 62 บาทแต่ควรเป็น 80 บาทเพื่อชาวสวนยางจะได้สบายใจ” นี่คือคำขอร้องและรับปากกับเกษตรกรชาวสวนยาง
มาวันนี้ราคายางไม่กระเตื้อง ศึกหนักจึงตกที่ชาวภาคใต้ที่ประกอบอาชีพทำสวนยางเป็นหลัก ภาพ กปปส.โดยการสนับสนุนจากพี่น้องชาวภาคใต้ทั้งตรัง สุราษฎร์ฯ นครศรีธรรมราช ชุมพร และอีกหลายๆ จังหวัดกลับมาฉายซ้ำ หลายชีวิตต้องสังเวยไป หลายชีวิตบาดเจ็บและพิการ และอีกหลายหมื่นครอบครัวกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ เป็นความอัดอั้น-คับแค้นใจอย่างที่สุดเพราะทางหนึ่งหลวงลุง ก็อ้างความเป็นพวกความเป็นเพื่อน อีกทางหนึ่งกฎอัยการศึกที่สะกดการเคลื่อนไหวต่างๆ ปัญหาราคายางทางภาคใต้จึงมีเรื่องของอารมณ์อันหลากหลายเข้ามาปะปนกันด้วย
สำหรับพระสุเทพ หรือหลวงลุงกำนัน แม้จะอยู่ในห่มจีวรแต่ลีลาการขับเคลื่อนไม่เหมือนกับวาจาที่เคยลั่นไว้คือเลิกเล่นการเมืองอย่างเด็ดขาด ปัจจุบันสภาพความเป็นอยู่ของวัดสวนโมกข์เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ว่ากันว่าจากวัดอันเงียบสงบ วัดที่เป็นรากฐานของพุทธศาสนา เป็นเสมือนจิตวิญญาณและอุดมการณ์ที่ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้วางไว้ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่ยอมรับของพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่าเป็นสถานที่อันมีอิสระทางปัญญา ไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองใดๆ แต่มาวันนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เป็นและอย่างที่เคยเห็น
แท้จริงแล้วพระสุเทพ ก็คือนักการเมืองคนหนึ่งที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชน และใช้ความสามารถตรงนั้นใช้ประโยชน์ทางพุทธศาสนาอย่างแยบยลไม่ว่าจะรักษามวลชนและเพิ่มความศรัทธาด้วยการห่มเหลืองอีกทั้งยังตระเตรียมสรรพกำลังโดยมีนายตำรวจระดับสูง เป็นบุคคลที่ไว้เนื้อเชื่อใจลงมาคุมพื้นที่ทั้งหมด
สำหรับการประดับยศ หรือติดยศที่ยังค้างคาใจสังคมอยู่นั้นว่ากันตามธรรมเนียมตำรวจ ก็เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู หรือสำนึกในพระคุณ ตำรวจบางคนเลือกให้บิดา-มารดา เป็นคนติดยศให้ ตำรวจบางคนเลือกผู้บังคับบัญชาของตัว หรือบุคคลที่เชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของชีวิตเช่นกรณีอื้อฉาวที่สุดของวงการตำรวจเมื่อปี 2546 มีนายกรัฐมนตรีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างหนัก ช่วงนั้น พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็นผบก.ป.ร่วมกันทะลายเครือข่าย “ภาพ 70 ไร่”หรือนายสุภาพ สีแดง หรือนายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ จากการตรวจค้นบ้านก่อนทำการยึดทรัพย์เจ้าหน้าที่พบภาพถ่ายนายสุภาพ เจ้าพ่อยาเสพติดย่านคลองเตยกำลังประดับยศนายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งต่อมามีคำสั่งให้ออกจากราชการในทันที
ข่าวฉาวโฉ่ครานั้นสร้างความอับอายให้แก่วงการตำรวจไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังมีการระบุถึงนายตำรวจระดับสูงยศ พล.ต.อ.ว ซึ่งอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนภาพ 70 ไร่ด้วยจึงเพิ่มภาพลบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคนั้นชนิดที่ตำรวจเดินไปไหนแทบเอาปี๊บคลุมหัว
นายตำรวจผู้โด่งดังอีกรายหนึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น.เจ้าของคำพูดตรึงความรู้สึกในด้านลบของคนไทยนั่นคือ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ผู้ประดับยศก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนักโทษหนีคดี
ทั้งนี้ ข่าวคราวที่ปรากฏขึ้นก็เพราะมีนักข่าวประจำ บช.น.เกิดไปเห็นภาพติดกรอบอย่างดีแขวนไว้หน้าสำนักงาน ผบช.น และที่เด็ดสุดก็คือใต้ภาพที่เขียนไว้ด้วยถ้อยคำดังกล่าวจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมจนเจ้าตัวต้องออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนพร้อมกับมีความพยายามตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางจริยธรรมแต่ที่สุดไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนมาถึงคิวหลวงลุงกำนัน ประดับยศผู้การฯท่ามกลางเสียงวิพากษ์ของคนที่ชังและชอบ
สรุปว่าการประดับยศของตำรวจจุดประสงค์หลักก็คือต้องการแสดงออกถึงความกตัญญูโดยถือว่าเป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุดแก่บุคคลที่ถูกเลือก แต่อีกทางหนึ่งคือการเอาใจ ตำรวจบางคนแอบไปให้ใครต่อใครประดับยศให้เพื่อประจบสอพลอและเพื่อประโยชน์ของตนเองซึ่งในวงการก็พอจะรู้ว่ามีใครบ้าง
วันนี้พระสุเทพ หรือลุงกำนันสุเทพ อดีตเลขาธิการ กปปส.ผู้ล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนำมาด้วยการยึดอำนาจของคณะทหาร ยังคงเวียนว่ายทางการเมืองด้วยรูปแบบใหม่ซึ่งอาจจะเรียกว่า “การเมืองแบบพระ”ก็คงไม่ผิดนัก และด้วยความเชี่ยวชาญทางการเมืองสังคมไทยคงต้องจับตากันต่อไปว่าในวันข้างหน้าพระสุเทพ จะใช้ลีลาอะไร เลิกเล่นการเมืองหรือเล่นต่อในรูปแบบอื่นซึ่งก็สุดคาดเดากันได้ นั่นเพราะศักยภาพของนักการเมืองรุ่นลายคราม และกลุ่มมวลชนที่ยังศรัทธาไม่เสื่อมถอย สุดท้ายคือฐานที่มั่นแห่งเมืองหอยใหญ่อันมีตำรวจระดับนายพลคุมจังหวัด และคุมภาค มาดูแลอย่างใกล้ชิดที่สุดคงไม่เลิกแต่แค่เปลี่ยนรูปแบบ
ไม่ว่าอะไรก็ตาม พระสุเทพ จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร อนาคตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมาเดินตามท้องถนนจะไปทางไหน.... ที่แน่ๆ ณ เวลานี้ วัดธารน้ำไหล หรือสวนโมกขพลาราม ได้กลายเป็นที่ชุมนุมทาง การเมืองไปแล้ว