xs
xsm
sm
md
lg

ฟัง “พระสุเทพ” ปราศรัยคำต่อคำที่วัดเนินพิจิตร จ.สงขลา (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ - ช่วงบ่ายวานนี้ (4 พ.ย.) พระปภากโรภิกขุ หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางไปร่วมงานทอดกฐินที่วัดเนินพิจิตร ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา ภายหลังทำพิธีทอดกฐิน ณ ศาลาบนเนินกลางวัด เจ้าภาพก็ได้ประกาศเชิญให้หลวงลุงสุเทพขึ้นปราศรัยแก่ประชาชนที่มาร่วมงานนับพันคน

ช่วงบ่ายวานนี้ (4 พ.ย.) พระปภากโรภิกขุ หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางจากวัดธารน้ำไหล หรือวัดสวนโมกขพลาราม ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ไปร่วมงานทอดกฐินที่วัดเนินพิจิตร ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา โดยมีอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมคณะด้วยพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายเจือ ราชสีห์ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นมากหน้าหลายตา

ภายหลังทำพิธีทอดกฐิน ณ ศาลาบนเนินกลางวัด เจ้าภาพก็ได้ประกาศเชิญให้หลวงลุงสุเทพ หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ ลงไปยังบริเวณเต็นท์ใหญ่กลางลานวัดหน้ากองอำนวยการ เพื่อปราศรัยต่อประชาชนที่มาร่วมงานนับพันคน ซึ่งพระสุเทพได้เริ่มต้นด้วยการทักทายญาติโยมที่มาร่วมงานในนามมวลมหาประชาชน และเคยร่วมต่อสู้กับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)

คลิปที่ 1


คลิปที่ 2


############

“...ได้มาปราศรัยกับบรรดาญาติโยม พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานวันนี้ และตอนนี้พอสมควรแก่เวลา เจริญพรท่านนายอำเภอ ท่านผู้นำท้องถิ่นทั้งหลาย ญาติโยม พุทธศาสนิกชนทุกท่าน วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่อาตมาได้มาร่วมงานกฐินในพื้นที่จังหวัดสงขลา ก็พบ ส.ส.หน้าเดิมนะ ท่านถาวร ท่านวิรัตน์ ท่านเจือ ท่านชัยวุฒิ เจอกันทุกวัดเลย ว่าไปแล้วฤดูกฐินนี้ อาตมาไม่ได้อยู่วัดสักวันหนึ่ง ออกจากวัดตั้งแต่หกโมงครึ่งบ้าง เจ็ดโมงบ้าง ใครไปนิมนต์อาตมาไปให้ทั้งหมด วัดเล็ก วัดใหญ่ สำนักสงฆ์อาตมาก็ไปหมด เพราะอาตมาถือว่าตอนที่เป็นฆราวาสอาตมาก็เป็นคนของประชาชน

เพราะฉะนั้นเมื่อมาเป็นพระก็ยอมเป็นพระของโยมทั้งหลาย รับใช้พระศาสนารับใช้วัดวาอาราม รับใช้พุทธศาสนิกชน ใครไปนิมนต์ก่อนก็รับก่อน สงขลานี้เก่งพอรู้ข่าวว่าอาตมาบวชก็ไปถึงที่เลย จองคิวเลย ต้องเปิดสมุดดูเลยวัดนี้จองวันนั้น วัดนั้นจองวันโน้น ส่วนมากที่สงขลาคนที่ไปก่อน อาตมาได้มาทุกวัดเลย เพราะว่าไปก่อนทุกคน รองลงมาก็เป็นพัทลุง และก็นครศรีธรรมราช มีตรังบ้างเล็กน้อย ชุมพรมากสักนิด พวกสุราษฎร์ธานีนี้ไม่เลย เพราะพวกนั้นตายใจว่า อยู่ใกล้ไปนิมนต์เมื่อไรก็ได้ มาก็ตอนหมดเวลาแล้ว ซึ่งตอนนี้อาตมาวันหนึ่งก็วัดถึงสองวัดสามวัดทุกวันเลยโยม

วันก่อนตอนมาสงขลาวันเดียว 4 วัด เอาเรื่องเหมือนกัน วันนี้กว่าจะมาถึงวัด โยมต้องแวะที่อําเภอร่อนพิบูลย์ก่อนตอนเก้าโมงเช้าเสร็จก็มานี้ พอรถเข้ามาในวัดก็บ่ายโมงตรงพอดีตามเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้ พรุ่งนี้หนักสักหน่อยโยม พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าที่อําเภอรัตภูมิ เสร็จก็วิ่งย้อนไปอำเภอควนขนุนที่พัทลุง เสร็จจากพัทลุงก็ต้องไปร่วมงานทอดกฐินที่สตูล พรุ่งนี้ถึงวัดคงดึก ทำวัตรเย็นนั้นไม่เคยได้ทำเลย อาตมาได้แค่ทำวัตรเช้าอย่าเดียว ตื่นนอนประมาณตีสาม อาบน้ำเสร็จสี่โมงเช้า ทำวัตรเช้าเสร็จหกโมงเช้าเตรียมตัวห่มจีวรออกจากวัดทำแบบนี้เป็นประจำ แต่ว่าอาตมาก็มีข้อแม้ วัดไหนนิมนต์ไปอาตมาก็ไป แต่ไม่รับเป็นเจ้าภาพ เพราะถ้าเป็นเจ้าภาพต้องพิมพ์ซองกฐินต้องออกเรี่ยไรเงินไม่อยากเรี่ยไรแล้ว เพราะตอนที่ไปสู้ที่กรุงเทพมหานครนั้น โยมทั้งหลายเสียเพราะอาตมามากมายแล้วสัก 1,400-1,500 ล้านได้ ทั้งหมด 6 เดือนครึ่งนั้น โยมหลับตานึกดูวันที่คนไปเป็นล้านๆ ค่ากับข้าววันเดียวก็ 30-40 ล้านแล้ว ไม่ใช่น้อยๆ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าเราก็ยืนหยัดสู้มาได้ ฝ่ายนั้นล้มไปเลย คือแรงศรัทธาของโยมทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น อาตมาเลยขอความกรุณาจากกรรมการวัด ท่านเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ว่าอย่าให้อาตมาเป็นเจ้าภาพเลย แต่จะเอาไปโฆษณาเชิญชวนให้ญาติโยมมาวัดอย่างไรอาตมายินดีมาก ไม่ขอเป็นเจ้าภาพอย่างเดียว แต่ว่าตามธรรมเนียมถ้าไปงานกฐินไปงานมือเปล่ากลับมือเปล่าโยมนินทาเอาอีก อาตมาก็ไม่อยากถูกนินทา เพราะฉะนั้นเวลามาวัดไหนอาตมาก็จะหาเงินช่วยวัด มาที่นี้ก็เหมือนกันขายหนังสือช่วยวัด โยมที่ไปต่อสู้กับอาตมาที่สวนลุมที่ราชดำเนินต้องเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เข้ามาสัมภาษณ์อาตมาแล้วเอาไปทำเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเป็นประวัติของอาตมาเพื่อขายหากับข้าวมาสู้กับพวกนั้น ชื่อหนังสือเดอะเพาเวอร์ออฟเชนจ์ (The Power of Change) กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นหนังสือพ็อกเกตบุ๊กที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยโยม ขายได้เงินทั้งหมด 12 ล้าน ได้ค่ากับข้าวไปพอใช้ได้ แต่ว่าเหตุการณ์มันจบเร็ว เหลือหนังสือค้างอยู่ในโรงพิมพ์ 2-3 พันเล่ม อาตมาเลยไปเหมามา โรงพิมพ์คิดอาตมาเล่มละ 180 บาท ต้นทุนของโรงพิมพ์ ซึ่งอาตมาจะบอกกับโยมว่า ตอนที่เขาขายกันที่สวนลุมฯ ที่ราชดำเนินนั้น ขายเล่มละ 399 บาท มาที่นี้คนกันเองอาตมาคิด 400 ถ้วนๆ ไม่ต้องทอนเสียเวลา เอาบาตรมาตั้งตรงนี้โยมคนไหนต้องการหนังสือไว้เป็นที่ระลึกหมดนี้แล้วโยมเอ๋ย ไม่มีที่ไหนแล้ว ใครต้องการหนังสือเดินออกมาหยิบเอาเองเลยเอาเงินใส่บาตรไว้ 400 แล้วหยิบหนังสือไป 1 เล่ม ขายได้เท่าไรอาตมาถวายที่วัดนี้หมดเลย ต้องร่วมทอดกฐินกับโยม แสดงว่าถ้าโยมซื้อหนังสือไป 1 เล่ม อาตมาได้ช่วยทำบุญ 80 บาท ที่เหลือคือบุญของโยมรับไปแล้วกันหนังสือนี้เป็นของแถมก็แล้วกันนะโยม ถ้าใครสนใจก็เชิญ ที่นี้ไม่มีหน้าม้าบ้างหรือ รอบาตรหน่อย มาทำบุญหน้าตาดีทั้งนั้น เข้าแถวก่อนๆ และแบบนี้อีก 1 เล่มนะโยม และนี้ก็อีก 1 เล่ม โยมเห็นไหมว่า อาตมาห่มจีวรถ่ายรูปขึ้นปกหนังสือแฟชั่น เป็นพระองค์เดียวในประเทศไทยที่ขึ้นปกหนังสือแฟชั่น หนังสือนี้และพิมพ์คู่กันกับฉบับนี้ มีอีกเล่มหนึ่งเป็นเรื่องของท่านอาจารย์พระพุทธทาส เป็นธรรมะของอาจารย์พระพุทธทาสน่าอ่านพอใช้ได้โยมเอ๋ย แต่ว่าคนที่อยู่หน้าปกหล่อพิลึก เล่นนี้เขาพิมพ์แสนเล่ม ขายหมดแล้ว ญาติโยมหาไม่ได้แล้วเขาแย่งกัน ตอนที่เขามาถ่ายรูปอาตมา อาตมาจองไว้ 10,000 เล่ม ในตลาดเขาขายกันเล่มละ 120 บาท มาที่นี้คนกันเองอาตมาขาย 200 กำไร 80 บาท อาตมาไม่เอาไปไหน อาตมาจะตั้งไว้เป็นกองทุนสำหรับบวชพระทุกเดือน ถ้าใครอยากได้บุญจากการร่วมบวชพระก็ซื้อเล่มนี้ไปด้วย 200 ถ้าซื้อ 2 เล่มก็ 600 บาท นับเงินมาให้ครบ เอาแค่เล่มใหญ่ที่ซื่อก็พอ เงินจะปนกับเงินวัด

อาตมาจะเล่าให้โยมฟังอาตมามาบวชคราวนี้ โยมบวชเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เขาเข้าพรรษากันแล้วอาตมามาไม่ทัน บวชเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม แล้วก็อยู่สวนโมกข์มาตลอดโยมจนถึงวันนี้ 3 เดือน เกือบ 4 เดือนแล้ว อาตมาจะบอกกับโยมว่า อาตมาเห็นอานิสงส์ของการบวช โยมลองนึกดูเหมือนก่อนโยมไปสู้กับอาตมาที่กรุงเทพมหานคร ทุกคนต้องจำรูปร่างหน้าตาอาตมาได้ สมัยก่อนพุงใหญ่เดิน โดนหยิกพุงประจำ แต่พอบวชมาได้ 3 เดือนครึ่งโยมเห็นไหมสเลนเดอร์เลย ที่สวนโมกข์เขาให้ฉันมื้อเดียว

เพราะฉะนั้นอาตมาจะบอกโยมว่า ถ้าอยากลดน้ำหนักไม่ต้องไปซื้อยาลดน้ำหนักกิน อันตรายเอาแบบพระสวนโมกข์เลยคุมอาหาร ฉันมื้อเดียว ลองดูสิ ตื่นตอนเช้าจะกินเวลาไหนก็ตามใจ เจ็ดโมง แปดโมง เก้าโมง สิบเอ็ด สิบสอง พอหลังสิบสองหยุดวิกาลโภชนา ไม่กิน กินน้ำตลอดรับรองได้ผลโยม นี้อาตมา 3 เดือนกว่า ลดไป 6 กิโลครึ่ง และร่างกายไม่มีเสียหายไม่มีทรุดโทรม ดูสิ อาตมาที่วิ่งรอกไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ 2 แห่ง 3 แห่ง ทุกวันนอนคืนละ 5 ชั่วโมง กินข้าวมื้อเดียวร่างกายยังแข็งแรง นี้เรียกว่าอานิสงส์ของการบวชที่โยมเห็นภายนอก แต่ข้อที่สำคัญภายในโยมอาตมาบอกกับโยมตรงๆ สมัยก่อนเป็นฆราวาสมีเรื่องกลุ้มใจมาก วันๆ คืนๆ กว่าจะได้หลับตานอนได้คิดโน้นคิดนี่กังวลไปหมดทุกอย่าง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ห่วงโยม ห่วงประเทศไทย ห่วงครอบครัว ห่วงเพื่อนฝูงแกนนำจะโดนคดี ยิ่งตอนที่สู้กันหนักๆ นอนมือก่ายหน้าผากทุกคืน ไม่รู้ว่าตอนเช้าพวกนั้นจะยิงเอาหรือไม่ ไม่รู้ใครเจ็บบ้าง เป็นห่วงไปหมด กว่าที่จะหลับตาลงได้ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ว่าพอไปเป็นพระโยมเอ๋ยทุกคืน หัวถึงหมอนไม่ถึง 5 นาทีเรียบร้อย พิจารณาลมหายใจเข้า ลมหายใจออกไม่ได้กี่ครั้งหลับแล้ว แล้วไม่ต้องหลับมากเป็นพระคืนละ 5 ชั่วโมงก็พอ นอน 22.00 น. ตื่น 03.00 น. เป็นแบบนี้ทุกวัน ร่างกายดีจิตใจผ่องใสไม่มีกังวล ไม่มีนิวรณ์อะไรทั้งนั้น เพราะว่าอยู่สวนโมกข์หนังสือพิมพ์ก็ไม่ต้องอ่านวิทยุก็ไม่ต้องฟัง ทีวีก็ไม่ต้องดูไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจ มีอยู่บ้างเวลาโยมไปเยี่ยมก็เอาเรื่องมาบอกเรื่อยไป เมื่อ 2-3 วัน มีคนมาฟ้องว่า ถาวรมาไปเที่ยวท้ากับฝั่งโน้นอีกแล้ว มาฟ้องอีก อาตมาก็ตอบไปว่าไม่ใช่เรื่องของพระ เราไม่เกี่ยว เพราะว่าตั้งแต่อาตมาบวชก็มีคนไปเยี่ยมที่วัดสวนโมกข์ทุกวัน โยมที่ไปจากสงขลาน่ารักที่สุด เหมารถกันไปตั้งแต่ 04.00 น. ตั้งใจมาถึงตอนเช้าเวลา เพื่อจะตักบาตรให้อาตมา วันหนึ่งไป 300 คน 400 คน บางวันเป็น 1,000 คนโยม อาตมาเท่าแต่รับแขกนั่งเทศน์ ขอโทษนะไม่ได้เทศน์หรอกพูด ยังเทศน์ไม่เป็นโยมเอ๋ย โยมพยายามให้เทศน์ทุกวันแต่ยังเทศน์ไม่ได้ เพราะว่าอาตมารู้สึกว่าการเทศน์จะซึ้งธรรมะ ต้องธรรมะแก่กล้ากว่านี้สักนิด อาตมายังต้องฝึกปรือ ตอนนี้พูดไปเฉยๆ ก่อน แต่เวลาพูดอันตรายนะโยมบางทีเผลอตัวนึกว่า อยู่บนเวทีลุมพินี พูดลืมไป หลวงพี่หลวงพ่อต้องแอบหยิกบ่อย อาตมาก็พยายามสำรวมอยู่ไม่ให้เสียหายกับภาพพจน์ของพระภิกษุสงฆ์ แต่ว่าบางทีก็ลืมไปบ้างและหลุดไป ถ้าหลุดไปอย่าถือสาก็แล้วกัน พระบวชใหม่ได้เท่านี้

อาตมามาบวชคราวนี้โยม ตั้งใจจะศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมะของพระพุทธเจ้า หวังว่าให้เกิดบุญเกิดกุศลจะได้อุทิศบุญส่วนกุศลให้กับบรรดาวีรชนทั้งหลายที่เสียชีวิตไปเพราะการต่อสู้ อาตมาคิดถึงคนพวกนั้นทุกวันเลยโยม โยมก็เห็นเราไปต่อสู้ด้วยกันเอาชีวิตวางเป็นเดิมพันด้วยกัน กอดคอเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกัน พรรคพวกพี่น้องร่วมอุดมการณ์ของเราถูกฝ่ายนู้นทำร้ายด้วยอาวุธสงคราม ตายลงวันละคนสองคน บาดเจ็บตั้ง 200 กว่าโยม เสียชีวิตไปรวม 24 คน เราน้ำตาไหลทุกวัน แต่ว่าอาตมาทราบซึ้งใจโยมทั้งหลายมวลมหาประชาชนทั้งหลายเป็นคนสุดประเสริฐจริงๆ ไปสู้คราวนี้สัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระแก้วมรกต ต่อหน้าพระบรมมหาราชวัง ต่อหน้าศาลหลักเมืองว่า เราจะสู้เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินไม่ได้สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองของนักการเมือง ไม่ใช่ประโยชน์ของพวกเราทั้งสิ้น เราสู้เพราะจำเป็นไม่สามารถทนเห็นประเทศชาติพังพินาศย่อยยับลงต่อหน้าต่อตา เป็นห่วงอนาคตลูกหลาน ไม่อยากเห็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต้องยับเยิน เพราะมือของคนพาลคนไม่มีธรรมะ เราลุกขึ้นสู้เพราะทนไม่ได้แล้ว แต่ว่าเราได้ปฏิญาณว่าเราจะสู้อย่างสันติอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่อาวุธ และบรรดามวลมหาประชาชนก็ทำตามคำสัตย์ปฏิญาณแน่วแน่มาก คนที่อื่นไม่รู้โยม คนปักษ์ใต้บ้านเราเดินไปด้วยกันเพื่อนล้มลงต่อหน้าต่อตาไม่มียอมหรอก นี้โชคดีจริงๆ ของประเทศไทยที่บรรดามวลมหาประชาชนทั้งหลายถือขันติธรรมยึดมั่นในขันติธรรมแน่นอน ยืนน้ำตาไหลเพื่อนเจ็บต่อหน้า เพื่อนตายต่อหน้าโยมลองหลับตานึกดู ไม่อดกลั้นไม่มีขันติธรรม มันยิงเราเรากลับบ้านเอาปืนยิงมันบ้าง พวกเรามีตั้งกี่ล้านคน ถ้าคนหลายๆ ล้านคนจับอาวุธลุกขึ้นประหัตประหารวันนี้ประเทศไทยต้องเกิดสงครามกลางเมืองไม่จบ ประเทศไทยวันนี้ต้องเหมือนอียิปต์ เมื่อซีเรีย เหมือนลิเบีย เหมือนเลบานอน และแค่ประเทศไทยสงบวันนี้อาตมายกความดีให้มวลมหาประชาชน การต่อสู้ด้วยหัวใจที่มีธรรมะอย่างนี้ที่คนทั้งโลกยกย่องมวลมหาประชาชนทั้งหลาย อาตมาภาคภูมิใจ อาตมาทราบซึ้งใจในความเป็นผู้มีธรรมะของผู้ที่ร่วมต่อสู้ทั้งหลาย และขอโอกาสเอามาพูดวันนี้ให้ทุกคนได้ยินได้ฟังได้จดจำกัน ว่านี้คือวีรกรรมของคนที่รักชาติรักแผ่นดิน ที่หัวใจมีธรรมะโยมทั้งหลายแม้ว่าจะอดกลั้น อดทนแต่อาตมาก็คิดถึงคนที่ตายทุกวัน อาตมาก็พยายามดูแลครอบครัวของเขาให้เงินช่วยเหลือครอบครัวลูกของเขาที่เป็นกำพร้า ที่อยู่ในวัยเรียน อาตมาเอาเงินไปฝากธนาคารให้เด็กคนละ 2 ล้าน ทุกคนเลย ไม่ขาดสักคนเดียว แล้วต้องงงทุกธนาคาร ขอให้เขาจ่ายดอกเบี้ยแพงสักนิด 4 เปอร์เซ็นต์ ปีหนึ่งจะได้ดอกเบี้ย 80,000 บาท เด็กก็พอได้ค่าขนมไปโรงเรียน ตกลงว่าห้ามถอนเงินต้นจนกว่าจะเรียนหนังสือจบ เรียนจบแล้วถ้าจำเป็นค่อยถอน เอาเงินต้นไปทำทุนเริ่มต้นชีวิต นี้อาตมาก็ทำให้แล้วคนที่พิการก็ทำเหมือนคนเสียชีวิตเงื่อนไขเดียวกัน แต่ว่านึกอยู่ว่าบรรดาวีรชนที่เสียชีวิตทั้งหลายวิญญาณเขาคงห่วงลูกห่วงเมีย ครอบครัวของเขาขาดผู้นำอาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยคิดว่าถ้าเราได้บวช ได้ศึกษาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรมะ เกิดบุญเกิดกุศล ก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับวีรชนเหล่านั้น

นี้ก็คือเรื่องที่อาตมาบวชอยู่ในขณะนี้ แล้วก็จะได้อธิบายโยม อาตมาเห็นแล้วไปเยี่ยมอาตมาที่สวนโมกข์ ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไรพูดจนจบ ยังค้างอยู่ในใจ ข้องใจอยู่ คิดถามก่อนกลับว่าท่านจะสึกเมื่อไร อยากรู้แล้ว อยากรู้อีก อาตมาก็จะพูดให้จบเลยว่ายังไม่สึกโยม อย่างน้อยที่สุดอาตมาจะบวชให้ได้ 204 วัน รวม 6 เดือน เท่ากับเวลาที่ไปสู้กัน ปฏิบัติธรรมชดเชยให้วันต่อวันเลย แผ่สวนบุญให้วีรชนวันต่อวันแล้วก็ยังไม่คิดเรื่องสึกเอาไว้ครบ 204 วันก่อน ครบแล้วค่อยคิดกันใหม่ อาตมาก็ไม่รู้จริงๆ โยม เพราะว่ายังไม่ได้คิด ไม่รู้ว่าจะสึกหรือว่าจะอยู่เป็นพระ คืออาตมาก็ประกาศไปแล้วว่าอาตมาไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ออกมาต่อสู้กับโยมทั้งหลายคราวนี้ไม่กลับไปลงสนามเลือกตั้งแล้ว เพราะว่าเมื่อมาต่อสู้ในกลางถนนร่วมกับโยม ประกาศโค่นล้มพวกทรราช ถ้าเรากลับไปเลือกตั้งจะทำให้การต่อสู้ของประชาชนมันไม่บริสุทธิ์โยม เหมือนกับเราไปชิงอำนาจของเขามา

เพราะฉะนั้นอาตมาก็ได้ประกาศตั้งแต่วันนั้นว่า ลาออกจาก ส.ส. ลาออกจากพรรคแล้วไม่กลับไปอีกแล้ว โยมที่เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์รู้ไว้แค่นี้ พรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียใจ เราอยู่กันคนละพรรคแล้วตอนนี้ อาตมาอยู่พรรคพระพุทธเจ้าแล้วโยม โยมก็อยู่ประชาธิปัตย์ไปนะ ถ้าสึกออกไปก็คงไปทำงานให้มูลนิธิมวลมหาประชาชน นี้ก็ให้ไปจดทะเบียนมูลนิธิฯ ไว้แล้ว แต่ว่าอาตมานั้นหัวใจไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถจะทิ้งประชาชน มวลมหาประชาชนที่ไปต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ชีวิตนี้ลืมไม่ได้โยม แล้วก็ไม่สามารถที่จะทิ้งประเทศไทยได้ เพราะเราลงทุนกันมาก ลงทุนด้วยเลือดเนื้อด้วยชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นอาตมาก็ต้องเรียกร้องมหาประชาชนทั้งหลายสามัคคีกันไว้เหมือนเดิม คลุมกันไว้เหมือนเดิม คอยเฝ้าระวังรักษาประเทศไทยเหมือนเดิม ถ้าพวกเปรตนั้นมาเป่านกหวีดกันอีก ไม่รู้จะทำยังไง เพราะว่าลงทุนไปเยอะแล้ว แต่ว่าตอนนี้เขาให้ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย ปล่อยวางลงบ้าง ไม่ต้องแบกบนบ่าไว้เหมือนเดิมแล้ว มีคนมาช่วยแบกแทนแล้ว ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบกต่อ ทำต่อไป ให้มันไปแก้ปัญหาประเทศชาติ ให้ไปแก้ปัญหาต่างๆ ที่สะสมหมักหมมมานาน ให้เขาไปดำเนินการให้มีการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของเรา เราประชาชนทั้งหลายเชียร์อย่างเดียว อยู่บ้านเชียร์อย่างเดียว เอาใจช่วยสนับสนุนเขา อย่าไปกดดัน อย่าไปสร้างเหตุการณ์อะไร เพราะว่านับไปแล้วก็พวกเดียวกับเรา ให้เขาทำงานให้สบายใจและแก้ปัญหาให้ได้

เมื่อกี้ได้ยินท่านเจ้าอาวาสปรารภธรรม เพราะว่าปีนี้โยมมาทอดกฐินปัจจัยน้อย สืบประวัติมานิดหน่อยว่า พระสุเทพไปไหนก็ได้ 2 ล้าน สงสัยวัดนี้ไม่ถึง อาตมาก็เลยจะบอกว่าใครยังไม่ได้ทำบุญก็รีบทำบุญ เผื่อว่าจะได้ครบไม่เสียชื่อ อาตมาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง แต่พระคุณเจ้าบอกว่ายางราคาถูก อาตมาก็ได้ยินตั้งแต่แรกบวชมาเกือบเดือน โยมไปหาที่วัดบอกว่าพี่หลวงยางราคาถูกเกินอยู่ไมไหวแล้ว นี้เขามาชวนเดินขบวนพี่หลวงว่ายังไง เห็นว่าพี่หลวงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องประท้วงไปได้ อาตมาเลยตอบไปว่าโยมยังไม่เหนื่อยอีกหรือ 6 เดือนครึ่งแล้ว สู้หมดทุกกระบวนท่าแล้ว ถนนในกรุงเทพฯ เราเดินหมดทุกถนนแล้ว สี่แยกในกรุงเทพฯ เราตั้งวงกินข้าวหมดทุกสี่แยกแล้ว เมืองหลวงกรุงเทพฯ เราก็ปิดตั้งเดือนครึ่ง แล้วท่านจะเอาอะไรอีก เมื่อก่อนเราต้องไปเดินขบวน เพราะรัฐบาลโน้นมันอุบาทว์ แต่วันนี้ไม่ใช่นี้มันพวกเดียวกันไม่ต้องไป มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน อาตมาเข้าใจดีเรื่องยางราคาถูก เพราะว่าสมัยที่อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ยางกิโลกรัมละ 38-39 บาท อาตมาคือรองนายกฯ ตอนนั้น อาสาแก้ปัญหาราคายางให้กับชาวสวนยาง อาตมาใช้เวลาอยู่ 6 เดือนแก้ไขเรียบร้อย ชาวสวนยางขายยางได้กิโลกรัมละ 160, 170, 180 ดีใจกันมาก ซื้อทีวีใหม่ ซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ ซื้อรถกระบะใหม่ ตอนนี้ธนาคารยึดหมดแล้ว ต้องใช้เวลาโยม ถ้าโยมทั้งหลายเดือดร้อนอาตมาจะโทรศัพท์ไปหารัฐบาล ไปบอกกับคนในรัฐบาลเล่าให้ฟังว่าสมัยอาตมาแก้ไขปัญหาราคายางทำอย่างไรบ้างและบอกวิธีการให้ ก็น่าชื่นใจโยม

หลังจากนั้นไม่กี่วันรัฐบาลก็ประกาศการแก้ไขปัญหาราคายาง เขาถือเป็นวาระแห่งชาติ และก็ออกมาประกาศว่าภายใน 2 เดือนนี้จะทำให้ยางราคาขึ้นมาเป็น 62 บาท เมื่อวานอาตมาผ่านหน้าสหกรณ์โค-ออป หันไปชําเลืองดูยังอยู่ที่ 52 บาท ขาดอีก 10 บาท ที่จริง 62 บาท อาตมาก็ไม่พอใจ พูดตรงๆ กับโยม ใครอย่าเอาไปเขียนกดดันรัฐบาลนะ อาตมานึกในใจว่าถ้าอยากให้พวกเราอยู่ได้ยางต้องกิโลกรัมละ 80 ถึงจะค่อยยังชั่ว พอได้ผ่อนโทรศัพท์ รถมอเตอร์ไซค์ พูดถึงเรื่องนี้นะโยม อาตมาขอพูดสักนิด อาตมาเป็นห่วงพี่น้องประชาชนชาวไทยจริงๆ ปีนี้จะมีความทุกข์กันมาก ปีนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี เศรษฐกิจประเทศไทยก็ไม่ดี แล้วก็หมายความว่าเศรษฐกิจของโยมแต่ละบ้านก็จะมีปัญหา และบอกตรงๆ นะโยม รัฐบาล เทวดาที่ไหนก็ช่วยไม่ได้


เพราะว่าโยมทั้งหลายวันนี้ยึดติดในวัตถุมาก กลายเป็นพวกวัตถุนิยมไปแล้ว ลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้เราเดินสายกลาง ใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท ให้ระมัดระวัง อย่าตามใจกิเลส แต่มาถึงยุคนี้สมัยนี้โยมทั้งหลายก็ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาว่าดี ว่าสวย อันนี้ยอด เกิดกิเลส อยากมีอยากได้ ซื้อมาหมด ตังไม่มีก็ผ่อนเขา ผ่อนทุกอย่าง เดือนๆ เฉพาะค่าผ่อนพวกนี้ก็สาหัส เป็นความทุกข์มาก ไม่ต้องอื่นไกลโยม โยมดูที่นั่งหน้าอาตมากดๆ โทรศัพท์มือถือทั้งนั้น โทรศัพท์มือถือตัวร้ายเลยโยม โยมก็มีกันหมดเลย มีเหมือนกันทุกบ้าน แล้วบ้านหนึ่งนี้ทุกคน พ่อแม่ลูกมีโทรศัพท์มือถือ อยู่ในครัว อยู่นอกบ้าน ใต้ถุน ไม่หันหน้ามาคุยกันแล้วคุยกันแต่ในโทรศัพท์ ผัวเมียตัดยางกันคนละแถวก็ไลน์มาถาม ไม่ชะโงกมาคุยกัน ดูที่เป็นไปสิโยม เด็กๆ ไปหาอาตมาที่วัดสวนโมกข์ไปกันครั้งหนึ่ง 200-300 คน พอตอนจะกลับมันพูดว่าลุงหลวงถ่ายรูปหน่อย หยิบโทรศัพท์มือถือมาคนละเครื่องยี่ห้อแพงๆ อาตมานึกใจว่าพ่อแม่เสียตังไปเท่าไร มันมีธุระอะไรนักหนา มีธุรกิจอะไรของมันถึงต้องพกโทรศัพท์ทุกคน เมื่อก่อนโทรศัพท์ใช้เฉพาะพูด บอกฟัง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ต้องส่งภาพ ส่งรูป ส่งข้อความ เล่นเกม เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไลน์ กดกันอยู่นั้นแหละทั้งวัน แล้วก็คอยห่วงว่ารุ่นใหม่เมื่อไรจะออก ไอ้พวกเปรตก็ออกรุ่นใหม่มาเรื่อยๆ วันก่อนใช้ไอโฟน 4 ไม่ทันเก่าดีไอโฟน 5 ออก ตอนนี้ไอโฟน 6 ออกมาแล้ว นี้พวกเราก็เตรียมตังค์อีกแล้วตามใจกิเลสจะซื้อไอโฟน 6 อีก เห็นเพื่อใช้ซัมซุงก็จะเอาซัมซุงไปกันใหญ่โยม โทรศัพท์เครื่องหนึ่งก็หลายตัง โยมไม่เชื่อลองไปคิดบัญชีดูว่า ในบ้านเราทั้งหลังพ่อแม่ลูกซื้อโทรศัพท์ไปกี่บาท ค่าโทรศัพท์รวมกี่บาท นี้เฉพาะโทรศัพท์ไม่รวมมอเตอร์ไซค์ ลูกคนอื่นมีมอเตอร์ไซค์ ลูกเราก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ บ้านโน้นเขาถอยรถป้ายแดงออกมา เราก็จะถอยรถป้ายแดงมาขี่บ้างกลัวเสียหน้า ตังค์ไม่มีก็ดาวน์ไปก่อนผ่อนเอา

นี่ยกตัวอย่างว่าชีวิตเราเป็นทาสเงินผ่อน เป็นทาสกิเลสหมดเลย เพราะว่าเราลืมธรรมะของพระพุทธเจ้าไปเสียแล้ว ห่างไปเสียแล้ว อาตมาเจอกับโยมบ่อยๆ แบบนี้ อาตมาต้องขออนุญาตพูดเตือนกับโยมนิดหน่อยว่าการจับจ่ายใช้สอยเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเศรษฐกิจดีๆ ตังค์มากๆ ใช้ยังไงก็ได้โยม แต่วันนี้ฝืดเคืองเราต้องพิจารณาตัวเองก่อน ต้องประหยัดอย่าให้กิเลสอ้วนมาก ถ้ากิเลสอ้วนเราผอม เหนื่อย ทุกข์ ส.ส.วิรัตน์ ไม่กล้าพูดอยู่เขตนี้จริง ถ้าวิรัตน์พูดโยมจะลุกขึ้นด่าว่าอย่าเสือก ไม่ใช่เรื่องของมึง กูอยากมีของกู แต่อาตมาเป็นพระไม่กลัวโยมด่า ด่าพระไม่ได้บาป โกรธในใจก็บาป อาตมาอาศัยบารมีของผ้าเหลืองพูดความจริงให้โยมระวัง ต่อไปนี้โยมเรามวลมหาประชาชนต้องสร้างค่านิยมกันใหม่ เราถึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข อาตมาย้อนไปถึงรุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นทวด สังคมเขามีความสุข ไม่ทุกข์ร้อนเหมือนพวกเราสมัยนี้ เพราะว่าเขาพาลูกพาหลานเขาวัด วัดพระแปดค่ำพาปิ่นโตเข้าวัด ไหว้พราะถือศีล ใจเขาสงบกว่าเรา กิเลสไม่โตมาก คนสมัยก่อนมีลูกชายให้บวชทุกคนทุกบ้าน แม่จะถนอมเลี้ยงลูกชายบอกว่า ลูกจ๋าอายุครบบวชเมื่อไรบวชให้แม่นะลูก ให้แม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง เดี๋ยวนี้ไม่มี มีแต่เกาะชายผ้าพันแผลเท่านั้น ไม่รู้มันไปไหนไม่บวชเลย วัดทั้งหลายร้าง วัดที่ไม่ร้างก็มีเจ้าอาวาสอยู่องค์เดียว พระลูกวัด 2 องค์ แล้วใครจะสืบสานพระพุทธศาสนานี้คือปัญหาอยู่ ข้อสำคัญคือคนสมัยก่อนเมื่อได้บวชเรียน ไปปฏิบัติธรรม ท่านอุปัชฌาย์อาจาย์ก็สอนอบรม ออกพรรษาสึกออกมาแต่งงานแต่งการ เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีธรรมมะ ดูแลครอบครัวด้วยความเป็นธรรม ครอบครัวก็อยู่เย็นเป็นสุข หมู่บ้านต่างๆ ก็มีประชาชนที่มีหัวหน้าครอบครัวล้วนเป็นคนที่มีธรรมะ พูดจากันง่าย เอื้อเฟื้อเมตตาต่อกัน เดี๋ยวนี้ไม่มี อาตมาจึงบอกว่าเราต้องช่วยกันสร้างค่านิยมใหม่ เราต้องมานั่งคุยกันชวนกันเข้าวัด ชวนกันไปปฏิบัติธรรม ใครมีลูกชายส่งเสริมให้บวช อาตมาจึงได้บอกโยมจะขายหนังสือนี้เพื่อตั้งกองทุนสำหรับบวชพระทุกเดือน ปีนี้บวช 2 รุ่น วันที่ 29,30,31 ที่ผ่านมาบวชไปแล้วรุ่นหนึ่ง 136 รูป วันที่ 29 บวชไป 44 รูป เจ้าคณะภาค 16 ช่วยกรุณาเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ วันที่ 30 42 รูป เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ วันที่ 31 บวช 50 รูป เจ้าคณะจังหวัดเป็นพระอุปัชฌาย์บวชที่วัดสวนโมกข์ วัดของท่านพระพุทธทาส ถ้าไปเห็นเหลืองไปทั้งวัด 136 องค์ สวดมนต์ทำวัตรเช้ากระหึ่มไปทั้งวัดเลย อาตมาชวนบวชเพื่อให้ลูกผู้ชายได้เป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินด้วยการบวชเป็นพระภิกษุ และปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลและที่จัดบวชจะนำเข้าหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานฉันมังสวิรัติปฏิบัติเข้มกันเลย นี้ทำแล้วนะโยมเรียบร้อยไปหนึ่งรุ่น วันที่ 28,29,30 เดือนนี้จะบวชอีกรุ่นส่งท้าย และเดือนหน้าเดือนธันวาคมจะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไม่เว้น พอขึ้นปีหน้ามกราคมบวชอีก บวชทุกเดือน อาตมาพยายาม บ้านอาตมาเขาบอกสุราษฎร์ธานีเมืองคนดีอยู่ติดกับนครศรีธรรมราชเมืองพระ มีแต่โจรทั้ง 2 จังหวัด คุกเต็มไปหมด

เพราะฉะนั้นอาตมาถึงต้องทำ ไหนๆ ก็บวชแล้วก็ต้องรับใช้พระศาสนา ชวนคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ชวนคนมาบวชไปไหนก็จะโฆษณา โยมฟังอาตมาแล้วไปคิดต่อนะ ความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่วัตถุนิยมอยู่ที่ใจ ถ้าพวกเราเป็นคนที่มีธรรมะในหัวใจ เราทั้งหลายจะมีความสุขใจมาก ประเทศเราจะต้องเปลี่ยนค่าดัชนีวัดความสุขของประชาชนกันใหม่ วัดความเจริญกันใหม่ ไม่ใช่คิดแต่ความเจริญทางวัตถุ ต้องคิดถึงความเจริญทางจิตใจ อาตมาขอพูดกับโยมเท่านี้ ทำไมหนังสือขายน้อยวันนี้โยมทั้งหลาย และขอขอบคุณโยมทั้งหลาย ยอดขายหนังสือได้ถวายวัด 45,190 บาท ไม่ครบ 2,000,000 รอบนี้ ไม่รู้จะทำยังไง และขอขอบคุณโยมทั้งหลายที่มีใจเมตตาอาตมาเท่าไร และอาตมาก็จะรักและเมตตาโยมเท่านั้นไม่ต่างกัน ขอให้โยมสบายใจว่าไม่มีวันทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในฆราวาสหรือถือเพศบรรพชิตก็เป็นคนของโยมเหมือนเดิม จะดูแลเอาใจใส่ประโยชน์ชาติประโยชนแผ่นดินเหมือนเดิมโยม ขอถือโอกาสนี้กราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสากลโลก ดลบันดาลประทานพรให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญหวังอะไรให้สมหวัง สุขภาพแข็งแรง ขอให้ท่านทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าและมีความเจริญในธรรมะของพระพุทธเจ้าทุกท่าน ทุกคนเทอญ”









กำลังโหลดความคิดเห็น