8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ เตรียมยื่นหนังสือ คสช. จี้ปลด ผอ.อภ. และบอร์ด อภ. ยกชุด วันที่ 7 ก.ค. เหตุบริหารงานแบบมุ่งผลประโยชน์ เอื้อธุรกิจยาข้ามชาติ สั่งงดผลิตยาจำเป็นทำโรงพยาบาลต่างจังหวัดขาดแคลนยามากถึง 80 รายการ เหตุกำไรน้อย ทั้งที่คนไข้ในประเทศส่วนใหญ่ต้องใช้ รวมถึงยาต้านไวรัสเอดส์ เสี่ยงทำคนไข้ขาดยา จนเชื้อดื้อยา ต้องใช้ยาแรง สิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้น พร้อมแฉประธานบอร์ด เอางบสวัสดิการพนักงานไปต่างประเทศ
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ประกอบด้วย ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบท กลุ่มศึกษาปัญหายา กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา และมูลนิธิเภสัชชนบท จะรวมตัวกันไปยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 10.00 น. ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน เพื่อขอให้พิจารณาปลดคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) และผู้อำนวยการ อภ. เนื่องจากบริหารงานจนเกิดวิกฤตด้านยา ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องรับผิดชอบกรณีนี้ด้วย เพราะเป็นกรรมการบอร์ดมาตลอด
“เดิม อภ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถผลิต จัดหาและจำหน่ายยาให้แก่หน่วยงานสาธารณสุข โดยเฉพาะสังกัด สธ. และโรงพยาบาลอื่นๆ ได้ด้วยดีมาตลอด สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายและทำกำไรส่งคลังได้ตามเป้าหมาย แต่บอร์ด อภ. ชุดนี้ ที่มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธาน และ นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา เป็น ผอ.อภ. กลับมีพฤติการณ์ส่อว่าจะดำเนินการให้ อภ. อ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจยาข้ามชาติ มุ่งหาประโยชน์จาก อภ. เพื่อไปแจกจ่ายแก่พวกพ้อง และบริหารองค์กรอย่างผิดหลักธรรมาภิบาล” นพ.วชิระ กล่าว
ด้าน ภญ.ศิริพร จิตรประสิทธิศิริ ชมรมเภสัชชนบท กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลในต่างจังหวัดจำนวนมากเผชิญภาวะยาขาด เนื่องจาก อภ. ไม่สามารถส่งยาให้แก่ลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐได้มากถึง 80 รายการ สาเหตุมาจากการที่ ผอ.อภ. และบอร์ด อภ. หวังแก้ปัญหาภาวะขาดทุนด้วยการสั่งงดผลิตยาจำเป็น เช่น ยาเบาหวาน ซึ่ง อภ. เป็นผู้ผลิตส่งให้โรงพยาบาลต่างๆ ของรัฐราว 80% ของที่ใช้กับคนไข้ในประเทศ ด้วยเหตุเพราะเห็นว่ากำไรน้อย ทั้งที่พันธกิจของ อภ. ต่อสังคมต้องไม่มุ่งเอากำไรมาก เพื่อให้ รพ. รัฐ ซึ่งใช้เงินภาษีของประชาชนมาซื้อยาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อ อภ. ไม่ทำหน้าที่ตามพันธกิจขององค์กร ขณะนี้ผู้เดือดร้อนคือประชาชน
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า บอร์ด อภ. ชุดนี้ได้ไล่ ผอ.อภ. คนเก่าออกไป แต่การก่อสร้างโรงงานยาที่รังสิต และโรงงานวัคซีนที่ทับกวาง จ.สระบุรี กลับดำเนินการอย่างล่าช้า และมีพฤติการณ์ส่อทุจริต
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ อภ. ขาดส่งยาไปยังกองทุนยาต้านไวรัสกว่า 400 ล้านบาท แม้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะ สปสช. ยังมีระบบสำรองยา แต่มีแนวโน้มว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาวัตถุดิบยาเอดส์ ต่อไปคนไข้อาจขาดยา ซึ่งจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา คือ ภาวะดื้อยา ทำให้คนไข้เสียชีวิต หรือต้องไปใช้สูตรยาราคาแพง สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
“น่าตกใจมากที่รู้ว่า นพ.สุวัช เสนอตัดงบวิจัย 45 ล้าน เพื่อแก้ปัญหาขาดทุน ถือเป็นการแก้ปัญหาโดยไม่คำนึงถึงอนาคตของ อภ. ที่ต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น อภ. ต้องได้รับการปฏิรูปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ อภ. กลับมาเป็นกำลังหลักในการดูแลระบบสาธารณสุขของประเทศ” นายอภิวัฒน์ กล่าวและว่า การเรียกร้องวันที่ 7 ก.ค. จะมีการนำเสนอเอกสารหลักฐานที่ชี้พฤติกรรมของ นพ.พิพัฒน์ ที่มีพฤติการณ์เบียดบังผลประโยชน์ของ อภ. โดยเป็นประธานบอร์ดคนเดียวที่บีบบังคับเอาเงินจากกองทุนดอกพิกุล ซึ่งเป็นกองทุนสวัสดิการของพนักงาน อภ. ไปใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ ตีกอล์ฟ เบิกค่าน้ำมันรถ และค่าโทรศัพท์
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ประกอบด้วย ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบท กลุ่มศึกษาปัญหายา กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา และมูลนิธิเภสัชชนบท จะรวมตัวกันไปยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 10.00 น. ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน เพื่อขอให้พิจารณาปลดคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) และผู้อำนวยการ อภ. เนื่องจากบริหารงานจนเกิดวิกฤตด้านยา ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องรับผิดชอบกรณีนี้ด้วย เพราะเป็นกรรมการบอร์ดมาตลอด
“เดิม อภ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถผลิต จัดหาและจำหน่ายยาให้แก่หน่วยงานสาธารณสุข โดยเฉพาะสังกัด สธ. และโรงพยาบาลอื่นๆ ได้ด้วยดีมาตลอด สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายและทำกำไรส่งคลังได้ตามเป้าหมาย แต่บอร์ด อภ. ชุดนี้ ที่มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธาน และ นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา เป็น ผอ.อภ. กลับมีพฤติการณ์ส่อว่าจะดำเนินการให้ อภ. อ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจยาข้ามชาติ มุ่งหาประโยชน์จาก อภ. เพื่อไปแจกจ่ายแก่พวกพ้อง และบริหารองค์กรอย่างผิดหลักธรรมาภิบาล” นพ.วชิระ กล่าว
ด้าน ภญ.ศิริพร จิตรประสิทธิศิริ ชมรมเภสัชชนบท กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลในต่างจังหวัดจำนวนมากเผชิญภาวะยาขาด เนื่องจาก อภ. ไม่สามารถส่งยาให้แก่ลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐได้มากถึง 80 รายการ สาเหตุมาจากการที่ ผอ.อภ. และบอร์ด อภ. หวังแก้ปัญหาภาวะขาดทุนด้วยการสั่งงดผลิตยาจำเป็น เช่น ยาเบาหวาน ซึ่ง อภ. เป็นผู้ผลิตส่งให้โรงพยาบาลต่างๆ ของรัฐราว 80% ของที่ใช้กับคนไข้ในประเทศ ด้วยเหตุเพราะเห็นว่ากำไรน้อย ทั้งที่พันธกิจของ อภ. ต่อสังคมต้องไม่มุ่งเอากำไรมาก เพื่อให้ รพ. รัฐ ซึ่งใช้เงินภาษีของประชาชนมาซื้อยาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อ อภ. ไม่ทำหน้าที่ตามพันธกิจขององค์กร ขณะนี้ผู้เดือดร้อนคือประชาชน
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า บอร์ด อภ. ชุดนี้ได้ไล่ ผอ.อภ. คนเก่าออกไป แต่การก่อสร้างโรงงานยาที่รังสิต และโรงงานวัคซีนที่ทับกวาง จ.สระบุรี กลับดำเนินการอย่างล่าช้า และมีพฤติการณ์ส่อทุจริต
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ อภ. ขาดส่งยาไปยังกองทุนยาต้านไวรัสกว่า 400 ล้านบาท แม้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะ สปสช. ยังมีระบบสำรองยา แต่มีแนวโน้มว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาวัตถุดิบยาเอดส์ ต่อไปคนไข้อาจขาดยา ซึ่งจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา คือ ภาวะดื้อยา ทำให้คนไข้เสียชีวิต หรือต้องไปใช้สูตรยาราคาแพง สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
“น่าตกใจมากที่รู้ว่า นพ.สุวัช เสนอตัดงบวิจัย 45 ล้าน เพื่อแก้ปัญหาขาดทุน ถือเป็นการแก้ปัญหาโดยไม่คำนึงถึงอนาคตของ อภ. ที่ต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น อภ. ต้องได้รับการปฏิรูปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ อภ. กลับมาเป็นกำลังหลักในการดูแลระบบสาธารณสุขของประเทศ” นายอภิวัฒน์ กล่าวและว่า การเรียกร้องวันที่ 7 ก.ค. จะมีการนำเสนอเอกสารหลักฐานที่ชี้พฤติกรรมของ นพ.พิพัฒน์ ที่มีพฤติการณ์เบียดบังผลประโยชน์ของ อภ. โดยเป็นประธานบอร์ดคนเดียวที่บีบบังคับเอาเงินจากกองทุนดอกพิกุล ซึ่งเป็นกองทุนสวัสดิการของพนักงาน อภ. ไปใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ ตีกอล์ฟ เบิกค่าน้ำมันรถ และค่าโทรศัพท์
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่