xs
xsm
sm
md
lg

“คุกกี้รัน” ทำอ่วม!! เกมวิ่งมันส์ ฟันเงินแสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช็อกกันไปตามๆ กัน สำหรับผู้ปกครองหลายรายที่ในขณะนี้กำลังถูกพิษค่าใช้บริการสมาร์ทโฟนเล่นงาน หลังเป็นข่าวครึกโครมว่าผู้ใช้บริการรายหนึ่งถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือสูญเงินกว่าแสนบาท ซึ่งต้นตอเงินจำนวนที่ว่านั้น เหตุเพราะคุณลูกจอมซน กดซื้อไอเทมในเกมซึ่งต้องใช้เงินชำระจริงแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พอบิลมาถึงบ้านพ่อ-แม่เลยลมจับ เพราะไม่รู้จะหาเงินจำนวนมากไปจ่ายหนี้เขาอย่างไร???

ช็อก!! แห่ร้องเล่นเกมเสียเงินแสน

ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ?! ปล่อยลูกเล่นมือถือแค่แป๊บเดียวก็สูญเงินเป็นแสนได้ กรณีศึกษา ผู้ใหญ่ควรใส่ใจลูกหลานให้มากกว่านี้หรือไม่ เพราะเมื่อรายแรกโผล่มาร้องเรียนว่าไม่มีเงินพอจะชำระได้ เหยื่อเกมคุกกี้รันรายอื่นๆ ก็โร่มาร้องเรียนด้วยเช่นกัน บางคนมูลค่าเงินกว่า 600,000 บาท เป็นอุทาหรณ์ชั้นดี อย่าปล่อยเด็กอยู่กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้เด็กติดเกมแล้ว ยังอาจทำให้สูญเงินไปเปล่าๆ อีกด้วย

สรุปจำนวนผู้เสียหายจากการถูกเรียกเก็บค่าบริการโทรศัพท์มือถือด้วยการซื้อไอเท็มในเกม ถึงตอนนี้ ก็ปาเข้าไปถึง 7 ราย เลยทีเดียว รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,200,000 บาท

1. นางอัมพร ชุ่มชื่นดี อายุ 48 ปี ชาวบ้านตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนพฤษภาคม เป็นจำนวนเงิน 203,477.06 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชื่อ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เป็นผู้ใช้งาน

2. นางยุพาพร พูลพิพิธ อายุ 31 ปี ชาวบ้านตำบลบ้านลาด อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนเงิน 163,405.55 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชื่อ ด.ช. .สุภัทร อายุ 8 ขวบ นำไปเล่นเกมตามปกติ

3. นางอัจฉรา ใจครัว อายุ 42 ปี ชาวบ้านตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนเงิน 596,398.51 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชื่อ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นำไปใช้งานได้เพียง 4 วัน

4. นางธนิดา บุญเลิศ อายุ 45 ปี ชาวบ้านตำบลปากโทก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนเงิน 239,000 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชั้น ม.1 นำไปเล่นเกมตามปกติ

5. นางธนวรรณ พัดนาก อายุ 38 ปี ชาวบ้านตำบลโพทะเล อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนพฤษภาคม เป็นจำนวนเงิน 18,239.67 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชื่อ ด.ช.ธนชนก อายุ 10 ขวบ นำไปเล่นเกมตามปกติ

ล่าสุดคือ 6. นางวีณา จัดจริง อายุ 46 ปี ชาวบ้านตำบลเหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงา ถูกเรียกเก็บค่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทเอไอเอส ในรอบเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนเงิน 115,969.24 บาท โดยโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้ให้ลูกชาย ชื่อด.ช. ณัฐพล อายุ 9 ขวบ นำไปเล่นเกมตามปกติ

เรื่องนี้ ใครต้องรับผิดชอบ?

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์เอไอเอสได้ชี้แจงเบื้องต้นว่า ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจริงผ่านบริการจ่ายเงินเข้าสู่ Google Play Store โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต แต่ให้หักจากมือถือได้ทันที ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้แอพพลิเคชั่น หรือบริการบนระบบแอนดรอยด์ แต่ก่อนจะใช้งานได้จะต้องมีการสมัครยืนยันก่อน

ส่วนข้อติติงที่ว่า เหตุใดถึงไม่มีการระงับวงเงินปล่อยให้เงินรั่วไหลไปกว่าแสนบาทนั้น คำตอบคือเอไอเอสยังไม่สามารถกำหนดเพดานค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการดังกล่าวได้ เพราะเป็นการใช้บริการของ Google ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นเอไอเอสจึงขอระงับการบริการใช้เงินในมือถือจ่ายเข้าสู่ Play Store เฉพาะในกลุ่มลูกค้าแบบรายเดือนไปก่อน และอยู่ระหว่างแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีก ส่วนมือถือระบบเติมเงินยังสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ตามปกติ โดยจะหักจากเงินที่ได้เติมไว้แล้ว ดังนั้น ผู้ใช้บริการก็ควรต้องใช้บริการอย่างระวัง อ่านข้อตกลงอย่างถี่ถ้วนก่อนจะกดตกลง

สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ ปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานตลาด บริษัทเอไอเอส กล่าวว่า หากพบว่าลูกค้าบางรายมีค่าบริการสูงผิดปกติทางบริษัทจะปิดการให้บริการทันที และจะต้องตรวจสอบว่ามีการใช้บริการจริงหรือไม่ โดยจะตรวจสอบกับทางบริษัทต้นทางโดยบิลค่าใช้จ่ายจะออกให้ตามที่ลูกค้าใช้บริการ หลังจากที่ตรวจสอบมีลูกค้าหลายคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในส่วนนี้ทางบริษัทจะตรวจสอบทันทีโดยจะไม่เก็บเงินจากผู้เสียหาย

จากนี้ทางบริษัทจะทำระบบพิเศษขึ้นมา คือจะต้องจำกัดวงเงิน เพราะคิดว่าต้องทำให้เจ้าของโทรศัพท์เป็นผู้กำหนดวงเงินด้วยตนเอง นอกเหนือจากที่ตกลงไว้โดยจะสามารถเพิ่มหรือลดก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือในปัจจุบันโลกอินเทอร์เน็ตได้เติบโตขึ้นมาก ยังเป็นกังวลว่าแหล่งที่มาต่างๆ ของข้อมูลข่าวสารในโลกอินเทอร์เน็ตเป็นจริงหรือเท็จก็ได้ จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อนาคตทางเอไอเอสจะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการสร้างระบบพิเศษเพื่อจำกัดวงเงินให้ความรู้กับลูกค้าอย่างเต็มที่เพื่อจะได้ศึกษาวิธีต่างๆ อย่างถูกต้อง หากมีปัญหาก็สามารถติดต่อยังคอลเซ็นเตอร์ได้ตลอดเวลา” ปรัธนา กล่าว

ด้านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเด็กเล่นเกม “คุกกี้รัน” แล้วถูกเรียกเก็บค่าบริการ เป็นเงินกว่า 2 แสนบาท โดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของ สคบ. 2 กรณี คือ การโฆษณาของเกมดังกล่าว เข้าข่ายหลอกลวงจนทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ เพราะเด็กให้ข้อมูลว่าได้ดูคลิปในเว็บไซต์หนึ่งที่ระบุว่าสามารถซื้อเพชรในเกมคุกกี้รันได้ฟรี และอีกกรณีคือการทำสัญญากับทางบริษัทเจ้าของเกมนั้น มีข้อกำหนดให้ผู้เล่นเกมยินยอมรับเงื่อนไขของเกมอย่างถูกต้องหรือไม่

รวมไปถึง ทาง กสทช. เอง ก็ได้เร่งยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเกมคุกกี้รัน โดยได้เรียกกูเกิล เจ้าของกูเกิล เพลย์สโตร์ ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันบริการเสริมมาหารือในวันนี้ (26 มิถุนายน 2557) เพื่อกำหนดวงเงินการใช้งานไม่เกิน 1,000 บาท รวมถึงให้ส่งเอสเอ็มเอสให้กับผู้ปกครอง กรณีที่เด็กมีการใช้บริการเสริมดังกล่าว

ความผิดครั้งนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของเกมฮิต “คุกกี้รัน” เพียงอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้ว เกมคุกกี้รัน ก็ไม่ต่างจากเกมแนวเล่นฟรี ขายบริการเสริมอื่นๆ เหตุการณ์สูญเงินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นี้จึงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเกม ขึ้นกับว่าจะมีช่องทางจ่ายเงินอันใดที่รั่วและค่ายไหนจะเป็นผู้โชคร้ายนั่นเอง และที่สำคัญคือการเลี้ยงดูบุตร-หลาน ที่ต้องใส่ใจอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะกับการนำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนไปเล่นเกมต่างๆ ผู้ปกครองจึงควรปรับตั้งค่าให้ระงับการจ่ายเงิน หรือไม่พ่วงบัญชีไว้กับบัตรเครดิต น่าจะพอช่วยได้ในระดับหนึ่ง

ตกหลุมอีก โรมมิ่งโดนฟัน 14 ล้าน

อีกกรณีหนึ่งที่สร้างความทึ่งไม่แพ้กัน คือปัญหาเรื่องการใช้งานโทรศัพท์ในต่างแดน โดยถูกเรียกเก็บค่าบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (ดาต้าโรมมิ่ง) ด้วยมูลค่าที่สูงจนน่าตกใจถึงหลักสิบล้านบาท โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า กสทช. ได้รับร้องเรียนจากนักธุรกิจรายหนึ่งที่ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ (ดาต้าโรมมิ่ง) เป็นจำนวนเงินถึง 14 ล้านบาท หลังจากนำโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟนไปใช้ในต่างประเทศเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิดและพิมพ์ใบเสร็จผิดพลาดจึงแนะนำให้ไปเจรจากับผู้ให้บริการมือถือก่อนเพื่อจะได้ตกลงกันได้เพราะเป็นตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น และหากได้ผลอย่างไรก็ให้มาแจ้งกับ กสทช. อีกครั้ง

มูลเหตุหลักๆ ของเรื่องการถูกเก็บค่าใช้บริการโรมมิ่งในราคาสูงอยู่บ่อยครั้งคือการขาดความรู้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด จนต้องสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเมื่อปีที่แล้ว นางจันทรดี ปัตตานี ผู้ที่ต้องสูญเงินกว่า 1.3 ล้านบาท หลังลูกชายเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นเวลา 14 วัน จากนั้นมีบิลค่าบริการจาก DTAC ส่งมาแจ้งว่า มียอดชำระกว่า 1.3 ล้านบาท จึงได้ร้องเรียนไปยัง กสทช.ให้ช่วยเหลือ จากนั้นได้ทำการไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทผู้ให้บริการ โดยทางDTACตั้งวงเงินชำระไว้ที่ 5 แสนบาท ตนเห็นว่าลดลงแล้วจึงยอมเซ็นสัญญาเป็นการผ่อนจ่ายเดือนละ 4 หมื่นบาท

แม้กระทั่ง SMS ดูดเงิน ก็เคยมีกรณีเกิดขึ้นมาแล้ว หลังมีการส่งข้อความมายังโทรศัพท์มือถือชวนรำคาญใจ อย่าง “มาร่วมสนุกกับเราเพียงส่ง SMS มาที่ xxxxxxx เพื่อชิงรางวัลใหญ่” หรือ “ลุ้นรับบัตรเติมเงิน300บ.กด****** สมัครเลขเด็ดดวงดีเคล็ดเสริมรวย” โดยพบต้นเหตุหลักมาจากคอนเท้นต์โพรวายเดอร์ตุกติก แจ้งเงื่อนไขร่วมรายการไม่ครบหรือพิมพ์ข้อความตัวเล็กมากเลี่ยงลูกค้าอ่านรายละเอียด จนกลายเป็นเหยื่อ เผยใช้บริการภาพโป๊ ดูดวง ทายบอลโลก มีสิทธิถูก SMS หักเงินมากที่สุด

ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มมูลค่าความเสียหายมากขึ้น และมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้ทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อเราอุตส่าห์ยอมจ่ายเงินเลือกซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนดีๆ มาใช้สักเครื่อง เวลาจะใช้บริการอะไร ดาวน์โหลด หรือเล่นเกม ก็ควรศึกษาให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อที่ไม่ต้องเสียค่าโง่ให้กับผู้ให้บริการที่แอบสร้างช่องโหว่ให้เงินในกระเป๋าเรารั่วไหล เพราะครั้งหน้า คุณอาจไม่ได้โชคดีเหมือนกรณี “เกมคุกกี้รัน” อีกก็เป็นได้

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754


กำลังโหลดความคิดเห็น