กสอ.เผยส่งออกอุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยครึ่งปีแรกมูลค่ากว่า1.057.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชี้เทรนด์ตลาดต่างชาตินิยมหนังสัตว์หายากของไทย เช่น หนังจระเข้ หนังตะกวด หนังปลานิล หนังกระต่าย และหนังปลาฉลาม แนะเอสเอ็มอีรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์เติมความแข็งแกร่งรับการแข่งขันหลังเปิดเออีซี
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้านำรายได้เข้าประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2557 ประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์หนัง ทั้งหนังดิบ หนังฟอก หนังอัด และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากหนัง มูลค่ากว่า 1,057.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มนี้เป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยตลอดเวลา ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาตนเองเสมอ และเมื่อเข้าสู่การค้าเสรีในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในต้นปีหน้า (2558) ตลาดเครื่องหนังจะขยายเพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันสูงขึ้นด้วย เพื่อรองรับการเติบโตในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้หนังเป็นส่วนประกอบ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหนังที่กำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดแถบทวีปอเมริกา และยุโรป (อเมริกา ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ) คือ “เอ็กซอติก สกิน” (Exotic Skin) หรือ “หนังสัตว์หายาก” ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมด้านวัตถุดิบ และมีอยู่หลายชนิดพันธุ์ อีกทั้งมีข้อได้เปรียบที่สามารถฟอกย้อมวัตถุดิบได้เองและพัฒนาคุณภาพสู่ระดับสูงได้ แม้ว่าจะยังเป็นกลุ่มตลาดเฉพาะที่เรียกว่า นิชมาร์เกต (Niche Market) ก็ตาม
สำหรับหนังหายากที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด ได้แก่ หนังงู หนังปลากระเบน หนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ หนังตะกวด หนังปลานิล หนังกระต่าย และหนังปลาฉลาม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากหนังจระเข้ และหนังปลากระเบน ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งภายในและต่างประเทศ เพราะมีคุณภาพสูง มีความสวยงามตามธรรมชาติ และให้ความรู้สึกหรูหรา จัดอยู่ในสินค้าระดับบน จึงส่งผลให้สินค้ามีราคาสูง โดยนำไปผลิตเป็นสินค้าได้หลากหลาย เช่น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ฯลฯ สำหรับหนังจระเข้ไทยเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ประกอบการฟาร์มจระเข้ทั้งรายใหญ่และรายย่อยรวมกันกว่า 1,000 ราย และมีจำนวนประชากรจระเข้ในประเทศประมาณ 7 แสนตัว ส่วนหนังปลากระเบน ลายของปลากระเบนจะมีเอกลักษณ์ แข็งแรงทนทาน และมีอายุการใช้งานคุ้มค่ากับราคาสินค้า จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ดร.อรรชกากล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องหนังของไทยว่าจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การออกแบบ และการนำความรู้ใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะรับการเปิดเออีซี หนึ่งในโครงการที่ กสอ.มุ่งสนับสนุน คือ ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม หรือคลัสเตอร์ (Cluster) เพิ่มพูนประสิทธิภาพให้แก่สมาชิกกลุ่ม สามารถแลกเปลี่ยนถ่ายโอนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน รวมถึงเพิ่มอำนาจการต่อรองธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 30 ราย สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนั้น เพื่อส่งเสริมโครงการคลัสเตอร์เครื่องหนัง ทาง กสอ.ได้จัดงาน “แฟนพันธุ์แท้เครื่องหนังไทย” เพื่อแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการเครื่องหนังไทยกว่า 25 ราย รวมถึงจัดแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมการผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์จากหนังหายาก โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน 2557-3 ตุลาคม 2557 ณ ห้องแสดงนิทรรศการ ชั้น 1 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ
ด้านนายสมเกียรติ บงกชพรรณราย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเชื่อมโยงเครื่องหนังไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยมีข้อได้เปรียบในอุตสาหกรรมในระดับต้นน้ำและกลางน้ำ เนื่องจากเป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์และผลิตหนังดิบที่มีคุณภาพ รวมถึงประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงมีความสมบูรณ์ของพืชและสัตว์
นอกจากนี้ การฟอกหนังในประเทศไทยที่ดำเนินกิจการมากว่า 90 ปีทำให้มีความเชี่ยวชาญและส่งผลให้ไทยเป็นแหล่งฟอกหนังที่สำคัญ รวมถึงมีวัตถุดิบอยู่ในประเทศใกล้เคียง จึงทำให้มีมูลค่าการส่งออกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เครื่องหนังสำเร็จรูปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต มีคุณภาพ ส่งผลให้ไทยเป็นผู้รับจ้างผลิตให้แบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
