xs
xsm
sm
md
lg

กสอ.ชี้เทรนด์อุตฯ อาหารแปรรูปมาแรง อาเซียนอ้าแขนรับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเผยแผนครึ่งปี 57 พัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร รุกหนักสร้างเทคโนโลยีการผลิต นำงานวิจัยเชื่อมธุรกิจสู่เชิงพาณิชย์ เชื่อมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมากยังต้องการความช่วยเหลือ ชี้เทรนด์อนาคตต่างชาติต้องการอาหารแปรรูป และสำเร็จรูปมากขึ้น มั่นใจหลังเปิด AEC ไทยพร้อมสู่ศูนย์กลางการส่งออกอุตสาหกรรมอาหาร

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ กสอ.เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นยุทธศาสตร์หลักที่ทางกรมฯ ให้การส่งเสริมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปี 2557 นี้ได้จัดทำโครงการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมอาหารกับงานวิจัยของสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงการบรรจุภัณฑ์ด้วย ที่ไม่เพียงเน้นที่ความสวยงามแล้ว ยังคำนึงถึงการเก็บรักษาคุณภาพอาหารให้ยาวนานขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กสอ.ให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการอาหารไปแล้วกว่า 200 ราย ส่วนใหญ่ต้องการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิต การสร้างนวัตกรรมให้แก่สินค้า และด้านการตลาด ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในปี 2558 จะดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เน้นอุตสาหกรรมด้านการแปรรูป และอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่มีศักยภาพในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ส่วนการแก้ปัญหาผลไม้ล้นตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปีนั้น ซึ่งผลไม้ที่มีแนวโน้มล้นตลาดในปีนี้ ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ มังคุด ทุเรียน และลองกอง ฯลฯ กสอ.จึงมองเห็นโอกาสในช่วงนี้ ในการนำผลไม้สดมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เพื่อยืดอายุผลผลิต ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดภาวะผลไม้ล้นตลาดแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรอีกทางหนึ่ง และที่สำคัญจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลไม้ไทยเป็นอย่างมาก

ด้านนางตะวัน บุญฤทธิ์ลักขณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตขนมหวานและผลไม้แช่แข็งมากว่า 10 ปี กล่าวว่า จากเดิมบริษัทฯ เน้นที่ขนมหวานแช่แข็งเพราะสามารถเก็บได้นาน เช่น บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน ทับทิมแก้ว แปะก๊วยนมสด และข้าวเหนียวทุเรียน ต่อมาได้นำเอาผลไม้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แช่แข็ง เช่น สละลอยแก้ว ลำไยลอยแก้ว ลูกตาลลอยแก้ว รวมกว่า 30 เมนู จากเดิมบริษัทฯ เน้นการทำขนมหวานแช่แข็งส่งขายตามร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง โดยส่วนตัวมองว่าการนำผลไม้มาแปรรูปเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้เกษตรกรอีกทางหนึ่ง โดยสามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังสามารถทำตลาดส่งออกได้เช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ไทยริชส่งออกไปยังประเทศในอาเซียน อย่าง พม่า เวียดนาม ญี่ปุ่น ขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วงเจรจาธุรกิจคาดจะทำการส่งออกได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 20% และอีก 80% เป็นการขายในประเทศ

ส่วนการเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC การทำตลาดในอาเซียนและอาเซียน+3 ได้ทำการสำรวจและวิจัยมาแล้วพบว่าลูกค้าในแต่ละประเทศชื่นชอบขนมหวานชนิดใด เช่น สิงคโปร์และอินโดนีเซียจะชอบทับทิมกรอบ ลอดช่องน้ำกะทิ เวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า (CLMV) จะชอบสละลอยแก้ว ส่วนจีนและญี่ปุ่นนั้นชอบมังคุด เงาะ ลิ้นจี่ และลำไยลอยแก้ว และนอกจากจะส่งสินค้าไปขายตลาดอาเซียนแล้ว ยังวางแผนการติดต่อซื้อขายกับประเทศต่างๆ ด้วย เช่น นำเข้าลูกตาลจากกัมพูชาและพม่าเพราะในเมืองไทยมีไม่เพียงพอ นำเข้าแห้วจากจีนเพื่อมาแปรรูปเป็นทับทิมกรอบ และรับมะม่วงจากพม่า เป็นต้น
นางตะวัน บุญฤทธิ์ลักขณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด
ขนมหวานแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์ไทยริช
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น