เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่1)
เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่2)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
@@@ พยายามถึงที่สุด เราทำได้ทุกอย่าง @@@
“ข้อคิดที่ผมอยากจะฝากทุกท่านว่า ชีวิตคนเรามันแตกต่างกันตรงความคิด ถ้าสมมติเป็นข้อสอบ มี 2,000 ข้อ เขาทำ 2,000 ข้อ แต่เราทำ 1,980 ข้อ เหลือ 20 ข้อสุดท้าย เราไม่ได้ทำ เสมือนเราไม่ได้อะไรเลย เราไม่ได้ 1,980 รางวัลนะครับ แต่เราได้เท่ากับศูนย์ เพราะ 20 ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุด แต่ไม่ได้แปลว่า 1,980 ข้อไม่ต้องทำนะ 1,980 ข้อก็ต้องทำ แต่ 20 ข้อสุดท้ายต้องทำให้จบด้วย ชีวิตเรานี้มีแค่นี้ หลายคนนะลองไปถามดู เขาจะรู้สึกว่าฉันทำแล้ว ฉันก็ประหยัดแล้ว ฉันก็อดทนแล้ว ฉันก็ขยันแล้ว ฉันก็ตั้งใจแล้ว ทำไมฉันไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะคุณทำแค่ 1,980 ข้อ แต่อีก 20 ข้อสุดท้ายคุณบอกว่า คุณหมดแรงแล้ว คุณเบื่อแล้ว คุณท้อแล้ว คุณไม่อยากทำแล้ว คุณเลิกแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มันใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่คุณเลิกซะก่อน ชีวิตคนเราที่ทำก็มีอยู่แค่นี้ มีหลายอย่างที่เราทำ แต่เข้าไม่ถึง”
@@@ ทำธุรกิจให้สำเร็จ ต้องแทงโดนหัวใจ @@@
“ตอนเด็กๆผมชอบดูหนังเรื่องหนึ่ง เป็นหนังบู๊ ชื่อเรื่องอะไรจำไม่ได้ นางเอกชื่ออะไรผมก็จำไม่ได้ สรุปแล้วผมจำอะไรไม่ได้เลย แต่ผมจำได้อยู่ประมาณ 2-3 นาที หนังเรื่องนี้ฉายเป็นเดือนนะครับ หนังยาวมาก แต่มีอยู่ตอนหนึ่งมันเป็นตอนที่ผมจำทั้งชีวิตแล้วนำมาใช้การดำรงชีวิต”
“พวกเราคงอยากจะหาเคล็ดวิชาความรู้อะไรวิเศษๆเพื่อไปทำธุรกิจ ไปปรับใช้กับธุรกิจ ถูกต้องไหมครับ พวกเรามักไปเรียนเอาใช่ไหมครับ บอกให้เลยครับ “ไม่มี!” อย่าไปคาดหวังจากที่เราไปเรียนนะครับ แล้วจริงๆ เคล็ดลับมันไปอยู่ที่ไหนครับ มันอยู่ในหนังเรื่องนี้ครับ”
“ในหนังเรื่องนี้ พระเอกเป็นเซียนกระบี่ไร้เทียมทาน มีกระบี่ลวดลายสวยงามมาก เป็นลายมังกร เก่งจนไม่มีใครจะต่อสู้ด้วย แต่พระเอกก็อยากสู้ จนไม่รู้จะหาใครสู้ วันหนึ่งไปเจอชาวนาสิ้นหวัง ชาวนาคนนี้ก็เหมือนกับชาวบ้านแถวอยุธยาเหมือนเพิ่งโดนน้ำท่วมหมดหวัง อยากจะตายอยู่แล้ว พระเอกก็ท้าให้ชาวนาสู้ ส่วนชาวนาก็อยากตายอยู่แล้ว ก็เลยยอมสู้ ชาวนาเลยบอกว่า “ยินดีครับ แล้วพรุ่งนี้นัดเจอกัน” แต่ชาวนาไม่มีกระบี่ครับ สู้ก็ไม่เป็นครับ แต่อยากตายอยู่แล้วไง สู้ก็สู้ จะได้ตายสมใจ ชาวนาก็เอาไม้ไผ่ตัดปลายแหลมๆแล้วถือไว้ ด้ามจับยังไม่มีเลยครับ ส่วนพระเอกถือกระบี่สวยงามมาเลย”
“พระเอกดึงกระบี่ออกจากปลอก ร่ำอยู่ประมาณ 15 นาทีนะครับ รู้ไหมครับ ฝั่งชาวนาอยากจะตายอยู่แล้วก็บ่น “เมื่อไหร่มึงจะจบสักทีวะ” แต่พระเอกก่อนสู้ก็ต้องรำกระบี่ก่อน ชาวนามันก็เบื่อแล้ว คือ กูอยากจะตายแล้ว กูจะกลับแล้ว ระหว่างที่พระเอกกำลังรำอยู่ ชาวนาก็เดินเข้าไปนับ 1 2 3 แล้วเอาดาบไม้ไผ่แทงเข้าที่หัวใจของพระเอก หนังเรื่องนี้ผมจำได้แค่นี้ จากนั้นพระเอกก็บ่นไปอีกครึ่งชั่วโมงว่า “ชีวิตนี้หาคนต่อสู้ไม่เคยเจอใครที่ไหนนับ 1 2 3 แล้วก็ไม่เลี้ยวซ้าย ไม่เลี้ยวขวา แล้วไม่พูดไม่จา แทงมาที่หัวใจเลย” ชาวนาเขานับ 1 2 3 แล้วชี้ไปที่หัวใจ ที่จุดตาย”
“ จำไว้นะครับ มีหลายคนที่มีธุรกิจ ทำธุรกิจ ทำโปรโมชั่น ทำมาร์เก็ตติ้ง หัวใจมันอยู่ที่ไหน คือธุรกิจมันคืออะไร ถ้าคนรู้จริงๆก็เหมือนชาวนา ทางเดียวที่จะทำให้มันตายคือ แทงเข้าที่หัวใจ ถ้าไม่โดน กูก็ตาย หนังเรื่องนี้สอนผมทั้งชีวิตว่า ถ้าผมคิดทำอะไรก็ตามไม่ต้องเยอะ น้อยๆก็ได้ขอให้'โดน' โดนไหม โดนแบบวัยรุ่นนะ ถ้าโดนแบบคนแก่มันไม่เหมือนกันนะ โดนแบบวัยรุ่น โดนอ่ะ ถ้าเปรียบแบบขำๆนะ คือ ถ้าเจอแบบถูกใจ คืนนี้ผมเสียตัวให้คุณเล ไม่ต้องคบกัน 3 เดือนกินข้าวกัน อีก 3 ปีแต่ง เอาแบบถ้าผมถูกใจโดนที่หัวใจปุ๊บ คืนนี้กูเสียตัวแน่นอน แต่มันต้องโดนสุดๆนะ การทำธุรกิจก็คือ ทำให้โดน อะไรคือโดนสุดๆอ่ะ ใจเขา ใจเรา เราอยากได้อะไร อย่ากั๊ก ฆ่าวัวอย่าเสียดายเกลือ ฆ่าวัวมาทั้งตัว 200 กิโลกรัม ซื้อเกลือมากิโลกรัมเดียว ยังไงมันก็ไม่พอ วัวที่อุตสาห์ล่ามาก็เสีย ดังนั้น ต้องสุดๆ”
“ถ้าจะโฆษณา แต่ทำไม่ถึง ก็อย่าโฆษณา โฆษณาเยอะแต่โฆษณาไม่เป็น ก็เสียเปล่า แต่ผมอัดเต็มที ไม่รู้จักกูให้มันรู้ไป เอาแบบให้คืนนี้คุณละเมอถึงผมอ่ะ คือมันเปิดมาปุ๊บเจอแต่เรื่องของกูพูดทั้งวัน ถ้าคุณยิ่งโฆษณาแบบนิดๆ หน่อยๆ เชื่อไหมว่า กลับไปที่บ้าน ยังหาโฆษณาตัวเองยังไม่เจอเลย มันอยู่ตอนไหนวะ เปิดหาทั้งวันหาไม่เจอ ก็ขนาดเจ้าของยังหาโฆษณาตัวเองไม่เจอเลยอ่ะ แล้วลูกค้าจะฟังรู้เรื่องหรือ เอาให้มันเต็มๆ ใส่เต็มที่สุดๆ ให้แบบง่ายๆ อย่ามีขั้นตอนเยอะนะครับ ง่ายก็ง่าย ไม่ต้องมีขั้นตอนเยอะมาก ง่ายๆโดนๆ”
@@@ ทุ่มเทสุดๆ คือ สูตรสำเร็จ @@@
“ชีวิตคำว่า “ทำ” กับ “ทำสุดๆ” ไม่เหมือนกัน “ทำได้” กับ “ทำสำเร็จ” ก็ไม่เหมือนกัน มันต่างกันนิดเดียวคือ “ความทุ่มเท” ถ้าเราต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ผู้จัดการเขตเป็นร้านอะไรก็ตาม คุณช่วยบอกตัวคุณหน่อยสิครับว่า “คุณสุดๆแล้ว” ผมพิสูจน์มาแล้ว ใครก็ตามถ้าวันนี้คุณขายได้ 20,000 บาท ถ้าคุณบอกว่าพรุ่งนี้คุณจะขาย 25,000 บาท แล้วคุณก็ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ตั้งหน้า ตั้งตา อาบน้ำ แปรงฟันเรียบร้อย กินข้าว ตั้งใจขายของให้ได้ 25,000 บาท คุณว่า คุณขายได้ไหมครับ “ทำได้ครับ” ชีวิตเราอยู่แค่นี้ อยู่ที่คุณเชื่อว่า ตัวเราเองทำได้หรือเปล่า”
“เชื่อไหม ผมจบ ม.3 ไปทำงานบริษัทเครือสหพัฒน์ เจ้าของสหพัฒน์ ประธานชื่อ “ดร.เทียม โชควัฒนา” ผมเรียนไม่เก่ง รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย ผมเชื่อว่ามีทางออกทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จ คือ ต้องออกมาทำธุรกิจ ผมเชื่อแค่นี้ แล้ววันหนึ่งผมได้เจอท่านประธานเครือสหพัฒน์ ท่าน ดร.เทียม โชควัฒนา มันเป็นความโชคดี ท่านเป็นบุคคลตัวอย่างในชีวิต ผมศรัทธาชื่นชมท่าน และพยายามเดินตามรอย ผมทำงานมา 5 ปี ได้พบท่านไม่เกิน 10 ครั้ ง ครั้งหนึ่งก็ 2 - 3 นาที ตอนเอาเอกสารไปให้ท่านเซ็นแล้วก็กลับ”
“ผมมีกระดาษที่มีลายเซ็นท่านอยู่แผ่นหนึ่ง เป็นเศษกระดาษมีลายเซ็นที่ท่านให้ผมเอาไปให้เจ้านายผม เชื่อไหมว่า ผมเขียนลายมือพร้อมเซ็นชื่อคล้ายกับ ดร.เทียม โชควัฒนา ได้ ผมเลียนแบบลายเซ็นและลายมือ เพราะผมอยากได้กระดาษแผ่นนั้น เพราะมันมีความหมายสำหรับผมมาก แผ่นจริงผมแอบเอาเก็บไว้ แผ่นปลอมผมเอาไปส่งแทน กระดาษแผ่นนั้นเหมือนพระเบญจภาคี ผมบอกไม่ถูก เพียงแค่เห็นตัวหนังสือก็มีแรง”
“และมีอยู่วันหนึ่ง ผมต้องไปที่ห้องท่านประธาน เอาเอกสารให้ท่านเซ็น บังเอิญท่านจะเข้าห้องน้ำ ก่อนเข้าห้องน้ำท่านดื่มน้ำในแก้ว แล้ววางไว้ที่โต๊ะก่อนไปเข้าห้องน้ำ คือ ผมศรัทธาท่าน อยากได้แม้กระทั่งเศษกระดาษที่ท่านเขียนครับ ผมมองไปที่โต๊ะ แม้แต่น้ำในแก้วผมก็อยากได้ ปากกา นาฬิกา กระดาษทิชชู่หรือถังขยะ คือให้อะไรก็ตาม ผมเอาหมดเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ จนผมเห็นน้ำในแก้วที่ท่านดื่มทิ้งไว้ ผมรู้สึกว่านั่นคือ สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด เอายังไงดีวะ ท่านจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมตัดสินใจ ดื่มน้ำในแก้วเข้าไปเลย แล้วผมก็หน้าซีด ก้มหน้าก้มตา ท่านออกจากห้องน้ำ กลับ มานั่งที่โต๊ะ ผมไม่รู้จักท่านดีหรอกครับ แต่ท่านความจำแม่นมาก ท่านก็มองไปที่แก้วน้ำ แล้วท่านก็มองแบบ “เอ๊..เมื่อกี๊กูเข้าห้องน้ำ ก็ไม่ได้กินหมดสักหน่อย” แล้วก็มองหน้าผม ผมก็ไม่กล้าสบตา ท่านก็ถามว่า “ไอ้ตี๋มึงดื่มน้ำไปใช่ไหม” “ ใช่ครับ ผมดื่มน้ำแก้วนั้นไปครับ” ผมสารภาพ ซึ่งน้ำในแก้วนั้น ทำให้ผมมีวันนี้ครับ น้ำแก้วนั้นทำให้ผมมีดีเอ็นเอของคุณเทียม โชควัฒนา ผมเป็นลูก เป็นหลานเรียบร้อยแล้ว ผมกินน้ำเปล่าที่ติดน้ำลายเหม็นๆมา สำหรับคนอื่นก็คงไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับผม มันเป็นพลัง”
“เพราะอะไร คุณรู้ไหมครับ ทำไมน้ำเปล่าจึงมีค่าขึ้นมาได้ เพราะเรา “ศรัทธา” เราเชื่อมันก็จะเกิดพลัง หลังจากที่ผมกินน้ำแก้วนั้นเข้าไป ชีวิตผมจากแค่เขียนหนังสือบนกระดาษก็เหนื่อยแล้ว หลังจากกินน้ำแก้วนั้นเข้าไป ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเลย ผมอยากทำงานทุกวัน อยากไปเช้ากว่าเดิม อยากกลับดึกกว่าเดิม วันหยุดผมทุกข์เลยนะ คือถ้าผมไม่ได้ทำงานผมรู้สึกมันป่วยครับ คือมันอยู่ที่เราศรัทธา เราเชื่อ แล้วเราอยากจะทำนะ มันก็เกิดมีพลัง มนุษย์เรามีพลัง เพียงแต่เราต้องดึงมันขึ้นมา ไม่เชื่อลองกลับไปตั้งเป้าดูว่าปีนี้เราจะทำอะไร แต่อย่าไปตั้งเป้าว่าเราต้องประสบความสำเร็จในธุรกิจ ทำเต็มที่ สุดๆ ถามว่าสุดๆชีวิตเรา ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก มนุษย์เรา ถ้าเราสุดๆทำได้ทุกอย่าง”
“ในชีวิตของเรา ถามว่าเราทำยังไงให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ต้องทำจากมือจากใจของเรา พิถีพิถัน เข้มงวดกับตัวเอง เสมือนทำให้ลูกเรากิน เราถึงจะให้คนอื่นกินได้ ไม่ยอมแพ้ อย่าท้อแท้ นอกจากสิ่งที่ผมพูดแล้ว ความรู้สึกเล็กๆน้อยๆก็เป็นสิ่งสำคัญ เหมือนน้ำท่วมครั้งนี้ ถ้าเราบอกว่า เรามีเงินมากก็ช่วยมาก ถ้ามีน้อยก็ช่วยน้อย ถ้าคุณคิดว่าทุกคน คือญาติของเรา เราก็จะช่วยมากขึ้น ผมว่ามันอยู่ที่ความรู้สึกนะครับ และสิ่งเหล่านี้ก็ฝากให้ทุกคนเอาไปลองทบทวนดู แล้วก็มองธุรกิจตัวเองว่า ส่วนไหนที่เรามองข้ามไปบ้าง แล้วผมเชื่อว่าทุกคนต้องประสบความสำเร็จ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จครับ”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่1)
เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่2)
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *