xs
xsm
sm
md
lg

เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่1)

“เขาบอกว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่จริงๆไม่ใช่หรอกครับ เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้วครับ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลง โลกมันเปลี่ยนแปลง ในน้ำมีนา ในนามีปลา คือหลังจากน้ำท่วม โรงงานผมกลายเป็นรีสอร์ทกลางน้ำ อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วย กบ งู มีทุกอย่างครับ ปลา เยอะไปหมดเลย โดยเฉพาะงู เชื่อไหมว่าไม่ต้องทำอะไรอยู่เฉยๆมันมาหาเอง พนักงานผมหิ้วมาให้ดู หนูตัวใหญ่ เขาจับได้ เขาทำกันเป็นทีมเวิร์คมาก พอคนที่จับหนูได้ อีกคนต้มน้ำร้อนครับ พอน้ำเดือด เอาหนูต้ม เลาะหนังออก แล้วย่าง ชีวิตนี้ผมกินทุกอย่าง แต่หนู ผมไม่กล้ากิน ผมรู้สึกเหมือนมันสกปรก ก็ไปถามว่า “น้องๆ หนูที่กินเนี่ยมันต่างกันยังไงกับหนูบ้านอย่างไง” เขาบอกว่า “หนูบ้านเหม็นท่อระบายน้ำ แล้วถ้าหนูตามโรงแรม หนูตึก เหม็นท่อแอร์ครับ แต่ไอ้หนูตัวนี้ หอมกลิ่นออแกนิค” (หัวเราะ) เพราะมันกินแต่ใบไม้ กินแต่หญ้า ผมก็งงๆ เขาก็กินกัน อาหารที่ผมซื้อไปก็แทบจะไม่มีใครสนใจเลย”

@@@ สุขาจำเป็นแบบฉบับของต้น @@@

“ผมมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง อยากจะให้พวกเรานำไปใช้นะครับ ไม่หวงลิขสิทธิ์ ไม่หวงวิชาครับ ผมมีวิชาวิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือทุกๆวันตอนเช้าผมกินข้าว แล้วตอนเย็นผมกินข้าวเสร็จปุ๊บ สิ่งต่อไปที่ผมต้องทำคือ “ขี้” หลังกินข้าวเสร็จ เป็นสิ่งที่ผมฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจนโต ขี้ยังต้องฝึก ผมเคยสมัยเด็กๆ ถูกทรมานเรื่องขี้มาครั้งหนึ่งจำจนเข็ด คือ ปวดท้องขี้กว่า 2 ชั่วโมง ไม่มีห้องน้ำให้เข้าเลย ตั้งสมาธิแล้ว หน้าเขียวจนขาวก็แล้ว ไหลออกมาจนเลอะกางเกงในแล้ว สุดๆแล้ว ดังนั้น ผมเลยเรียนรู้ว่า ตื่นเช้าขึ้นมาปุ๊บ กินข้าวแล้วต้องจัดการให้เรียบร้อย ผมไม่เคยกินข้าวกับภรรยาจนจบเลยนะ กินไปได้ประมาณ 80% ผมหยุดแล้ว ผมต้องไปขี้ก่อนทุกวันเลยครับ ตอนเย็นเหมือนกัน ถ้าผมไม่กินข้าวที่บ้าน ก็ต้องกินข้าวร้านอาหาร จะหรูไม่หรูไม่สำคัญนะ สิ่งแรกเลยต้องมีห้องน้ำ อะไรก็ได้ แต่ห้องน้ำ กูขาดไม่ได้”

“ย้อนกลับมาตอนที่ผมเข้าโรงงาน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับลูกน้องนะครับ ตอนที่ผมเข้าไปในโรงงาน สวนทางกับคนอื่นกำลังเดินทางออก มันแตกต่างกันตรงไหนครับ ผู้บริหาร ผู้นำ หรือเจ้าของต้องอย่าลืมนะครับ ตอนที่ธุรกิจของคุณเดินดีอยู่นะ คุณไม่ต้องอยู่ก็ได้ครับ แต่ถ้าบริษัทน้ำท่วมคุณต้องรีบมาทันที ต้องอยู่เป็นหลักให้แก่ลูกน้องของคุณ ดังนั้น ผมเข้ามาเพื่อกินข้าวกับลูกน้องของผม ให้กำลังใจ มาบอกพวกเขาว่า “ไม่เป็นไรหรอก เริ่มต้นใหม่ ชีวิตมันต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวกูก็ทำใหม่ได้” ต้องแสดงแบบว่าไม่เป็นไรเพราะพนักงานทราบว่า โรงงานนี้ใช้เวลาทำเป็นปี เงินลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท ตลอดปีที่ผ่านมา ทุกคนทุ่มเท แต่ยังไม่ทันจะใช้ ท่วมหมดแล้ว ทุกคนท้อแท้แต่เราก็ทำเป็นแฮปปี้ อย่าไปซีเรียสเลย ชิวๆนะ เราก็กินข้าวเต็มที่ กินเยอะ โอ้โห...มันมาแล้วเว้ย ลืมไป “มีห้องน้ำไหม” ลูกน้องก็ตอบกลับมาว่า “ไม่มีครับ” แล้วพวกเอ็งอยู่กันเป็นสิบๆวันยังไง “อ๋อ...สบายมาก” เขาบอกว่า ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นเดียวนั่งยองๆ รองขี้ก็เสร็จแล้ว”

“ผมเป็นคนง่ายมาก ติดดินมาก กินยังไงก็ได้นะ แต่ขอให้มีที่ขี้แบบมีที่นั่ง ไอ้ที่ยองๆ กูไม่เคยยองๆมาเป็นสิบๆ แล้ว คือที่บ้านผมเป็นส้วมยี่ห้อ TOTO ผมได้เป็นคนแรกๆเลยในประเทศไทย ตอนที่โตโต้นำเข้ามา เขาเอาส้วมโตโต้ ราคา 120,000 บาท ให้ผมใช้ฟรี มันอัตโนมัติทุกอย่าง เรานั่งปุ๊บมันก็จะช่วยเราทุกอย่าง ฉีดน้ำ เช็ดให้ เป่าให้แห้ง คือผมไม่เคยทำอะไรเลย นั่งลงไปขี้เสร็จผมก็ไป แล้วจะให้ผมยองๆขี้ มันไม่เคยทำมาเป็นกว่าสิบๆ ปีแล้ว เขาบอกว่า “เจ้านายก้มลงไป แล้วก็ขี้เลย” มันพูดมันง่ายแต่ทำยาก สิ่งแรกคือพุงมันติดน่อง ไม่เท่านั้น ผมอ้วนนั่งยองๆ ลงไป ก้นแทบจะติดพื้นแล้ว อย่างนี้ จะขี้ยังไงวะ ขี้ไปก็ไม่มีน้ำให้ล้างอีก ถ้าขี้อย่างนี้ไม่ไหวนะครับ”

“ชีวิตคนเราเนี่ยเจอปัญหาอย่าตกใจนะครับ ทุกอย่างมีทางออก ผมว่าผมขี้อย่างนี้ไม่ไหวนะครับ มันไม่มีจังหวะและมันลงไม่ได้ครับ ผมไม่ถนัด แต่ตอนวัยรุ่นเคยเที่ยวร้านอาโกโก้ครับ มีเสา บังเอิญที่โรงงานผม ส่วนออฟฟิสหน้าโรงงาน มันก็เสาค้ำยันอยู่พอดี “เสร็จกู” ผมมีที่ขี้แล้วครับ ผมก็ไปเกาะเสาเอาไว้ บอกลูกน้องว่า “พวกเอ็งอย่าตามมานะ” ตอนนั้นมืดแล้วประมาณเย็นๆแล้ว ผมก็เกาะเสาเอาไว้ แล้วก็หย่อนก้นลงไปข้างๆ นอกตึก แล้วผมก็ขี้ สุดๆของชีวิตครับ กูยืนขี้ได้ แต่ต้องบอกว่าขี้ได้นิดเดียว มันไม่ค่อยออก มันไม่ใช่ท่าที่เราทำประจำนะครับ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เขาบอกไว้ว่าความสม่ำเสมอจะติดเป็นนิสัย เข้าใจนะ”

“คืนนั้นก็นอนในมุ้ง ความจริงก็นอนแบบที่ตัวเองเคยนอนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นสิ่งที่ผม นึกถึงว่าโชคดีนะตอนเด็กๆเราฐานะยากจน พ่อแม่ยากจนเราเคยนอนแบบนี้ ถ้าเราเกิดมาแล้วพ่อแม่รวยเลย หรือเราฐานะดี เราไม่เคยนอนมุ้ง เราไม่เคยนอนไม่ใช่แอร์ เราคงปรับตัวได้ยาก แต่คืนนั้น ผมนอนมีความสุขมากครับ ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ ยอมรับแหละครับว่าเจ็บ เมื่อย แต่ใจมันได้ เพราะเราเคยลำบากมาก่อนนะครับ”

“ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องแปรงฟัน ไม่มีน้ำแล้วจะแปรงฟันยังไง ณ ตอนนั้น มีน้ำสิงห์อยู่ไม่กี่ขวดในโรงงาน ผมได้น้ำมาขวดหนึ่ง น้ำขวดนี้ต้องแปรงฟัน ล้างหน้า น้ำขวดนั้นเป็นน้ำสิงห์ 500 ซีซี 1 ขวด ผมรู้สึกผิดมากเลยนะ ที่ผ่านมารู้เลยว่า เราใช้น้ำมากเกินไป วันนี้รู้คุณค่าของน้ำเลย”

“หลังจากแปรงฟันเสร็จ ก็กินข้าวเช้า พนักงานเขาก็ทอดไข่ ทำไข่เจียว กินข้าว ปลากระป๋องอีกแล้ว ลืมตัวๆ กินเสร็จ สิ่งต่อไปที่ผมจะต้องทำหลังจากกินข้าวคือ “ขี้” แต่ครั้งนี้ หนักกว่าเดิมนะครับ เมื่อวานกินเข้าไปเยอะขี้น้อย ตอนเช้ากินเข้าไปเยอะอีก ตายเลย มันมาแบบสุดๆแล้ว ไม่ไหวแล้ว แต่จะให้ไปขี้ที่เดิมไม่ได้แล้ว เพราะที่ที่ผมขี้เมื่อคืน มันติดริมถนน กลางคืนไม่มีใครมองเห็น แต่ตอนเช้ามีเรือมูลนิธิวิ่งไปวิ่งมา แล้วกูจะยืนขี้ตรงนี้ มันมองมาก็เห็นสิ ใครๆ ก็รู้ว่า โรงงานคุณตัน กูก็ยืนขี้อยู่ตรงนี้ แล้วคุณคิดว่าผมจะเป็นข่าวไหมเนี่ย (หัวเราะ) แล้วจะขี้ยังไง หาทางแก้ปัญหาครับ ก็ไปเห็นถังใส่ขยะ บางคนสงสัยว่า ไอ้นวัตกรรมคืออะไร นวัตกรรมก็คือไม่ต้องไปคิดใหม่ก็ได้นะครับ บางคนหลงทางตัวเอง แล้วก็คิดว่านวัตกรรมต้องเป็นสิ่งที่ต้องสร้างใหม่ขึ้นมา ไม่จำเป็น ของที่มีอยู่ในรอบตัวเราเอามาดัดแปลงใช้เท่านั้น เขาเรียกว่านวัตกรรมสุดยอด”
นั่งแพเข้าโรงงาน
“ผมก็หลงทางมาตั้งนาน ช่วงน้ำท่วม ผมก็เอาแต่ซื้อห้องน้ำลอยไปบริจาค ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ผมมาค้นพบว่าห้องน้ำลอย มันใช้ไม่ได้ครับ ผมไปลองดูแล้วนะครับ ขี้ยังไงก็ไม่ออก เพราะว่ามันจะโยกไปมา แต่ส้วมที่ดีที่สุด ถูกที่สุดคือถังขยะหรืออะไรก็ได้ ขอให้เจาะรูแล้วเรานั่งเหมือนที่บ้านเรานั่งส้วม แค่นั้นแหละขี้ได้เลย ถังขยะใบนี้ก็เลยเป็นส้วมให้ผมได้ทันที เพียงแต่ผมเอาถุงดำใส่ขยะออก มองซ้ายมองขวาเห็นถุง Foodland เอามาสวมในถังขยะแทน หามุมลึกๆหน่อย แล้วผมก็นั่งชิวๆ สบายเลยครับ สุดๆครับ เหมือนที่บ้านเลย กินมาเท่าไหร่ออกเท่านั้น”

@@@ คิดถึงคนรอบๆ ตัวเราเสมอ @@@

แต่ด้วยถังขยะเนี่ยมันขนาดเล็กไปหน่อย เวลาเช็ดก้น มันเช็ดยาก ผมเอากระดาษมา 1 ม้วนครับ ใช้ไปครึ่งม้วน เช็ดหมดแล้วเรียบร้อยนะ ก็ผูกปากถุงอย่างดี แล้วผมเหวี่ยงทิ้งสุดแรง ไปตามน้ำ มันลอยไปสูงมาก ไกลมาก เหวี่ยงไปสุดแรง ระหว่างที่ลอยอยู่ ผมก็คิดขึ้นมาว่า “ฉิบหายแล้วกู” ถุงใบนี้เป็นถุง Foodland ผูกอย่างดี ลอยไปตามน้ำ หลังโรงงานผมเป็นชุมชน มี 200 กว่าหลังคาเรือน ผมเชื่อว่าเขาต้องคิดว่าโรงงานข้างหน้าเขามีน้ำใจแบ่งปันของบริจาคมาให้แน่ๆ คือมันรู้สึกตอนโยนไปแล้วไง ไม่ทันแล้ว เพราะว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยถุงใบนี้ให้ลอยผ่านหน้าบ้านแล้วไม่มีใครเก็บออกมาดู เป็นไปไม่ได้เลยครับ”

“เรื่องนี้ สอนอะไรรู้ไหมครับ บางทีเราต้องคิดถึงคนข้างหน้า คนข้างๆ คนข้างหลังของเราด้วย ถ้าเราคิดเสียก่อน เราจะไม่ทิ้งอย่างนี้ เพราะเราคิดแต่ว่าของไม่ดีโยนออกไปไกลๆให้ห่างจากเรา แต่คุณคิดไหมว่า ยิ่งห่างจากเราเท่าไร มันยิ่งใกล้กับเขามากขึ้นเท่านั้น ผมรู้สึกผิดมากเลยครับ คือโยนไปแล้ว แล้วฝั่งโน้นก็รอถุงยังชีพอยู่ เขาต้องไปเก็บแน่ๆ ซึ่งหลังจากน้ำเริ่มแห้งแล้ว ก่อนที่ผมจะกลับเข้าโรงงาน ผมก็แวะไปหาชาวบ้านหลังโรงงาน แล้วเอาถุงยังชีพไป 200 ถุงไปแจก แต่ผมไม่ได้บอกนะครับว่าถุง Foodland เป็นของกู เพราะถ้าเขาอยู่ในนี้ผมโดนเขาด่าแน่ ผมว่าต้องมีคนแกะแน่ๆเลย เพราะว่ามันน่าแกะมาดูมาก”

@@@ คิดแต่เอาตัวรอด สุดท้ายตายหมู่ @@@@

“ก่อนที่ผมจะออกจากโรงงานผมก็ขึ้นไปดูบนชั้น 5 มองไปก็เห็นแต่น้ำ เป็นน้ำหมดเลยครับ ทำไมปีนี้น้ำมันเยอะจัง จริงๆน้ำมันมีเท่าเดิมแหละ มันก็เคยตกลงมาแล้วก็แห้งแล้วก็ขึ้นมาใหม่ เพียงแต่เดี๋ยวนี้โลกร้อนก็ระเหยขึ้นไปเยอะก็ตกลงมาเยอะ ตกมาอีกหน่อยก็ไหลลงมาเยอะ เป็นผลงานของมนุษย์เราทุกๆคนรวมทั้งผมด้วย เราใช้ธรรมชาติมากเกินไป เราไม่ได้ดูแลสิ่งแวดล้อม เราก็เลยรับโทษ ทั้งๆที่ธรรมชาติเตือนเรามาแล้วหลายต่อๆครั้ง ที่เป็นอย่างนี้ผมว่ามันเป็นเพราะธรรมชาตินะครับ มันเป็นภัยพิบัติ แต่อีกส่วนหนึ่งคือการจัดการที่ไม่ดี”

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ คือ น้ำไม่ได้มีเยอะอะไรมากมายนัก มันจะไม่เสียหายอะไรมากเท่านี้หรอกถ้าเราจัดการมันได้ คือเราขังน้ำไว้ตั้งแต่แรก เพราะเราไปปิดไว้พักไว้ จนเกินพอดี เขื่อนเต็มไม่ไหวก็ต้องปล่อยออกไป แต่ไปทางไหนไม่ได้บอก สุดท้ายมันก็กินพื้นที่มากกว่าเดิม”

“การแก้ไขปัญหาจริงๆ ชีวิตคนเราบางครั้งก็เหมือนการขับรถแล้วเจอหมอก กว่าที่เรามองเห็นเนี่ย เบลอไปหมดแล้ว ชีวิตคนเราถ้ามีสติเราก็จะทำได้ เวลาเราขับรถเจอหมอก เราเปิดไฟสูงหรือไฟต่ำครับ ถ้าเราตกใจเราก็จะเปิดไฟสูง ก็เหมือนกับเราขับรถเปิดไฟสูง เหมือนกับว่าเราจะเอาตัวรอด เพราะเราเปิดไฟสูงเพื่อเราจะได้เห็นไง แต่จริงๆคือไม่เห็นหรอกครับ เขาเรียกว่าเราจะเอาตัวรอด แต่จริงๆคือไม่รอด เช่นเดียวกัน เวลามีน้ำท่วมต่างคนก็ต่างเปิดไฟสูงใส่กัน เพื่อเอาตัวรอด เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่รอด ผมไม่โทษใคร แล้วผมบอกทุกคนเลยว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากๆ ทำไมโรงงานถึงพังทุกที่ งานนี้แพ้ทุกประตูเพราะทุกคนเอาตัวรอด โรงงานผมเสียไปเกือบ 10 ล้านบาท เฉพาะไอ้ที่ป้องกันทั้งหลาย แต่ละโรงงานก็เสีย 10 ล้าน 5 ล้าน แต่ไม่มีใครเอาเงินก้อนนี้ มารวมกัน ทำเป็นส่วนกลาง ช่วยทำระบบให้มันรอดทุกคน แต่ตอนนั้นทุกคนช่วยแต่ตัวเอง สุดท้ายเป็นไง ไม่รอดสักคน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ เพราะน้ำมาถ้าเราไม่กั้นให้อยู่ข้างนอก เราไม่ขุดหลุม ขุดคลอง หรือซ่อมคลองให้มันไปได้ ถ้าเรามัวแต่ช่วยตัวเอง เห็นแก่ตัว ก็รวมทั้งโรงงานผมด้วย ก่ออิฐช่วยตัวเอง แทนที่จะเอาคนไปช่วยส่วนรวม ถ้าทุกโรงงาน ทุกจังหวัด ทุกบ้าน ทุกคนไปช่วยส่วนกลาง เอาปั้มน้ำทั้งหมดไปช่วยส่วนกลาง ตรงไหนที่ดูดน้ำไปได้แล้ว มันทำให้น้ำล้น เราอาจจะรอด หรืออาจจะเสียหายน้อยกว่านี้ อันนี้ผมได้จากข้อคิดจากน้ำท่วมครั้งนี้

@@@ สุขทุกข์ขึ้นอยู่ที่มุมมอง และวิธีคิด @@@

“ต่อจากนั้น ผมก็ออกมาจากโรงงาน ร ะหว่างทาผมก็เห็นแต่น้ำท่วมมากกับท่วมน้อยเท่านั้นแหละ ไม่มีใครไม่ท่วมหรอก แล้วก็มีคอสะพานที่ท่วมน้อยหน่อย วันนั้น ผมได้กินข้าวกล่องบริจาค เพราะตอนที่ผมนั่งเรือแล้วไปเปลี่ยนรถที่คอสะพาน มีอาเจ๊อยู่คนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่ดีนะครับ เจ๊คนนั้น บ้านแกอยู่ใกล้คอสะพานท่วมน้อยหน่อย เจ๊ก็เลยออกมาทำกับข้าวเลี้ยงคนแถวนั้น มีคนมากินเยอะ ผมลงจากเรือ เดินผ่าน เจ๊เห็นดีใจใหญ่เลย เรียก “คุณตัน” ให้ผมเอาข้าวไปกิน สรุปผมได้กินข้าวกล่องบริจาค อร่อยมาก ไม่ได้อร่อยที่กับข้าวนะครับ น้ำใจของเจ๊ต่างหาก ผมรู้สึกยังไงรู้ไหมครับ ผมคิดว่า ผมมีศักยภาพมากกว่าเจ๊คนนี้แน่นอน ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงผมก็ต้องมีมากกว่านะ แต่เจ๊ยังช่วยคนอื่นเลย ชีวิตคนเรามันมีแค่เนี้ย ผมเห็นเจ๊คนนี้ ทำให้ผมฮึดขึ้นมาทันที ผมมีมากกว่าเจ๊ จะให้ผมอยู่เฉยๆไม่ได้ ผมเชื่อเลยว่า เจ๊เป็นแรงบันดาลใจให้กับผม สอนให้รู้ว่าชีวิตคนเรา สักวันหนึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา กับใคร หรือว่าวันไหน เราต้องลุกขึ้นมาสู้ ช่วยตัวเองแล้วถ้าเรายังสามารถช่วยคนอื่นได้อีกนะ ลุกขึ้นมาช่วยคนอื่นด้วย”

“นอกจากผมเจอเจ๊แล้ว ผมก็เจออีกหลายคน เช่น คนโดนน้ำท่วมจนไม่เหลืออะไรติดตัวเลย ขนาดบัตรประชาชนยังไม่มี คุณว่าผมดีกว่าเยอะไหมครับ ชีวิตคนเราอย่าขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบนะครับ เราขับรถฮอนด้าเรารู้สึกน้อยใจนะครับ คันข้างหน้าเป็นรถเบนซ์ เป็นเครื่องบินส่วนตัว ยิ่งอยากตาย ทั้งชีวิตนี้เราขับแต่ฮอนด้า เหล็กก็เบา ขับไปคว่ำตายแน่ๆเลย ท้อแท้ แต่ถ้าคุณไปดูข้างหลังคุณสิครับ ขี่มอเตอร์ไซต์ ข้างหลังคนขี่มอเตอร์ไซต์ คือ ขี่จักรยาน ข้างหลังคนขี่จักรยานคือคนเดิน ข้างหลังคนเดินคือคนพิการที่พยายามจะเดิน พวกเราดีกว่าเยอะ ชีวิตเราไม่ได้มีใครดีไปกว่าใคร อยากหาความสุขง่ายนิดเดียว เราก็สุขอยู่แล้วเพียงแต่เราจะเอาอะไรมาใส่ลงไป ไม่อยากทุกข์อย่าไปเสียใจกับความทุกข์ บางคนเป็นนักสะสมนะครับ โดยเฉพาะความทุกข์ เชื่อไหมผมทุกข์ตอนไหน ผมทุกข์ตอนที่น้ำไม่เข้า พอเข้า ผมหายทุกข์เลย ผมไม่สนใจ ปล่อยวางไปเถอะครับ ผมเป็นคนที่มองข้ามง่ายๆสบายๆ เพราะผมมีกำลังใจ ผมมีทุน มีเครดิต ที่สำคัญที่สุด ขาดไม่ได้เลยนะครับ ผมมี “ครอบครัว” ผมกลับไปถึงบ้านผมมีสิ่งนี้ครับ ผมกลับไปถึงบ้าน ภรรยาผมบอกว่า “ไม่ต้องคิดมากนะคะ เราเริ่มต้นใหม่ได้ เมื่อก่อนเธอมีหนี้ร้อยล้าน ฉันยังอยู่กับเธอเลยนะ ตอนนี้โดนไปนิดหน่อยนะ ก็ถือว่าโดนบ้างก็ดี” เห็นไหมครับครอบครัวสำคัญมาก”

“ชีวิตคนเราเนี่ย ไม่มีใครเก่งกว่าใคร หรือใครดีกว่าใคร ไม่มีหรอก มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่วิธีคิด ผมไม่รู้สึกอะไรเลย บอกให้ก็ได้วันนี้น้ำท่วม พรุ่งนี้ผมก็ยังสั่งเครื่องจักรอีก 2 พันล้านบาท ผมไม่สนใจหรอก ผมจะเดินหน้า ความทุกข์ความเสียหายทั้งหมดมันเลยผ่านไปแล้ว มันไม่เกี่ยวแล้ว ถ้าตราบใดที่เรายังมีชีวิต เรามีกำลังใจ เราก็ทำใหม่ได้ จะเป็นยังไงอีกเรื่องหนึ่งแต่เดินหน้าไปต่อเลย”

“ชีวิตคนเรามีแค่เนี้ย อยู่ที่เราเปรียบเทียบ เราคิด ถามว่ามันแตกต่างกันนิดเดียว ต่างกันตรงไหน นิ้วโป้งชูขึ้น แปลว่า สุดยอด ชี้ลงกลายเป็นแย่ ไม่เชื่อนะ ถ้าตื่นเช้าขึ้นมา คุณคิดว่าบริษัทแย่ ธุรกิจแย่ สามีแย่ ภรรยาแย่ ครอบครัวแย่ ลูกน้องแย่ ฯลฯ ตื่นเช้าขึ้นมามีแต่เรื่องแย่ๆ แต่ถ้าคุณตื่นขึ้นมา แล้วคิดว่า ครอบครัวเราสุดยอด พ่อหล่อจังเลย แม่สวยจัง ลูกเก่ง ลูกน้องทุกคนสุดยอด เก่ง มันเป็นกำลังใจครับ สู้กับท้อแท้ มีแค่เนี้ย ชีวิตประจำวัน ตื่นเช้าเคยชมใครไหมครับ ตื่นเช้าขึ้นมาบ่น สามีกลับดึก กลับมากินเหล้าเหม็น มันมีอยู่ 100 ข้อ มีดีอยู่ 98 ข้อ อีก 2 ข้อที่ไม่ดีมองข้ามมันไป ยังมีสิ่งที่ดี มองสิ่งที่ดี นิ้วเดียวกันผลแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชีวิตเรามีแค่เนี้ย”

@@@@@@@ อ่านต่อตอนสุดท้าย ในวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555@@@@@@@@@

เปิดประสบการณ์ “ตัน” ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมโรงงานแบบไม่ตัน (ตอนที่1)
กำลังโหลดความคิดเห็น