xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 22 (อวสาน)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตอนที่ 22
เช้าวันใหม่ รถนาวิศเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ปาหนันกับนาวิศลงจากรถ ช่วยกันประคองเคี่ยมออกมา นาวิศเตรียมรถเข็นมารับตัวเคี่ยม
“พ่อ ระวังนะจ๊ะ”
เจ่ง เดื่อ ทับทิมออกมาต้อนรับอย่างยินดี
“นาย เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรแล้ว”
เดื่อยิ้ม
“ดีแล้ว...เดื่อขอให้นายหายวันหายคืน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เดื่อเกาะไปนานๆนะครับ”
ทับทิมตบหัวเดื่ออย่างหมั่นไส้
“เอาล่ะ...อย่ามัวยืนคุยกันอยู่นี่เลย รีบพานายเข้าบ้านเถอะ”
เจ่ง เดื่อ ทับทิม แท่นต่างช่วยกันพาเคี่ยมเข้าบ้าน นาวิศกับปาหนันหันมายิ้มให้กัน ปาหนันจะตามเข้าบ้าน นาวิศดึงมือไว้ ปาหนันหันมายิ้มให้นาวิศ ทั้งสองยืนกุมมือกัน
รสาขับรถเข้ามาจอด สหัสมองนาวิศกับปาหนันอย่างเจ็บปวด รสาหันมองสหัสอย่างเห็นใจ
“นายอยากเข้าไปไหม หรืออยากให้ฉันพาไปที่อื่น”
สหัสหันมองทางอื่น ไม่อยากมองนาวิศกับปาหนันให้เจ็บปวดใจ
“พาผมไปที่อื่นเถอะ”
รสาจะขับรถออกไป พอดีแท่นไปซื้อของกลับมาเห็นเข้า
“พี่สหัส!”
สหัสเปิดกระจกลงมา
“พี่เป็นยังไงบ้าง”
“บอกนายด้วยว่าข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไปอยู่ที่อื่นซักพัก”
สหัสปิดกระจกรถ รสาขับรถออกไป แท่นมองตามอย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +

สหัสเดินมานั่งเหงาที่ข้างถนน รสาเดินเข้ามามองทางด้านหลัง ถามเบาๆ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
สหัสส่ายหน้าลุกขึ้นมา
“แล้ว...นายคิดรึยังว่าจะเอาไงต่อไป”
“ยังไม่รู้เลย...พอเรื่องมันลงเอยแบบนี้ ผมก็พอเดาได้ว่าคุณหนันต้องพานายเคี่ยมกลับระนอง...อยากกลับไปช่วยนายเคี่ยมนะ แต่ไม่ต้องการกลับไปรับใช้นาวิศ”
“เฮ้อ...แล้วจะตั้งแง่เกลียดชังกันไปทำม้าย...ผู้หญิงเขาเลือกอีกฝ่าย ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายคนนั้นเขามีความผิดซักหน่อย”
สหัสมองรสาอย่างไม่ชอบใจที่เข้าข้างนาวิศ เดินหนีรสารู้ตัวว่าพูดแทงใจสหัส รีบตามไปง้อ
“นี่ๆๆ เดี๋ยวก่อน...พูดแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้ รู้แล้วล่ะน่ะ ว่าเสือสองตัวอยู่ในสวนมะพร้าวเดียวกันไม่ได้...นี่ ฉันมีข้อเสนอให้นายด้วยนะ”
สหัสหยุด มองรสา
“ข้อเสนออะไร”
“ฉันคิดว่าจะกลับบ้านที่โคราช...ที่นั่นฉันมีบ้าน มีงาน...มันไม่เลิศหรูอะไรหรอก...แต่ก็พอจะเป็นที่หลบพักเลียแผลใจได้...นายสนใจมั้ยล่ะ”
สหัสมองรสา เห็นถึงความจริงใจซ่อนในคำพูดขี้เล่น รสาพูดไปแล้วก็เขิน ต้องหลบสายตาสหัส
+ + + + + + + + + + + +
 
เดื่อนอนเหยียดอย่างสบายอารมณ์ ทับทิมเข้ามากอดอกมองอย่างหมั่นไส้
“ไอ้เดื่อ จะนอนเหยียดดดด อีกนานมั้ย จะกินข้าวกันแล้ว”
“ช่วยยกมาเสิร์ฟตรงนี้ที กะลังสบายยยย”
ทับทิมเข้ามาหยิกหูให้ลุก เดื่อร้องโอดโอย
“มาตามไปช่วยจัดโต๊ะ ไม่ได้ตามไปกินโว้ย”
ปาหนันมองอยู่ ยิ้มขำ
เจ่ง เดื่อ ทับทิม แท่นจัดโต๊ะเสร็จ ปาหนันเข็นรถเคี่ยมเข้ามาเห็นทุกคนมีรอยยิ้มก็รู้สึกดีใจ
“ไม่คิดเลยว่า เราจะได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”เจ่งบอกอย่างยิ้มแย้ม
ปาหนันยิ้มให้
“เรื่องร้ายมันจบแล้วจ้ะยายเจ่ง อีกหน่อยพอพ่ออาการดีขึ้น พร้อมจะเดินทาง เราก็จะได้กลับไปอยู่สวนมะพร้าวที่ระนองเหมือนเดิม”
“เราจะได้กลับไปอยู่บ้านจริงๆเหรอคุณหนัน”เดื่อถาม
ปาหนันยิ้ม
“ก็จริงสิ...ตอนนี้คุณธานีคงชดใช้กรรมในนรก...เราไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว”
แท่นดีใจรีบถาม
“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น พี่สหัสจะยอมกลับไปอยู่กับพวกเราอีกรึเปล่า”
ทุกคนชะงักไป เคี่ยมหันไปหาแท่น
“เออ นี่แท่น...แล้วสหัสมันบอกไหม ว่ามันจะไปอยู่ไหน”
แท่นส่ายหน้า
“ไม่ได้บอกหรอกนาย แต่พี่สหัสคงไม่ตามพวกเรากลับไปที่ระนองแล้ว เพราะที่นั่นเป็นของนาวิศ”
เคี่ยมถอนใจ รู้สึกเป็นห่วงสหัส ปาหนันเองก็ไม่สบายใจ เจ่งรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นายไม่ต้องห่วงสหัสมันหรอก ถึงยังไงตอนนี้มันก็มีคนดูแล...น้องสาวคุณระรินก็ดูจะห่วงมันมาก”
ปาหนัน ยิ้มโล่งใจ
“จริงด้วยจ้ะพ่อ...ตอนนี้เรื่องร้ายทุกอย่างจบแล้ว ต่อไปจะต้องมีแต่เรื่องดีๆ พ่อไม่ต้องห่วงอะไรแล้วล่ะจ้ะ”
เคี่ยมถอนใจยาว ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่.แท่นช่วยเจ่งตากผ้าอยู่หน้าบ้าน พลางชวนคุย
“ฉันสงสารพี่สหัส คิดว่าแกจะได้ลงเอยกับคุณหนันแล้ว”
“แต่ที่คุณหนันได้ลงเอยกับนาวิศ มันก็ดีอยู่อย่างนะไอ้แท่น เราจะได้กลับไปอยู่บ้านของพวกเราเหมือนเดิม”
แท่นไม่พอใจ
“ป้าก็ห่วงแต่เรื่องอยู่เรื่องกิน ไม่ห่วงพี่สหัสมั่งเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ห่วง แต่สหัสมันเลือกที่จะไปเองนี่...เฮ้อ ข้าล่ะขี้เกียจเถียงกับเอ็ง ตากไปคนเดียวแล้วกัน ข้าจะเข้าไปดูในครัว”
เจ่งเดินหนีไปเลย แท่นมองตามแล้วถอนใจ หันมาตากผ้าต่อ ขณะเดียวกันั้น แท่นเห็นว่า มีคนยืนอยู่หลังผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ที่ตากไว้ก็มองอย่างสงสัย
“ใครน่ะ”
แท่นเดินเข้าไปดู
“พี่สหัส...พี่กลับมาเหรอ”
แท่นเปิดผ้าที่บังอยู่ออก จึงเห็นว่าเป็นชาติ ไม่ทันที่แท่นจะได้พูดอะไรอีก ชาติก็หวดด้ามปืนใส่หน้าแท่นอย่างแรงจนสลบไปทันที ขณะเดียวกัน จ่งกลับออกมา
“เออนี่ ไอ้แท่น ข้าลืมไป...”
เจ่งเห็นแท่นสลบไป และเห็นชาติยืนอยู่ เจ่งอ้าปากค้างอย่างตกใจ
+ + + + + + + + + + + +

เดื่อกับทับทิมช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร ปาหนันเข็นรถเคี่ยมออกมาร่วมวง
“ยายเจ่งกับไอ้แท่นไปตากผ้านานแล้วนะ ทับทิมไปตามซิ สองคนนั่นแอบไปจู๋จี๋กันรึเปล่า”เดื่อบอก
“ไอ้บ้า ทะลึ่งเดี๋ยวข้าจะฟ้องยายเจ่ง”ทับทิมด่า
ทุกคนกำลังหัวเราะ มีความสุข ธานีปรากฏตัวขึ้น
“มีความสุขกันจริงนะ”
ทุกคนเห็นธานี ต่างก็ตกใจ ปาหนันมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ค...คุณธานี...ม...ไม่จริง”
ธานียิ้มหยัน
“คิดว่าฉันตายไปแล้วใช่ไหม”
เดื่อกับทับทิมจะหนีออกไปด้านหลัง แต่ต้องชะงักเมื่อชาติถือปืนเข้ามาดักทาง ปาหนันกลับมาเกาะรถเข็นเคี่ยมด้วยความตกใจกลัว สองพ่อลูกหันมองธานีและชาติที่ขนาบมาทั้งสองข้าง
+ + + + + + + + + + + +

รสาขับรถพาสหัส มาบอกลาพวกเคี่ยมขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทั้งสองลงจากรถ
“นายเข้าไปคนเดียวแล้วกัน บอกลานายเคี่ยมให้เรียบร้อย ฉันรออยู่นี่แหละ”
สหัสพยักหน้ารับ จะเดินไปเคาะประตู พอดีรสามองผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปในบ้าน เห็นพวกธานีก็ตกใจหน้าตื่น รีบไปห้ามสหัสเบาๆ
“เดี๋ยวก่อน”
รสาดึงสหัสไปมองเห็นธานีกับชาติ สหัสตื่นตกใจ รีบนึกแผนช่วยปาหนัน
ทางด้านปาหนันโดนธานีตบลงไปกองที่พื้น เคี่ยมพยายามจะลุกไปช่วย แต่เพิ่งผ่าตัดมา ยังไม่มีแรง
“ลูกหนัน...”
ธานีเข้ามากดเคี่ยมนั่งลงอย่างเก่า เคี่ยมไม่มีแรงขัดขึ้น
“ฉันเคยบอกนายเคี่ยมแล้วใช่ไหม ถ้าทรยศฉันแล้วจะเป็นยังไง”
“คุณธานีอยากทำอะไรผมก็เชิญ แต่อย่าทำอะไรลูกหนัน”
ธานีส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้น...ฉันบอกว่า ถ้านายเคี่ยมทรยศฉัน นายเคี่ยมจะได้เห็นลูกสาวตาย”
ธานีหันไปที่ปาหนันที่จะหนี แต่ธานีเข้ามาคว้าล็อคตัวไว้
“รู้ไหม ฉันฆ่าเธอคนเดียว ก็ทำให้คนเจ็บได้ถึงสองคน หนึ่งคือนายเคี่ยม พ่อเธอ สองก็คือนาวิศ สุดที่รักของเธอ...เห็นไหมว่าความสนุกกำลังรออยู่ตรงหน้าแล้ว”
เคี่ยมตกใจตะโกนห้าม
“คุณธานีปล่อยลูกหนัน อย่ายุ่งกับลูกหนัน”
ธานียิ้มให้เคี่ยมอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นขึ้น ปาหนันตกใจรำพึงอย่างหวั่นใจ
“คุณนาวิศ...”
“คนที่เรารอคอยมาถึงแล้ว...”ธานี หันไปบอกปาหนัน “ไปเปิดประตูรับหวานใจเธอซิ...แต่อย่าตุกติกให้มันรู้ตัวซะล่ะ ไม่งั้นพ่อเธอได้ไปก่อนคนแรก”
ธานีพยักหน้าให้ชาติปิดปากแล้วมัดเคี่ยมไว้ ปาหนันมองพ่ออย่างเป็นห่วง จำต้องไปเปิดประตูตามคำสั่งธานี ที่ตามไปยืนคุมโดนแอบอยู่หลังประตู
ชาติถือปืนขู่ทับทิมกับเดื่อให้ไปที่ห้องเก็บของ ซึ่งเจ่งกับแท่นโดนมัดขังอยู่ในนั้นก่อนแล้ว สหัสกับรสาแอบเข้ามาเห็นจากทางหลังบ้าน มองหน้ากันว่าจะเอายังไง
ด้านหน้า...ปาหนันเปิดประตู เห็นนาวิศยืนอยู่
“ทำไมเปิดช้าจังครับคุณหนัน ทำอะไรอยู่”นาวิศถามอย่างสงสัย
ปาหนัน อึกอัก
“ก็...ทำงานบ้านยุ่งๆอยู่น่ะจ้ะ”
ปาหนันพยายามเหลือกตาเข้าไปในบ้านเพื่อบอกใบ้นาวิศ แต่นาวิศยังไม่สังเกตยิ้มขำ
“คุณจะยืนขวางอยู่อย่างนี้ ไม่ให้ผมเข้าไปจริงๆเหรอ”
“คุณมาทำไมเหรอจ๊ะ”
“ผม...”นาวิศสังเกตความผิดปรกติบนใบหน้าปาหนัน “ผมคงมาเช้าเกินไป คงจะรบกวนคุณใช่ไหม จะให้ผมมาใหม่ทีหลังรึเปล่า”
ธานียืนแอบอยู่หลังประตู ร้อนใจ กลัวนาวิศไม่เข้ามา เคี่ยมที่โดนชาติปิดปากไว้ มองลุ้นอยู่ นาวิศกับปาหนันส่งสายตากัน เริ่มรู้นัยยะของกันและกัน
“จ้ะ...คุณมาใหม่ก็ดีเหมือนกัน คุณรีบไปเถอะจ้ะ”
ธานีรู้ว่าปาหนันเล่นลูกไม้ กระชากตัวกลับเข้ามา นาวิศตามเข้ามาทันทีอย่างไม่ต้องคิด
“คุณหนัน...”
นาวิศเข้าไปประคองปาหนัน แล้วได้ยินเสียงประตูปิด หันหน้าไปมอง ธานีปิดประตู แล้วหันมาที่นาวิศ
“ว่าไง หลานชาย...”
นาวิศตกใจ อึ้งไป
+ + + + + + + + + + + +

ในห้องเก็บของ..ชาติเอาปืนขู่ทับทิม ให้มัดมือเดื่อจากด้านหลัง
“มัดให้แน่นๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
ทับทิมแกล้งมัดหลวมๆให้เดื่อแกะได้ แต่ชาติรู้ทัน กระชากทับทิมมาตบ
“บอกให้มัดแน่นๆ”
ทับทิมเซถลาไป เดื่อกับแท่นโมโหจะพุ่งเข้าใส่ ชาติหันปืนมาที่ทั้งสอง
“เรื่องมากนัก ฉันจัดการแกสองคนก่อนแล้วกัน”
ชาติจะยิงเดื่อกับแท่น แต่สหัสเข้ามาเตะปืนกระเด็น ทุกคนดีใจที่เห็นสหัส
สหัสเข้าต่อสู้กับชาติ รสารีบเข้ามาช่วยแก้มัดให้แท่น แท่นหลุดมาได้ รีบกระโดดไปคว้าปืน
“เฮ้ย...หยุดได้แล้ว”
ชาติชะงัก...
ในบ้าน...ธานีจ่อปืนขู่ปาหนัน แล้วหันไปสั่งนาวิศ
“เจ็ดพันล้าน...โอนเข้าบัญชีฉันที่สวิส...แล้วฉันสัญญา ว่าแกจะไม่ต้องเห็นปาหนันตายต่อหน้า”
“คนอย่างอา ผมไม่เชื่อว่าจะรักษาสัญญา”
ธานียิ้ม
“แต่แกก็ไม่มีทางเลือก...”ธานีหยิบมือถือออกมาจากตัวนาวิศยื่นมาตรงหน้า “โทรไปที่ธนาคาร บอกว่าแกต้องการโอนเงิน...พูดแค่นั้น ถ้าไม่อยากให้มีใครต้องเจ็บตัว”
“เงินมากขนาดนั้น ยังไงผมก็ต้องไปธนาคาร”
“แกก็ออกไปกับฉัน...จัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จ อย่าลืมว่าชาติจะยังอยู่ที่นี่ ถ้าแกตุกติก ปาหนันตาย”
รสาเข้ามา
“ลูกน้องคุณทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ คุณธานี”
ธานีมองไป สหัสถือปืนของชาติเข้ามา
“คุณแพ้แล้ว คุณธานี”
เดื่อกับแท่นจับชาติที่โดนมัดออกมา นาวิศฉวยจังหวะที่ธานีเผลอ จะเข้าแย่งปืน แต่ธานีต่อยนาวิศ แล้วกระชากปาหนันไปเป็นตัวประกัน
“ว้าย!”
สหัสจะเข้าไปช่วย ต้องชะงัก
“อย่าเข้ามา”
ธานีล็อคตัวปาหนันไว้
“อาหมดหนทางแล้ว ปล่อยคุณหนันแล้วยอมมอบตัวซะ”
“โธ่เว้ย!” ธานีลากปาหนันออกไป “มานี่”
“อาธานี...อย่าหนีอีกเลย”
นาวิศจะตาม ธานีเอาปืนจี้ปาหนัน
“อย่าเข้ามา”
ธานียิงขู่ออกไป ทุกคนก้มหลบกระสุนพัลวัน สหัสเข้ามาบังเคี่ยม ธานีฉวยจังหวะลากปาหนันออกไป นาวิศรีบตาม สหัสหันไปถามเคี่ยม
“นาย ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เคี่ยมส่ายหน้า
“ลูกหนัน...”
“ไม่ต้องห่วงคุณหนัน ผมจะตามไปปกป้องเธอเอง”
สหัสจะตาออกไป รสาดึงไว้อย่างเป็นห่วง
“อย่าไปนะสหัส”
สหัสจับมือรสาที่ดึงเขา
“ขอโทษนะ รสา “
เขาดึงมือเธอออกแล้วรีบตามออกไป รสามองตามอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่22(ต่อ)
ธานีจับปาหนันใส่รถที่รสาขับมาซึ่งยังมีกุญแจรถคาอยู่ นาวิศตามออกมา
“ไม่อยากให้ฉันต้องยิงขาเธอ อย่าลงมา”
ธานีขู่แล้วขึ้นไปขับรถออกไป นาวิศขึ้นรถอีกคันขับตาม
รถสองคันขับรถไล่ล่ากัน ธานีขับหนี ปาหนันเองก็ภาวนาให้นาวิศมาช่วยทัน นาวิศขับรถตามด้วยความเป็นห่วงมากๆ
ธานีขับมาถึงบริเวณเชิงเขา รถเกิดน้ำมันหมด
“น้ำมันหมด ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
ธานีเจ็บใจ เอาปืนขู่ปาหนัน
“ลงมา”
ธานีเอาปืนจี้ปาหนันหนีขึ้นเขา นาวิศขับรถเข้ามาจอด นาวิศกับสหัสลงจากรถ เห็นธานีพาปาหนันไปทางหนึ่ง
“คุณหนันอยู่นั่น”
นาวิศกับสหัสรีบตามไป ธานีพาปาหนันวิ่งหนีขึ้นไปบนเขา ปาหนันหกล้ม
“โอ๊ย!”
“ลุกขึ้นมา”
“คุณธานี หนันไปไม่ไหวแล้ว”
“อย่ามาสำออย ลุกขึ้นมา”
“หนันไปด้วยยิ่งเป็นตัวถ่วงคุณ คุณหนีไปคนเดียวเถอะ”
ธานีกระชากปาหนันลุก
“ฉันบอกให้ลุกขึ้น”
ธานีดึงปาหนัน ถูลู่ถูกังให้ไปด้วยให้ได้ ปาหนันเดินตามไป แต่ก็คิดหาทางหนีเอาตัวรอด แล้วปาหนันกัดฟัน กระแทกใส่ธานีสุดแรง ธานีเสียหลักเซออกไป ปาหนันวิ่งหนี แต่เกิดลื่นที่ทางลาด ปาหนันจะกลิ้งลงเขา หาที่เกาะไว้ได้ แต่พอมองลงไปก็กลัวมาก ธานีตามมา...
“ฤทธิ์มากนักนะ ปาหนัน”
“แล้วคุณลากหนันมาด้วยแบบนี้คิดว่าจะรอดเหรอ คุณคิดว่าจะพาหนันหนีไปด้วยจนตลอดชีวิตของคุณรึไง ยังไงคุณก็ไม่มีทางหนีไปได้ตลอด ยอมมอบตัวซะเถอะ”
“ใช่ ฉันอาจจะหนีมาไกลได้เท่านี้ แต่คิดเหรอว่าฉันจะยอมพินาศไปคนเดียว ฉันยังคิดถึงเรื่องสนุกที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ได้ ที่ว่าเธอตายไปคน แต่จะมีคนเจ็บปวดถึงสองคนไง นาวิศมันกำลังตามขึ้นมา ถ้ามันมาเห็นเธอเป็นศพอยู่ที่นี่ มันคงหัวใจสลาย”
ปาหนันกลัว ถดตัวหนี แต่ก็จะลื่นลงเขาอีก ธานียกปืนขึ้น เล็งไปที่ปาหนัน นาวิศวิ่งมาถึง
“อย่านะ อาธานี”
ธานีหันมอง
“อ้าว มาแล้วเหรอนาวิศ...แกมาทันเห็นสุดที่รักตายต่อหน้าพอดี”
สหัสตามนาวิศมาด้านหลัง เห็นธานีเล็งปืนไปที่ปาหนัน สหัสพยายามอ้อมไปทางด้านหลังธานี ขณะที่นาวิศพยายามเกลี้ยกล่อม
“อาทำร้ายคุณหนันก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่อาต้องการคือเงินไม่ใช่เหรอ ถ้าอาปล่อยคุณหนันไป ผมสัญญาว่าจะโอนเงินเจ็ดพันล้าน ไปที่บัญชีของอาที่สวิสจนครบจำนวน”
“เจ็ดพันล้าน แลกกับชีวิตแม่นี่...แกแน่ใจเหรอ”
“สำหรับอาธานี เงินอาจจะสำคัญที่สุด แต่ผมสงสัย ต่อให้อาได้ทุกอย่างในโลก แต่ไม่มีคนที่ร่วมยินดี ไม่มีคนให้เราแบ่งปันความรู้สึก ต้องเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก...แล้วสิ่งที่อาได้มา มันยังน่ายินดีอยู่เหรอ”
“แกกำลังจะใช้ปรัชญา เกลี้ยกล่อมฉันงั้นเหรอ”
“เปล่า ผมพูดจริง เงินไม่สำคัญกับผมเลย ถ้าต้องสูญเสียคนที่รัก”
“ฉันดีใจนะ ที่ได้ยินอย่างนี้ มันทำให้ฉันตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถ้าฉันต้องเลือกระหว่างเงิน กับความสะใจที่เห็นแกต้องสูญเสียคนรัก ฉันเลือกอย่างหลัง”
ธานีหันไปจะยิงปาหนัน
“อย่า!”
ทันใดนั้น สหัสโผล่เข้ามาล็อคตัวธานีไว้ได้ นาวิศจะเข้ามาช่วย ธานียิงออกไปหลายนัด นาวิศต้องหลบกระสุน เข้ามาไม่ได้ ธานีต่อสู้ ยื้อปืนกับสหัส แล้วธานีนึกถึงแผลเก่าสหัสขึ้นมาได้ เอามือข้างหนึ่งกดที่ไหล่สหัสที่โดนยิงก่อนหน้านี้ สหัสร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“โอ๊......ย!”
สหัสอ่อนแรงลงทันที ธานีผลักสหัสล้ม เตะซ้ำ นาวิศจะเข้ามาช่วย ธานีหันไปยิงขู่จนนาวิศต้องหยุดชะงักไปอีก ปาหนันตะกายเข้าไปประคองสหัส
“สหัส เป็นไงบ้าง...”
“น่าสนุกเพิ่มอีกเป็นสามเท่า....ฉันฆ่าเธอคนเดียว มีคนเจ็บเพิ่มเป็นสามคน”
ปาหนันโต้ออกไปด้วยความโมโห
“ส่วนคุณ ถ้าคุณตายไปซักคน โลกนี้จะมีความสุขอีกพันเท่า”
ธานีหัวเราะ นาวิศเห็นโอกาสที่ธานีมัวคุยกับปาหนัน พุ่งเข้าใส่ ธานีหันไปยิงโดนแขนนาวิศล้มลงทันที
“คุณนาวิศ”
ปาหนันร้องออกมาอย่างตกใจ ธานีบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“หมดเวลาสนุกแล้ว...ถึงเวลาโศกของแกนาวิศ แกจะได้เห็นวาระสุดท้ายของผู้หญิงที่แกรัก”
ธานีหันไปยิงใส่ปาหนัน สหัสรวบรวมกำลัง ยืดตัวบัง รับกระสุนแทน สหัสฮึดขึ้นมา เพื่อปกป้องผู้หญิงที่เขารัก โผเข้าใส่ธานี ล็อคแขนธานีไว้ ธานียิ้มเยาะใส่หน้าสหัส
“น้ำหน้าอย่างแก ยังมีแรงหยุดฉันเหรอ”
สหัสยิ้ม เหลือบมองไปยังเขาเบื้องล่าง ธานีชะงัก สหัสรวบรวมกำลัง ล็อคธานีกลิ้งลงเขาไปด้วยกัน นาวิศกับปาหนันต่างก็ตกใจ
“สหัส!”
นาวิศกับปาหนันตะกายไปดู เห็นทั้งสองที่กลิ้งหลุนๆลงไป หมดสติไปทั้งคู่
+ + + + + + + + + +

ที่โรงพยาบาล นาวิศกับปาหนันรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน รสาวิ่งเข้ามา...
“สหัสเป็นยังไงบ้าง”
“หมอยังไม่ออกมาเลย”
หมอออกมาพอดี รสาวิ่งเข้าไปถามเป็นคนแรก
“หมอคะ คนไข้เป็นไงบ้าง”
หมอมีสีหน้าหนักใจ ส่ายหน้า ปาหนันกับรสาใจหาย หมอหันไปบอกปาหนัน
“เขาให้หมอมาตามคุณ เขาอย่างสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย”
ปาหนันน้ำตาตกรีบเดินเข้าไป สหัสนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเผือด แต่พยายามกัดฟันมีชีวิตเพื่อได้บอกลา ปาหนันเห็นสภาพสหัสก็โผเข้ามาที่เตียง ร้องไห้โฮ
“สหัส...”
“คุณหนัน...อย่าร้องไห้”
“สหัสเป็นแบบนี้เพราะหนัน...หนันเป็นหนี้ชีวิตสหัส สหัสต้องหายนะ หนันอยากชดใช้ให้สหัสบ้าง”
รสาเข้ามาเงียบๆ ยืนมองอยู่มุมห้อง สหัสพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...
“คุณหนันไม่ต้องชดใช้ให้ผม...ถ้าผมมีชีวิตอยู่ ผมก็จะอยู่เพื่อคุณหนัน...แต่ถ้าต้องตาย การตายเพื่อคุณหนันก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการ”
รสาสะท้อนใจ ยืนร้องไห้เงียบๆ ปาหนันบอกด้วยความเศร้า...
“หนันรู้ว่าสหัสรักหนันมากที่สุด...หนันเสียใจ ที่ตอบรับความรักของสหัสไม่ได้...แต่สหัสรู้ไหม ถึงแม้สหัสจะไม่ใช่คนรักของหนัน แต่สหัสจะอยู่ในใจหนันเสมอไป หนันจะไม่มีทางลืมสหัสเลย”
“ขอบคุณครับคุณหนัน แค่นี่ก็พอแก่ใจผมแล้ว”
รสารู้สึกเป็นส่วนเกิน หันหลังออกไป สหัสเรียกไว้
“รสา...”
รสาชะงัก หันไป สหัสยื่นมือออกมาที่ข้างเตียง รสายิ้มทั้งน้ำตา รสารีบเข้าไปกุมมือสหัสไว้ ปาหนันขยับออกมา สหัสยิ้มให้รสา
“ผมคงไม่ต้องการที่หลบพักเลียแผลใจแล้ว”
“ก็ดีแล้วล่ะ ความจริงฉันก็ชวนนายไปอย่างนั้นแหละ ฉันเองก็ไม่อยากเห็นหนุ่มหน้าเหี้ยมอย่างนายต้องมานั่งถอนใจเพราะอกหักหรอก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน สหัสเอื้อมมือลูบหน้ารสา
“เราหัวอกเดียวกันใช่ไหม”
รสาจับมือสหัสๆไว้
“ใช่... เพราะฉะนั้น ฉันเป็นคนที่เข้าใจนายที่สุด”
สหัสพยักหน้า
“ขอบคุณนะ”
สหัสค่อยๆหลับตาลง มีรอยยิ้มจางๆ
“ลาก่อน สหัส”
เครื่องตรวจวัดหัวใจเป็นเส้นตรง เสียงสัญญาณดังขึ้น หมอกับพยาบาลเข้ามาอย่างรีบร้อน พยายามยื้อชีวิตสหัส ปาหนันกับรสาร้องไห้อย่างหวั่นใจ
+ + + + + + + + + + + +

หลายวันต่อมา..นาวิศขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านของเขา ปาหนันประคองเคี่ยมออกมา
“พ่อ ระวังนะจ๊ะ”
เคี่ยมมองตัวบ้านอย่างแปลกใจ
“บ้านนี้...”
“บ้านผมเอง...ผมอยากให้นายเคี่ยมรักษาตัวหลังผ่าตัดที่นี่ เพราะมันน่าจะสะดวกสบายกว่าที่บ้านนั้น”
เคี่ยมอึกอัก ลำบากใจ ไม่อยากรับ แท่นขับรถอีกคัน พาเจ่ง เดื่อ ทับทิมตามมา เดื่อกับทับทิมเห็นบ้านสวยก็ร่าเริงเข้าไป
“ไอ้พร้าว...เอ๊ย คุณนาวิศคร้าบ...จะให้พวกเราอยู่นี่จริงๆเหรอคร้าบ...”
นาวิศยิ้ม
“เรียกพร้าวเหมือนเดิมก็ได้นะ”
เดื่อประสานมือคารวะ
“ข้าน้อยมิกล้า...”
“เข้าบ้านกันเถอะ อย่ามัวยืนคุยกันตรงนี้เลย”นาวิศบอก
ทุกคนทยอยกันเข้าบ้าน แท่นซึ่งจะเดินเข้าบ้านคนสุดท้าย หันมาเห็นสหัส กับรสามองอยู่ก็โบกมือให้...
“ลาก่อน พี่สหัส...”
สหัสยิ้ม แล้วขึ้นรถไปกับรสา ที่ขับรถไปตามเส้นทางกลับบ้านของเธอ...
รสาขับรถมาจอดริมถนน แล้วเปิดประตูลงมา บิดขี้เกียจ แล้วพูดลอยๆ
“ในที่สุดนายก็เลือกจะตายเพื่อคนที่นายรัก มากกว่าอยู่เพื่อคนที่รักนาย...ฉันเคารพการตัดสินใจของนายนะ”
ประตูรถอีกด้านเปิดออก สหัสที่ยังใส่เฝือกแขน ลงมาจากรถ
“เสียดายรึเปล่า ที่ผมไม่ตายไปซะจริงๆ”
รสาหันมายิ้ม
“ไม่รู้สินะ...ถ้านายตายไปจริงๆ ฉันก็คงสบาย ไม่ต้องมานั่งดูแลคนอกหัก”
สหัสหน้าเครียดขึ้น
“คุณไม่ต้องดูแลผมก็ได้นะ...เพราะผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าแผลในใจ...อีกนานแค่ไหนถึงจะหาย”
รสายิ้มให้
“นานแค่ไหนก็ช่างเถอะ...ฉันเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร...ฉันมีเวลาทั้งชีวิต”
สหัสยิ้มให้รสาอย่างขอบคุณ ทั้งสองยืนเหม่อมองธรรมชาติรอบข้างด้วยกันเงียบๆ
+ + + + + + + + +
ที่โรงพยาบาล..ระรินหอบดอกไม้เดินเข้ามาในห้อง ธานีนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง ยังหลับไม่ได้สติ ระรินนำดอกไม้มาใส่แจกัน ธานีค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น มองรอบๆห้อง จนเหลือบไปเห็นระริน
“ฟื้นแล้วเหรอคะ คุณธานี”
ธานีจะลุก แต่แล้วเขาต้องตกใจจนตาเหลือก เพราะพยายามขยับมือ แต่ทำไม่ได้ ร่างกายไม่ไหวติง ระรินเข้ามาแตะที่แขน
“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะ... คุณหมอบอกว่าเส้นประสาทที่หลังคุณได้รับความเสียหายมาก... ตอนนี้... คุณเป็นอัมพาตทั้งตัว”
ธานีตกใจ ขยับปากได้เพียงเล็กน้อย แต่ก็มีเสียงออกมา ธานีทุรนทุราย แต่ร่างกายไม่ขยับเลย ระรินถอนใจปลงๆ
“รินนึกออกนะคะ ว่าตอนนี้คุณกลัวขนาดไหน...บางทีการตายก็ดีกว่าอยู่...แต่ที่คุณไม่ตาย เบื้องบนอาจต้องการให้คุณได้รู้ ว่าทรัพย์สมบัติที่คุณโหยหา มันกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าเทียบกับการแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติอีกครั้ง”
ธานีทุรนทุรายจนน้ำตาไหลออกมาจากหางตา ระรินมองอย่างปลงสังเวช ธานีทำได้เพียงแค่หลับตา ให้น้ำตาไหลรินลงมาเท่านั้น
+ + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น..ระรินกลับเข้ามา มองรอบๆบ้านที่เงียบเหงา นาวิศตามเข้ามา ระรินเหลือบมอง ยิ้มให้เขาแล้วหันมองรอบๆบ้าน
“บ้านใหญ่โตอย่างนี้ มันดูเงียบเหงาไปเลยนะคะ ถ้าเราต้องอยู่คนเดียว...อาไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมคุณธานีถึงต้องการครอบครองสิ่งเหล่านี้ไว้คนเดียว”
“อาธานีเข้าใจว่าวัตถุสิ่งของให้ความสุขได้มากกว่าการมีคนที่รัก...ถ้าเขาให้ความรักกับคนรอบข้าง เขาคงรู้ว่าการได้รับความรักกลับมา มันให้ความสุขได้มากกว่าสิ่งของหลายเท่า”
“คุณนาวิศคะ...อาคิดว่าอาคงอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ บางที อาอาจจะกลับไปอยู่โคราชกับรสา”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา อาระรินทำเพื่อผมมาตลอด ผมอยากตอบแทนคุณอาบ้าง...คุณอาอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะนะครับ”
“แต่ว่า...”
“ถ้าคุณอากลัวจะต้องอยู่คนเดียว...ผมว่าผมหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนได้นะครับ”
ระรินมองอย่างสงสัย นาวิศอมยิ้มน้อยๆ
+ + + + + + + + + + + +

หลายเดือนต่อมา..ปาหนันดูแลสวนดอกไม้อยู่ที่หลังบ้าน ทันใดนั้น เดื่อกับทับทิมวิ่งออกมาจากในบ้านอย่างรีบร้อน
“คุณหนันครับ...แย่แล้ว นาย...นาย...”
ปาหนันหน้าตื่น ตกใจ
“พ่อเป็นอะไร เดื่อ”
“คุณหนันเข้าไปดูเองเถอะค่ะ เร็วๆเข้า”
ปาหนันรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เดื่อกับทับทิมแอบยิ้มให้กัน เมื่อปาหนันเข้าไปในบ้าน ร้องเรียกเคี่ยมเสียงดัง
“พ่อจ๋า...พ่อ...”
“ลูกหนัน พ่ออยู่นี่”
ปาหนันรีบวิ่งเข้าไปดูที่ห้องรับแขก
“พ่อเป็นอะไรจ๊ะ...”
ปาหนันชะงักเมื่อเห็นเคี่ยมไม่เป็นอะไร และกำลังนั่งอยู่กับนาวิศและระริน
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรนี่ลูกหนัน”
“แต่เมื่อกี๊เดื่อกับทับทิม...”
นาวิศยิ้ม...
“ผมให้สองคนนั้นไปตามคุณหนันมาเองล่ะครับ...นายเคี่ยมไม่ได้ป่วยเป็นอะไร...แต่นายเคี่ยมกำลังจะเป็นพ่อตาผม”
ปาหนันชะงัก ระรินหันไปคุยด้วย
“ฉันเป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายคุณนาวิศ อยากจะทาบทามสู่ขอปาหนัน ให้คุณนาวิศน่ะจ้ะ”
“คุณหนันจะเตรียมทำบุหงารำไป เป็นของชำร่วยงานแต่งเราก็ได้นะครับ”
นาวิศบอกยิ้มๆ ปาหนันเขิน
“ใครบอกว่าหนันจะแต่งด้วย”
ปาหนันเดินไปหลังบ้าน ระรินพยักหน้าให้นาวิศตามไป นาวิศลุกตามไป ระรินกับเคี่ยมยิ้มอย่างชื่นใจไปด้วย
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันเดินเข้าไปในสวน เสไปดูแลดอกไม้ นาวิศตามมา
“ตกลงจะไม่แต่งกับผมจริงเหรอครับ”
“จะมาขอกันทั้งที ยังต้องแกล้งให้หนันตกใจอีก...หลังจากเกิดเรื่องร้ายๆตั้งมากมาย หนันก็ไม่อยากต้องเจอเรื่องร้ายๆอีกแล้ว”
นาวิศจับมือปาหนันกุมไว้
“ผมขอโทษครับ...ผมสัญญานะครับ ว่าจากนี้ไป คุณหนันจะไม่ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆอีกแล้ว ผมจะปกป้องดูแลคุณหนัน ด้วยชีวิตของผม”
ปาหนันสบตานาวิศ รู้สึกอบอุ่นใจ
“ทีนี้จะแต่งงานกับผมได้รึยังครับ”
“จะแต่งได้ยังไง ก็ยังไม่ได้ขอเลยนี่”
“งั้นก็ขอเลยละกัน... แต่งงานกันนะครับ”
นาวิศคุกเข่า เด็ดกุหลาบไร้หนามมาคาบไว้ แล้วเปิดกล่องแหวนไปตรงหน้า ปาหนันหัวเราะ
“คุณนาวิศ...ไปจำมาจากหนังเรื่องไหนเนี่ย”
นาวิศไม่ตอบ ส่งสายตาถามอีก ปาหนันยิ้ม เอื้อมมือไปหยิบดอกไม้ที่นาวิศคาบอยู่ นาวิศลุกขึ้น สวมแหวนให้ปาหนัน
“ผมทำตามสัญญาแล้วนะครับ ผมกลับมาเป็นพร้าวคนเดิมของคุณหนันแล้ว”
“สัญญาอีกครั้งสิ ว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป”
“สัญญาครับ”
นาวิศรวบตัวปาหนัน กอดไว้จากด้านหลัง ปาหนันพิงตัวนาวิศ ยิ้มสุขใจ เดื่อกับทัมทิบแอบยุกยิกอย่างรู้สึกดีไปด้วย แท่นออกมามองๆแล้วส่ายหน้าอย่างระอาเดื่อกับทับทิม แต่ก็มีรอยยิ้มไปด้วย
เจ่งเข็นรถเคี่ยมออกมามอง ระรินตามออกมาด้วย เคี่ยมยิ้มกับความสุขของลูก ปาหนันจ้องมองดอกไม้ในมือ อยู่ในอ้อมกอดของนาวิศอย่างมีความสุข

จบบริบูรณ์








กำลังโหลดความคิดเห็น