การเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดกลางของไทย ที่สามารถสร้างชื่อและแบรนด์ของตัวเองจนเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมา ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ถูกครอบครองด้วยผู้ผลิตแบรนด์ดังในระดับโลก อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญมีฐานการผลิตในประเทศไทย โอกาสที่ผู้ประกอบการคนไทยแบรนด์ไทย จะแจ้งเกิดนั้นยากมาก
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ไม่เกินความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย อย่างผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับการใช้น้ำ แบรนด์ “มาซูม่า” (MAZUMA) ของ “นายฤทธิชัย ดุรงค์เดช” ผู้ซึ่งปลุกปั้น แบรนด์ MAZUMA นับถึงวันนี้ก็กว่า 20 ปี ด้วยจุดเริ่มต้นเพียงแค่ต้องการเห็นคนไทยมีสุขภาพที่ดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยการดื่มน้ำที่สะอาด
กลยุทธ์สร้างแบรนด์MAZUMA
นายวฤธ ดุรงค์เดช รองกรรมผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ทายาทที่เข้ามารับหน้าที่ดูแลกิจการรุ่นที่ 2 เล่าถึง จุดเริ่มต้นของ MAZUMA ว่า ในช่วงเริ่มต้นเริ่มเหมือนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป คือ เริ่มจากการมีโรงงานเล็ก นำเข้าชิ้นส่วน เครื่องกรองน้ำ จาก สหรัฐอเมริกา และนำเข้ามาประกอบเอง ใช้เงินทุนส่วนตัวในช่วงนั้นประมาณ 10 ล้านบาท มีคนงานเพียงแค่ 50 คน และตั้งชื่อแบรนด์ว่า MAZUMA ขายในประเทศเพียงอย่างเดียว ช่วงเริ่มต้นใช้ช่องทางการขายผ่านทางร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ซึ่งมีพนักงานขายอยู่เพียง 4-5 คน
สำหรับความยากลำบากในการสร้างแบรนด์ ที่ต้องแข่งขันกับแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำในประเทศในช่วงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเรามากแต่เราก็สามารถฝ่าฝันมาได้ ด้วยแนวคิดทางการทำตลาดของคุณพ่อฤทธิชัย คือ การผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพและมาตรฐานในราคาเหมาะสมที่ลูกค้าสามารถซื้อหาได้ ในการมัดใจลูกค้ามาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งนี้ จุดเริ่มต้น ในช่วงแรกที่ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ มาซูม่า ให้ประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องกรองน้ำเมืองไทย เริ่มมาจาก ที่เราให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ โดยได้พัฒนาการผลิตมาซูม่าจนได้รับการรับรอง ISO9001 จาก UKAS ประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการสร้างความเชื่อถือให้แก่ลูกค้า ก่อนที่จะหันมาพัฒนาเรื่องของช่องการจัดจำหน่าย ในการให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น
เน้นกระจายสินค้าครอบคลุม
สร้างโอกาสการเข้าถึงลูกค้า
โดยเริ่มจากการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป รวมถึง การขายผ่านห้างสรรพสินค้าด้วย และปัจจุบันสามารถเพิ่มช่องทางการขาย โดยนำสินค้าไปวางขายในร้านขายสินค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง ทำให้ปัจจุบันมีช่องทางการขายมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ในรูปแบบอื่น เช่น การออกงาน exhibition ต่าง ๆ ทุก ๆ ปี แนะนำให้ลูกค้ารู้จักมาซูม่ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อุปสรรค ปัญหาในช่วงเริ่มก่อตั้ง ก็มีเช่นเดียวกับผู้เริ่มธุรกิจทั่วไป ปัญหาหนักเป็น เรื่องธุรกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการเพิ่มทุนอย่างมากเพื่อให้รองรับกับความต้องการของสินค้าในตลาดที่มีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งก็ต้องสรรหาบุคลากรเข้ามาให้ทันกับการขยายตัวของบริษัทเช่นกัน ดังนั้นช่วงแรกคุณพ่อก็ต้องลุยกับการทำงานอย่างหนักมาก แทบว่าจะไม่มีวันหยุดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
นำระบบใหม่รับการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน
นายวฤธ เล่าถึง การเข้ามาบริหารงานต่อจากคุณพ่อ ว่า เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยน เรามีความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยน พัฒนาสินค้า รวมถึง พัฒนาองค์กร ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนและอาจจะแตกต่างจากสมัยคุณพ่อ ได้แก่ มีการปรับระบบการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ KPI เข้ามาใช้วัดผลการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยรวมของบริษัท การพัฒนาบุคลากรในบริษัท และการพัฒนาการบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจกับการบริการและผลิตภัณฑ์ของMAZUMA และการสร้าง customer royalty ได้
นอกจากนี้ เพิ่มช่องทางการขายที่นิยมในปัจจุบัน คือการขายผ่านเว็บไซต์ โดยมีการทำเว็บไซต์ การ re-design logo ของบริษัท และปรับปรุงเรื่อง packaging ของสินค้า เพื่อให้ภาพลักษณ์ของมาซูม่าทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้มีการเพิ่มไลน์การผลิต สินค้าให้มากขึ้น โดยนอกเหนือจากเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ยังมีสินค้าประเภทปั๊มน้ำ และตู้กดน้ำ อีกด้วย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการรับออกแบบระบบน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสียให้กับลูกค้าโรงแรม โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นการตอกย้ำ สโลแกนของมาซูม่าเรื่องความเป็น Innovative Water Solutions
มั่นใจพร้อมก้าวสู่AEC
ในส่วนของตลาดต่างประเทศ มีการเริ่มทำตลาดในต่างประเทศมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ โดยมีการส่งไปขายยัง ประเทศในแถบ South East Asia (เวียดนาม ลาว พม่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) สำหรับความสำเร็จของ MAZUMA ในวันนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่น่าพอใจ ซึ่งคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจของ AEC (ASEAN Economic Community) ในการรวมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดการค้าเสรีในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน
ทั้งนี้ ทางบริษัทมั่นใจว่าพอถึงวันนี้ เรามีความพร้อม และสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน และหวังว่าMAZUMAน่าจะมีการขยายตัวและได้รับประโยชน์จาก AEC อย่างมากแน่นอน และในฐานะที่เป็นแบรนด์ไทย คุณภาพของสินค้าและการบริการ รวมทั้งคุณภาพของตัวบุคลกรในบริษัท คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เราสามารถแข่งขันกับสินค้าในตลาดโลกได้
โทร. 02- 911- 4155 หรือ 02- 911- 4100 , www.mazuma.co.th
