xs
xsm
sm
md
lg

จันทร์...(ไม่)ยิ้ม

เผยแพร่:   โดย: ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ


เส้นทางลาดยางมะตอยดำขลับขนาดสองเลน อีกทั้งเส้นถนนชัดบ้างเลือนบ้างตามอายุการใช้งานทอดยาวเบื้องหน้าคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา อันตรายมีอยู่ให้เห็นเป็นระยะๆ ริมขอบถนนทลายจากการถูกน้ำกัดเซาะ หลุมบ่อขรุขระเล็กบ้างใหญ่บ้างจับมือประสานกันทั่วทั้งพื้นถนน ก้อนหินกลิ้งขวางทางที่แต่ละก้อนเรียกได้ว่ามีขนาดห่างไกลจากคำว่าเล็ก แต่เมื่อมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป สองข้างทางที่ผ่านไปอุดมไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม บางช่วงเต็มไปด้วยไม้ดอกเสี้ยวสีขาวหรือไม่ก็เถาเครือออนไม้เลื้อยดอกสีม่วงที่ออกดอกบานสะพรั่ง บางช่วงไร้ซึ่งความงามของดอกไม้แต่เต็มไปด้วยต้นไม้ริมทางมากมาย บางช่วงสามารถมองเห็นล้ำห้วยขนาดใหญ่ดูแล้วชุ่มชื่นสายตา ดวงอาทิตย์กำลังลาลับลงต่ำเรื่อยๆ แสงสีเหลืองทองที่กระทบผืนป่ายิ่งสร้างความประทับใจให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามจะหยุดรถจอดชื่นชมก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งสมควรเนื่องจากไหล่ทางที่มีให้นั้นแสนจะน้อยนิดอีกกว่าจะถึงจุดหมายนั้นยังเหลือหนทางอีกยาวไกล

ถนนยังคงคดเคี้ยวนำมุ่งผ่านทางเลี้ยวชันเข้าสู่ขุนเขาท่ามกลางความมืดมิดที่คืบคลานเข้ามายามพระอาทิตย์กล่าวราตรีสวัสดิ์ การเดินทางหลบเหลี่ยมขึ้นลงอยู่มากโค้งจนกระทั่งข้ามฝั่งไปยังอีกเขตของจังหวัดใกล้เคียง ดวงจันทร์โผล่พ้นออกมาจากริมเงายอดไม้บนแนวเขาเห็นเป็นเสี้ยวสีเหลืองสดงดงาม ผมสะกิดใจ มีบางอย่างที่ดูแปลกตาต่างจากเส้นทางที่ผ่านมา แสงสีส้มวับวาบระเรื่อใต้ดวงจันทร์ริมสันเขาสร้างความฉงนใจสิ่งใดทำไมเป็นเช่นนั้น ไม่นานนักผมก็ได้คำตอบเมื่อพาหนะพาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ ออกห่างจากหลืบมืดไปสู่ที่โล่ง ที่ที่สามารถมองไกลเห็นความเป็นไปในแนวเขาฝั่งตรงข้าม ที่ที่ผมกำลังมุ่งหน้าไป

แสงไฟสีแดงส้มโบกโบยพริ้วไหวดุจมีงานฉลองเต้นรำรื่นเริง ลามผ่านเงาต้นไม้ที่เสมือนประหนึ่งผู้เข้าร่วมงานเทศกาล ทอดตัวยาวเป็นแนวพาดผ่านความทะมึนมืดของขุนเขา ดูเหมือนงานฉลองนี้ไม่มีวี่แววของการล่ำลาเลิกจากกัน

“ไฟป่า” ที่ผมพบเจอนั้นจากความรู้ที่ได้เรียนมา เป็นไฟป่าในรูปแบบประเภทไฟผิวดิน (surface fire) ซึ่งจะเผาไหม้อยู่บริเวณหน้าดินไม่ติดขึ้นไปบนเรือนยอดหรือลุกไหม้อยู่ใต้ผิวดิน ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีในสิ่งร้ายๆ ว่าไฟประเภทนี้สร้างความเสียหายได้น้อยกว่าไฟประเภทอื่นๆ แต่เมื่อคิดแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่คุ้มกับอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว

ไฟป่านั้นก็เหมือนกับการเกิดไฟทั่วๆ ไป ที่ต้องประกอบด้วยความร้อน เชื้อเพลิงและอากาศ สองสิ่งหลังนั้นมีอยู่มากมายเต็มพื้นที่ป่าผลัดใบ แต่ความร้อนที่มากจนก่อให้เกิดประกายไฟนั้นตามธรรมชาติหายากและโดยมากมาจากน้ำมือมนุษย์แทบทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากอาจารย์หลายท่านและพบเจอด้วยตนเอง แต่ถึงกระนั้นไฟป่าก็มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของป่าผลัดใบ (decideous forest) เนื่องจากเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยในการเปิดพื้นที่โล่งและกระตุ้นให้เมล็ดไม้หลายชนิดแทงยอดอ่อนออกมาจากเปลือกเพื่อการเจริญเติบโต แต่เมื่ออะไรที่มันมีมากไปย่อมไม่ส่งผลดี การที่เกิดไฟป่าบ่อยครั้งเป็นประจำทุกปีจะทำให้พื้นที่โทรมเร็วมากขึ้น อีกทั้งต้นอ่อนที่เจริญเติบโตมาได้เพียงปีเดียวยังไม่สามารถทนทานกับความร้อนแรงของไฟได้และตายไป การทำรัง วางไข่ หรือเลี้ยงลูกอ่อนของสัตว์หลายชนิดลำบากขึ้นและอาจถึงขั้นไม่ประสบผลสำเร็จในการสืบพันธุ์ และคงจะต้องเอ่ยถึงความเสียหายต่อสุขภาพและทรัพย์สินของผู้คนในกรณีที่หลายคนยากเข้าใจถึงความรุนแรงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากไฟป่า แล้วไฟป่าที่เกิดขึ้นทุกปีนี่นั้นเล่า เพราะเหตุใดหรือทำไมก็เป็นเรื่องที่ทราบกันโดยทั่วไป

คนเมืองโยนความผิดไปให้ชาวบ้านชาวเขา ชาวบ้านชาวเขาโยนความผิดไปให้ความยากจนและการถูกกดขี่ ไม่เฉพาะนายทุนแม้กระทั่งทุกคนพยายามกอบโกยเอาผลประโยชน์ คนในสังคมไม่ดูแลช่วยเหลือกันเอง การศึกษาและการให้ความรู้ขาดตกบกพร่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการคนและเครื่องมือแต่ถูกระงับจากการขาดงบประมาณในขณะที่เงินเดือนของข้าราชการบางกลุ่มปรับขึ้น กองทัพมีของเล่นชิ้นใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมคนในใช่คนนอก และอีกนานาเหตุการณ์

อันเมื่อพิจารณาสาเหตุแล้วปัญหามันช่างเกี่ยวเนื่องพันพัวมั่วกันไปกับปัญหาอื่นอีกมากมาย แต่สิ่งที่เป็นเรื่องน่าอดสูใจตลอดมาคือ เมื่อไฟมอดดับ เส้นทางที่ง่ายที่สุดจะถูกเลือกมาสำหรับการจัดการปัญหาต่าง ๆ นั่นคือการกวาดเอาขี้เถ้าไฟไหม้ทั้งหลายซุกเข้าไปในใต้พรมเช็ดเท้ารอบๆ บ้าน ปีแล้วปีเล่า ความสวยงามของธรรมชาติ อากาศที่สะอาดสดชื่น ต้นไม้และสัตว์ป่ามากมายที่สูญไป เป็นเพียงสิ่งไร้ค่าที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความตระหนักใดใดแก่ผู้คนเอาเสียเลย

เรานั้นแก้ปัญหาได้เพียงแต่เราไม่ร่วมมือกันทำ คงเป็นเพียงการคิดไปเองคนเดียวของผม

เมื่อมองขึ้นไปยังเห็นรอยริ้วพระจันทร์แย้มยิ้มอยู่เบื้องบนนั้น เป็นเพราะเธอ "ขบขัน" "เย้ยหยัน" หรือ "แสยะยิ้มสมเพศ” พวกเรากันแน่

ผมสงสัยใคร่รู้อยู่คนเดียวเงียบๆ

เกี่ยวกับผู้เขียน

จองื้อที

แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ

"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"

พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน








เพิ่มมูลค่าพลอยเกรดต่ำด้วย "ลำไอออน" เทคโนโลยีอนุภาคความร้อนต่ำพลังงานสูงทางเลือกใหม่เอาใจคนรักอัญมณี ให้ประสิทธิภาพดีกว่าการเผา "ใสกว่า-สีสดกว่า-ทุ่นเวลา-ไม่ทำให้พลอยแตก" เพิ่มราคาเศษพลอยไร้ค่าได้ 10 เท่า อ่านต่อเพิ่มเติม www.manager.co.th/science #sciencenews #mgrscience #manageronline #jewelry #ion #chiangmai #university

A photo posted by AstvScience (@astvscience) on



กำลังโหลดความคิดเห็น