เสียงกระหึ่มจากเครื่องยนต์เงียบหายไปบนเส้นทางกลางทุ่งหญ้าระบัดใหม่ ประตูรถถูกเปิดออกหลังจากม่านฝุ่นดินและผงขี้เถ้าจางหายไปกับสายลมเอื่อยอ่อน แต่ก็ยังไม่วายที่จะคละคลุ้งฟุ้งขึ้นมาใหม่ในแต่ละก้าวที่ผมขยับเท้าเดินไปบนเส้นทาง ความรุนแรงของแสงแดดและอากาศที่ร้อนอบอ้าวเมื่อตอนกลางวันผ่อนคลายลงจนไม่เหลือเค้าเดิม ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวลดระดับลงช้าๆ สอดคล้องกับเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่เตือนอยู่บนข้อมือว่าย่ำใกล้เวลาเย็นเข้าไปทุกที แม้ผืนป่าในเหลี่ยมเงาภูเขาจะดูคล้ำเลือนแต่ทุุ่งหญ้าเบื้องหน้ายังคงพริ้วสะบัดไหวจากแรงลม อีกทั้งทอประกายจากแสงสุดท้ายก่อนตะวันจะลาลับริมสันเขา
“กระทิงฝูงมันจะเดินออกมาจากหุบป่าด้านหน้าแล้วหากินกลางทุ่งนี้แหล่ะ มักจะออกมาหากินหญ้าอ่อนที่เพิ่งระบัดใหม่เป็นประจำตอนเย็นๆ แสงใกล้หมด” ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์กีบขนาดใหญ่ชนิดนี้ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ถูกส่งต่อจากรุ่นพี่ที่เคารพท่านหนึ่งมาสู่ผมที่เป็นเพียงเด็กเริ่มตั้งไข่
“ถ้าโชคน้อยก็จะเห็นฝูงเล็ก ถ้าโชคมากก็จะเห็นรวมฝูงใหญ่หลายสิบตัว” ประโยคสั้นๆ ในน้ำเสียงเบาๆ จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเสียงกระซิบ แต่นั่นสร้างความหวังในใจของคนที่โชคไม่ค่อยจะดีแถมมีก็ไม่ค่อยจะมากอย่างผมอย่างมหาศาล
“แล้วลองมองแถวสันเขาด้วย อาจจะเห็นช้างออกมาหากินเหมือนกันนะ” ผมรีบกวาดสายตาไปยังสันเขาทั้งสองข้างที่กระหนาบจุดที่เฝ้าดูอยู่ทันที แต่ก็ไร้วี่แววท่านเจ้าคุณ ชื่อเล่นที่เราตั้งสำหรับใช้สื่อความหมายถึงสัตว์ป่าชนิดหนึ่งซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แห่งพงไพร
ผมมองกลับไปยังทุ่งหญ้าระบัดทางด้านหน้าอีกครั้ง พยายามสอดส่ายสายตาหาความเคลื่อนไหวที่หวังเอาไว้ว่าจะมีมากกว่าหนึ่งจุด คงมีเพียงแต่ดอกหญ้าสีอ่อนต้องแสงที่ขยับหวิวไหวตามแรงลมพัด ถ้าไม่นับเรื่องฝุ่นดินและผงขี้เถ้าที่ปลิวมาปะทะก็เป็นเรื่องดีที่ทิศของกระแสลมพัดผ่านเข้าหาพวกเราจากทางด้านหน้าช่วยพากลิ่นของเราออกไปทางด้านหลังให้ไกลจากตัวทุ่ง ช่วยให้สัตว์ป่าที่จะเข้ามาหากินไม่ได้กลิ่นของพวกเราจนตระหนกตื่นหนีไปเสียก่อน สายตาหลายคู่กวาดมองไปมาตามทุ่งหญ้าระบัด ริมขอบป่า สันเขา แต่ความหวังที่จะได้เห็นภาพสัตว์ป่าหากินของผมเริ่มหรี่ริบตามแสงที่หดหาย ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดระดับลงจนใกล้ลับลาริมขอบเขา อุณหภูมิที่ลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้รู้สึกสะท้านเมื่อสายลมพัดมากระทบสัมผัส สติของผมที่กำลังละล่องเตลิดเปิดไกลหวนกลับเข้าร่างอีกครั้งก็เมื่อรู้สึกว่ามีใครซักคนสะกิดเรียกจากทางด้านหลัง
“น่าเสียดาย วันนี้เงียบมากครับ” คำพูดของเขากระตุ้นผมตื่นจากห้วงแห่งความหวัง ให้เข้าใจถึงความเป็นจริงอันน่าเศร้าที่มีเคร้าโครงอยู่แล้วว่าอาจจะเกิดขึ้น
“เดี๋ยวเราลองไปดูกันอีกทางฝากเขาครับ” ประโยคถัดมาที่คล้ายจะเป็นเพียงคำปลอบใจ แต่ในเมื่อมีโอกาสความหวังก็ถูกวาดขึ้นในใจอีกครั้งพร้อมๆ กับคนและอุปกรณ์ถ่ายรูปถูกขนกลับขึ้นหลังกระบะรถ จากฝากหนึ่งสู่อีกฝากหนึ่งของสันเขา ความสามารถของรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้นมาก แต่กระนั้นยานพาหณะสภาพเต็มร้อยหรือเกือบเต็มร้อยนั้นพบเห็นได้ค่อนข้างยากในพื้นที่แบบนี้ แต่เวลาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกันเฉกเช่นเดียวกันกับแสงอาทิตย์ ความมืดเงียบเข้ามาทักทายอย่างรวดเร็วจนสิ้นความหวังที่จะเก็บรูปสัตว์ใหญ่กลางทุ่งหญ้าทอประกาย คนและอุปกรณ์หลากหลายถูกเก็บขึ้นหลังกระบะรถอีกครั้ง เป็นที่แน่นอนสำหรับความผิดหวังดังที่คาดการณ์เอาไว้ การเบนทิศเพื่อเดินทางกลับที่พักให้ทันเวลามื้ออาหารเย็นจึงเป็นทางที่ช่วยบรรเทาความรู้สึก ในขณะที่กระเพาะเริ่มร้องคร่ำครวญก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง สายตาสอดส่ายพลันเหลียวเหลือบเห็นจุดเล็กๆ สีขาวกลุ่มหนึ่งที่ฝั่งชายป่าของทุ่งหญ้าด้านเงาแสง กระจุกของจุดสีขาวเหล่านั้นช่างสะกดสายตาของผมท่ามกลางความมืดดำมิดที่คลานคืบกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ
“เสี้ยวดอกขาว” พรรณไม้ที่สามารถพบได้โดยง่ายทางป่าภาคเหนือ มักจะขึ้นอยู่รวมกันหลายๆ ต้น ดอกที่มีสีขาวโดดเด่นและเบ่งบานในช่วงฤดูแล้งทำให้มีการนำไปปลูกเป็นไม้ประดับในหลายๆ แห่ง เสี้ยวดอกขาวจึงเป็นพรรณไม้ที่ทุกคนเห็นกันจนชินตาและอาจจะถึงขั้นเกิดความชินชาในใจ ไม่เว้นแม่แต่ตัวผมเอง ภาพดงดอกเสี้ยวสีขาวเป็นปื้นผืนในป่าใหญ่ทำให้รู้สึกถึงแค่ความสวยแต่ความงามนั้นไม่ได้เข้าไปสัมผัสเข้ากับใจ ชายหนุ่มโรแมนติกที่ชื่นชมชอบในดอกไม้เป็นภาพลักษณ์ที่ไกลห่างแสนไกลจากตัวผมเองอยู่แล้ว หรือกระทั่งกล้วยไม้นานาพรรณที่ออกดอกงดงามสวยหนักหนาจนเป็นที่หมายปองต้องจริตแด่ผู้ที่พบเห็น จนต้องแสวงไขว่คว้าหาโดยไม่ตระหนักสนถึงวิธีการที่จะได้มาประดับครองครองไว้ตามริวรั้วบ้านหรือกลางเรือนเพาะเลี้ยงส่วนตัวราคาแพงที่มีการควบคุมสภาวะแวดล้อมอย่างเข้มข้น ใส่สารปรุงแต่งกระตุ้นเร่งให้เกิดช่อชูดอก เพื่อเสริมปรับยกระดับสภาวะทางอารมณ์ของตนให้สูงขึ้น ก็ไม่เคยปรากฏประดับอยู่ในใจของผมเพียงแม่แต่ซักชนิดพรรณ ไม่มีไม้ดอกใดหรือดอกไมชนิดใด
จนกระทั่งในวันนี้ วันที่ภาพความโดดเดี่ยวของต้นเสี้ยวซึ่งสะพรั่งด้วยดอกสีขาวยืนตระหง่านโดดเด่นอยู่ข้างทุ่งหญ้าระบัดริมป่ามืดทะมึนกระแทกผ่านทลายกำแพงที่ถูกก่อขึ้นกั้นความรู้สึก ความสวยเป็นเรื่องที่ถูกเบียดหดหายไปเพราะเป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ภายในใจของผมรับรู้สึกถึง ความงาม ของดอกไม้ไม่ใช่แค่ ความสวย ที่มองเห็นชัดจากภายนอก
ความผิดหวังจากเก็บภาพถ่ายฝูงสัตว์หากินกลางทุ่งหญ้าเลือนหายไปตอนไหนไม่อาจจะตอบได้และตัวผมเองก็ไม่ต้องการที่จะไปค้นหาถึงคำตอบจากคำถามที่ไม่จำเป็น แต่ถ้าจะให้พยายามสื่อสารให้คนอื่นรับรู้ถึงเสียบ้างนั้น ก็คงอาจจะเป็น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง
ณ เวลาซึ่งดอกไม้สีขาวกำลังเริ่มแทงยอดแตกใบอ่อนเติบโตอยู่ลึกภายในหัวใจของผม
มันอาจจะแห้งเหี่ยวเฉาเหงาตาย ยืนต้นโดดเด็ดเดี่ยวฝ่าฟันความทรมาน หรือหวังว่าซักวันหนึ่ง ซักวันที่จะมีบางสิ่งหรือบางอย่างช่วยชุบเลี้ยงประคบดูแล
ให้ออกดอกเบ่งบานและงดงาม ...
เกี่ยวกับผู้เขียน
จองื้อที
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “จองื้อที” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน