0.00น. เป็นเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อากาศเย็นยะเยือกสัมผัสเข้ากับแขนเมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบไฟฉาย ประตูเต้นท์ถูกเปิดออก ทุกอย่างที่มองเห็นเป็นสีขาวโพลนเมื่อแสงของไฟฉายพุ่งไปกระทบเข้ากับหมอกที่ลงจัด น้ำค้างที่ปะทะเข้ากับผิวด้วยแรงลมขณะเดินทำให้ผมรู้สึกว่าอากาศในตอนนี้หนาวมากกว่าที่ควรจะเป็น หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ด้วยความสงสัยผมเดินเลยไปยังหน้าสำนักงานที่ทำการของอุทยานฯ ที่ที่มีเครื่องมือวัดอุณหภูมิอากาศจัดวางไว้ให้
1 องศาเซลเซียส ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเครื่องมือวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องมือมีความถูกต้องมากแค่ไหน มีการปรับตั้งค่าเพื่อการแสดงผลที่ถูกต้องครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่ตัวเลขที่แสดงค่าอุณหภูมินั้นทำให้ผมรู้สึกหนาวมากขึ้น จากเดิมทีก็รู้สึกว่าอากาศนั้นหนาวมากอยู่แล้ว ระหว่างเดินกลับเข้ามาเต้นท์ที่พัก ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากความขาวโพลนของฟ้าที่ถูกปิดด้วยหมอกหนา น้ำค้างและลมแรง จากข่าวคราวที่ได้เห็นมาจากสังคมออนไลน์ ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนที่แผ่ขยายลงมายังประเทศไทยอย่างกระทันหันในตอนนี้ช่างส่งผลได้รุนแรงจริงๆ เป็นสิ่งที่ผมคิดระหว่างทางเดินกลับ การพักค้างอ้างแรมที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จังหวัดน่าน ในคืนนี้เป็นกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนหลังจากเก็บข้อมูลงานวิจัยของรุ่นน้องที่เรียนในสาขาวิชาเดียวกัน ก่อนการเดินทางกลับไปสู้ชีวิตกันต่อที่กลางเมืองหลวง จากสภาพอากาศแล้วผมรู้ว่าน้องๆ เหล่านี้คงผิดหวังที่จะชื่นชมความสวยงามของดวงดาว แต่ก็คงจะรู้สึกเต็มอิ่มกันจนเกินล้นในการสัมผัสกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นของค่ำคืนนี้
ผมนึกถึงสมัยที่เป็นนิสิตระดับปริญญาตรี ช่วงนั้นเป็นช่วงหยุดยาวในฤดูหนาว ผมมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดค่ายผู้สนใจศึกษาด้านสัตว์ป่าให้กับรุ่นน้องจากสถาบันเดียวกัน ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ด้วยความเป็นเด็กจากจังหวัดริมทะเลที่ยังอ่อนประสบการณ์ การเตรียมตัวเพื่อเข้าไปในพื้นที่จึงยังไม่ดีนัก ไม่มีผ้าห่มกันหนาว ถุงนอน เต้นท์พักแรม หรือแม้แต่เสื้อกันหนาว ในช่วงเวลาจัดกิจกรรมกลางวันนั้นยังไม่มีปัญหามากนักเนื่องจากได้ไออุ่นจากแสงแดดคอยช่วย แต่หลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปความหนาวเย็นของอากาศนั้นเกินกว่าที่ผมจะสามารถทนได้ คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่ผมรู้สึกถึงความหนาวเย็นมากที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา กองไฟหน้าแคมป์พักที่จุดขึ้นให้ความอบอุ่นก็ไม่เพียงพอจนต้องเดินไปเคาะประตูบ้านพักของรุ่นพี่วนศาสตร์เพื่อรบกวนขอหยิบยืมผ้านวมมาห่มให้ร่างกายอบอุ่น ในที่สุดค่ำคืนอันหนาวเหน็บก็ได้ผ่านพ้นไปหลังจากตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เมื่อจัดเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเสร็จเรียบร้อย ผมนำเอาผ้านวมที่ได้หยิบยืมมาไปส่งคืนให้กับรุ่นพี่ ระหว่างทางได้ยินเสียงอย่างหนึ่งดังขึ้นใกล้กับตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเสียงของอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงของอะไรซักอย่างหนึ่งหล่นจากที่สูงตกลงมากระทบพื้นดิน หลังจากยืนมองหาอยู่ครู่หนึ่ง ผมเหลือบไปเห็นนกแซงแซวสีเทานอนคอพับอยู่บนพื้นถนน ผมคงช่วยอะไรมันไม่ได้เพราะตัวของมันสั่นอยู่ไม่นานก็แน่นิ่งไป หรือว่ามันจะหนาวตาย เป็นความคิดแว่บแรกที่ผ่านเข้ามาในหัวแต่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันนักเนื่องจากคิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง จนกระทั่งรุ่นพี่ให้ข้อมูลมาว่า เมื่อคืนน่าจะเป็นวันที่อุณหภูมิลดลงต่ำที่สุดในรอบปี
เสียงลมที่พัดกระทบผืนผ้าใบคลุมเต้นท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง แสงสว่างจากไฟฉายทำให้เห็นหยดน้ำมากมายที่เกาะอยู่บนผ้าเต้นท์ น้ำค้างที่กระเซ็นมาโดนผิวกายทำให้รู้สึกเย็นวาบ ผมรีบพาตัวเองเข้าไปในเต้นท์ รูดซิบปิดประตูและซุกตัวเข้าไปในเครื่องนอนอย่างรวดเร็ว ถุงนอน แผ่นรองนอน หมอนและเต้นท์ เป็นส่วนประกอบรวมกันที่ทำให้ความหนาวเย็นค่อยๆ หายไปและทำให้ผมรู้สึกอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ผมหลับตาลงท่ามกลางเสียงหยดของน้ำค้างจากหลังคาเต้นท์ ในเวลาเพียงไม่นานผมก็หลับไป
เวลา 5.30น. เสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกดังขึ้น ผมลืมตาตื่นและออกมาจากเต้นท์พร้อมความหวังที่จะเห็นพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาระหว่างช่องเขาในยามเช้า แต่สภาพอากาศนั้นยังคงเหมือนเมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน ทั้งหมอก ละอองน้ำค้างและอากาศที่หนาวเย็น ถึงแม้จะไม่ได้เห็นทิวทัศน์อย่างที่คาดหวังเอาไว้ แต่การตื่นขึ้นพร้อมกับความสดชื่นที่ได้จากการนอนหลับอย่างเต็มที่ถือเป็นรางวัลอันยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนในครั้งนี้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ค่อยๆ สะสมมาและการที่เตรียมอุปกรณ์สนับสนุนการนอนกลางดินกินกลางทรายไว้เสมอ ในค่ำคืนอันหนาวสะท้านบนดอยสูงที่ห่มหมอกเมฆหนา ถ้ายังคงทำเหมือนเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่นที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้
ตอนนี้ผมอาจจะมียถากรรมไม่แตกต่างไปจากนกแซงแซวที่น่าสงสารตัวนั้น
เกี่ยวกับผู้เขียน
ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ
แต่เดิมเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคตะวันออก มุ่งมั่นเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยความสนใจส่วนตัวและถูกชักชวน จึงเลือกเข้าศึกษาในภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ สาขาวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าและทุ่งหญ้า ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้มีโอกาสช่วยเก็บข้อมูลงานวิจัยสัตว์ป่าในหลายพื้นที่ หลังจากสำเร็จการศึกษาได้รับคำแนะนำให้ไปศึกษาต่อยังสถาบันอื่น จึงได้เข้ามาศึกษาต่อ ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาโทต่อมาถึงในระดับปริญญาเอก และยังคงมีสถานภาพเป็นนิสิตอยู่ในปัจจุบันขณะ
"เราพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เพื่อที่สุดท้ายแล้วเราจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้งเราไม่ได้รู้อะไรเลย"
พบกับบทความ “ฉัตรพรรษ พงษ์เจริญ” ได้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน