กระทรวงวิทย์วางพานพุ่มเทิดพระเกียรติในหลวง “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” 19 ต.ค. ย้อนรำลึกพระมหากรุณาธิคุณวันพระราชทานฝนหลวง ด้านรัฐมนตรีชี้ทรงเป็นต้นแบบในการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาประเทศ
ดร.พิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มและถวายราชสดุดี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ต.ค.57 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทั้งนี้ วันที่ 19 ต.ค.ของทุกปีเป็น “วันเทคโนโลยีของไทย” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.43 ที่เห็นชอบถวายการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะ “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติฯ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ดร.พิเชษฐอธิบายถึงความสำคัญของวันเทคโนโลยีของไทยว่า กำหนดให้เป็นวันที่ 19 ต.ค.เนื่องจากตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงอำนวยการสาธิตฝนเทียมสูตรใหม่ครั้งแรกด้วยพระองคืเอง ณ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และวันนี้ยังมีควมสำคัญที่ข้าราชการและพลเรือนจะได้ทบทวนเรื่องการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
“การใช้เทคโนโลยีให้ป็นประโยชน์ทางด้านสังคมก็เพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้เทคโนโลยีลดึวามเดือดร้อนและภัยพิบัติต่างๆ ส่วนด้านเศรษฐกิจก็ใช้เพื่อการบริการและการผลิตที่จะเป็นประโยชน์ต่อรายได้ของประชาชน รวมถึงอาชีพของเยาวชนในอนาคต ซึ่งถือเป็นความท้าทายของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมและการสื่อส่าร แต่การใช้ก็ต้องระวังและรู้เท่าทัน แต่ก็ต้องสร้างเทคโนโลยีเพื่อผู้ด้อยโอกาสในสังคมด้วย ทั้งเทคโนโลยีเพื่อผู้พิการและเพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ได้ทรงแสดงตัวอย่างให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว” ดร.พิเชษฐกล่าว
ส่วนเทคโนโลยีไทยที่โดดเด่นในรอบปีที่ผ่านมา ดร.พิเชษฐระบุว่า ไม่ได้มีแค่ผลงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แต่ยังมีผลงานของกระทรวงอื่นๆ รวมถึงผลงานของภาคเอกชน ซึ่งเศรษฐกิจไทยก็เดินหน้าด้วยเทคโนโลยีจำนวนหนึ่ง ทั้งภาคการผลิตและบริการ อุตสาหกรรมอาหารและยานยนต์ แต่ทั้งนี้เราต้องทำงานให้หนักกว่านี้เพื่อนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการตอบสนองเศรษฐกิจมากกว่านี้