xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้น “ดาวหางไอซอน” แตกสลายหรือสว่างหลังเฉียดดวงอาทิตย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพดาวหางไอซอนเมื่อวันที่ 6 พ.ย.56 โดย สดร.
สดร.ชวนชม “ดาวหางไอซอน” ทิ้งทวนก่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 28 พ.ย.นี้ พร้อมลุ้นดาวหางจะสว่างจ้าหรือแตกสลาย ระบุหากพ่นฝุ่นหลังโคจรออกมาจากดวงอาทิตย์จะสว่างมากที่สุดในศตวรรษ พร้อมยังมีดาวหางอีก 3 ดวงที่สว่างขึ้นมาไล่เลี่ยกันระหว่างนี้ให้ชม

รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร.กล่าวถึงดาวหางไอซอน (C/2012 S1 ISON) ระหว่างการแถลงข่าวชวนชมดาวหางดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 56 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าดาวหางไอซอนถูกค้นพบตั้งแต่เดือน ก.ย.55 โดย ไวลาลี เนปสกี นักดาราศาสตร์ชาวเบลารุส และ อาร์เตียม โนวิคโคนอค นักดาราศาสตร์ชาวรัสเซีย ในโครงการไอซอน (ISON: International Scientific Network)

จากการติดตามวงโคจรและศึกษาขนาด รศ.บุญรักษา กล่าวว่า ทำให้รู้ว่าดาวหางดังกล่าวเป็นดาวหางเฉียดดวงอาทิตย์ (Sungrazing Comet) ซึ่งกำเนิดของไอซอนมาจากขอบระบบสุริยะที่เรียกว่า “เมฆออร์ต” (Oort cloud) พร้อมทั้งอธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า อาจมีแรงภายนอกระบบสุริยะที่ผลักให้ดาวหางโคจรเข้ามาในระบบสุริยะ และเป็นวงโคจรแบบไฮเปอร์โบลาทำให้เมื่อดาวหางดวงนี้เข้ามาในระบบสุริยะเพียงครั้งเดียว และจะไม่กลับเข้ามาอีก   

ทางด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างการแถลงข่าวว่า ดาวหางมีส่วนที่เป็นน้ำแข็งที่เรียกว่า “นิวเคลียส” ซึ่งเมื่อตอนดาวหางยังอยู่ที่ระยะห่างในวงโคจรของดาวเนปจูน นักดาราศาสตร์ยังไม่ทราบว่าดาวหางมีขนาดนิวเคลียสเท่าไร แต่มีความสว่างมากแม้อยู่ไกลขนาดนั้น จากนั้นองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ถ่ายภาพและวัดขนาดของนิวเคลียส คาดว่าไอซอนมีนิวเคลียสไม่เกิน 2 กิโลเมตร

“เราไม่สามารถมองเห็นนิวเคลียสดาวหางได้จากบนโลก และเห็นได้ยากมาก ต้องใช้ยานอวกาศโคจรเข้าไปใกล้ เช่น เมื่อปี 2529 ก็มีการส่งยานอวกาศเข้าไปใกล้ดาวหางฮัลเลย์และวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของนิวเคลียสได้ว่ามีขนาดมากกว่า 10 กิโลเมตร และดาวหางเฮล-พอพพ์ที่สว่างมากๆ ทางซีกโลกเหนือก็วัดขนาดนิวเคลียสได้มากกว่า 40 กิโลเมตร” ดร.ศรัณย์กล่าว

สำหรับดาวหางไอซอนนั้นจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในระยะที่เรียกว่า “เพอร์ริฮิเลียน” (Perihelion) ในวันที่ 28 พ.ย.56 ที่ระยะห่าง 1.2 ล้านกิโลเมตร ซึ่ง ดร.ศรัณย์อธิบายว่า ในความรู้สึกของคนทั่วไปอาจคิดว่าเป็นระยะที่ห่างมาก แต่เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.2 ล้านกิโลเมตรแล้ว หากไปยืนอยู่บนดาวหางไอซอนในช่วงเวลาดังกล่าวจะเห็นดวงอาทิตย์ใหญ่เต็มท้องฟ้า อุณหภูมิที่ผิวไอซอนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,700 องศาเซลเซียส ทำให้ดาวหางมีอัตราการปลดปล่อยก๊าซและฝุ่นละอองมหาศาล

ดร.ศรัณย์ กล่าวว่ามีการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับดาวหางเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์หลายแบบ โดยดาวหางนั้นเป็นก้อนน้ำแข็งที่เกาะกันหลวมๆ ที่ทำให้ดาวหางแตกออกได้ทุกเมื่อ หรืออาจมีลำพุ่งจากภายในดาวหาง หรือแรงไทดัล (tidal force) แรงที่ทำให้เกิดทำขึ้นน้ำลงทำให้ดาวหางแตกเป็นผงเช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับดาวหางเอลินิน (Elenin) เมื่อปี 2555 จะทำให้ไม่เห็นดาวหางในช่วงขาออกจากดวงอาทิตย์ หรือหากมีการพ่นฝุ่นก่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์จะทำให้เกิดปฏิกิริยากับรังสีของดวงอาทิตย์จนเกิดการสว่างจ้ามากๆ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับดาวหางเลิฟจอย 2011 (C/2011 W3 Lovejoy) หรือหากไม่เกิดอะไรขึ้นจะเห็นดาวหางเป็นก้อนออกมาจากดวงอาทิตย์ให้ติดตามต่อไปอีกหลายเดือนหลังจากนั้น

ส่วน รศ.บุญรักษา บอกด้วยว่าช่วงที่เหมาะแก่การสังเกตดาวหางไอซอนมากที่สุดคือช่วงที่ดาวหางกำลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ระหว่าง15-25 พ.ย.นี้ เพราะยิ่งใกล้จะยิ่งได้รังสีจากดวงอาทิตย์ ทำให้หางของดาวหางที่เป็นของแข็งระเหิดเป็นหางยาวขึ้นและสว่างมากขึ้น แต่เมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้วจะไม่ได้สามารถสังเกตเห็นได้เนื่องจากถูกแสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์บดบัง ซึ่งดาวหางไอซอนนั้นมีความคล้ายคลึงกับดาวหางอิเคยะ-เซกิ (C11965 S1 Ikeya-Seki) ที่เป็นดาวหางเฉียดดวงอาทิตย์เหมือนกัน แต่มีขนาดใหญ่กว่า เฉียดใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าแต่ไม่พุ่งชนดวงอาทิตย์ และเคยถูกบันทึกไว้ว่าสว่างที่สุดในศตวรรษนี้ จึงคาดว่าไอซอนน่าจะรอดออกมาและจะมีความสว่างมากที่สุดในรอบร้อยปี

อย่างไรก็ดี ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า การสังเกตดาวหางไอซอนในช่วงเข้าใกล้ดวงอาทิตย์นี้จะสังเกตได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากดาวหางจะอยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนวันที่ 28 พ.ย.ระหว่าง 05.00-05.40 น.ดาวหางจะอยู่สูงจากขอบฟ้า 10 องศา หลังจากนั้นจะมีแสงสนธยาขึ้นมา ดังนั้น แม้ดาวหางจะสว่างจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ก็จะถูกความสว่างของแสนสนธยาบดบัง โดยการสังเกตนั้นให้หันไปทางทิศตะวันออกแล้วสังเกตดาวพุธที่เป็นดาวสว่างที่สุดบริเวณนั้น แล้วจะเห็นดาวหางไอซอนเป็นฝ้าๆ อยู่ทางขวาด้านล่างของดาวพุธ  

พร้อมกันนี้ รองผู้อำนวยการ สดร.กล่าวว่า ปัจจุบันมีหุ่นยนต์ที่ค้นพบดาวหางเยอะขึ้น โดยปีหนึ่งค้นพบดาวหางได้นับ 100 ดวง แต่ที่มีสว่างไล่เลี่ยกับดาวหางไอซอนช่วงนี้ 3-4 ดวง ได้แก่ ดาวหางเลิฟจอย (C/2013 R1 Lovejoy) ที่ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบ ดาวหางลิเนีย (LINEAR X1) ที่ค้นพบโดยหุ่นยนต์ค้นหาดาว และดาวหางเองเค (2P Enke) ที่เป็นดาวหางคาบสั้นมีรอบโคจรสามปีครึ่ง ซึ่งดาวหางที่โคจรเข้ามาประจำนี้จะทำให้ดาวหางหดสั้นเรื่อยๆ เหลือแต่หัวดาวหาง

 
ลักษณะทางกายภาพของดาวหาง
ขนาดของดาวหางทั้ง 4 ดวงที่จะเห็นได้ไล่เลี่ยกันในช่วงนี้
ลักษณะวงโคจรของดาวหางเป็นรูปโพลาโบลาและตำแหน่งของดาวหางเมื่อวันที่ 1 พ.ย.56 ซึ่งอยู่ในตำแหน่งวงโคจรของโลก
ตำแหน่งของดาวหาวไอซอนบนท้องฟ้าระหว่างวันที่ 20-28 พ.ย.
รศ.บุญรักษา (ที่ 2 ซ้าย) พร้อมด้วย ดร.ศรัณย์ (ขวา) และ นาย นิรุตติ คุณวัฒน์ ที่ปรึกษากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างการแถลงข่าวเรื่องดาวหางไอซอน






กำลังโหลดความคิดเห็น