xs
xsm
sm
md
lg

ชวนประกวดนวัตกรรมข้าวคงสโลแกน “ขายข้าวเป็นกรัมไม่ขายเป็นเกวียน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
สนช.- สนช.ร่วมกับมูลนิธิข้าวไทย จัดประกวดนวัตกรรมข้าวไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 คงสโลแกน “ขายข้าวเป็นกรัม ไม่ขายข้าวเป็นเกวียน” เปิดโอกาสเอกชนแข่งขันในประชาคมอาเซียน ชักนำเกษตรกรสู่ “เกษตรสร้างสรรค์”

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช.ร่วมกับมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัด “การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2555 (Rice Innovation Awards 2012)” เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมข้าว ซึ่งถือเป็น “พืชเศรษฐกิจ” ที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญต่อประเทศไทยมากที่สุดประเภทหนึ่ง เพราะนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับประเทศแล้ว ยังแสดงถึง “วิถีชีวิตและวัฒนธรรม” ของบรรพบุรุษที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และที่ปรึกษาอาวุโส สนช.กล่าวว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องและอาจจะส่งกระทบต่อ “ข้าวไทย” และ “ชาวนาไทย” ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนแล้ง น้ำท่วม การระบาดของแมลงและโรคที่ผิดปกติ รวมไปถึงผลสืบเนื่องจากข้อตกลงทางการค้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) หรือ เออีซี (ACE) ที่กำหนดให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนต้องลดภาษีสินค้าข้าวเป็นศูนย์

“หากมองว่า เป็นโอกาสของไทยในการเปิดเสรีการค้าข้าว ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก และสามารถผลิตข้าวคุณภาพดี แต่ยังจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการพัฒนาภาคการผลิตข้าวของประเทศสมาชิกรายอื่น เพื่อสร้างให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งในการผลิตและการตลาด ดังนั้น นอกจากปรับปรุงคุณภาพข้าวแล้ว การนำความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมกับความคิดสร้างสรรค์มาทำ “ผลิตภัณฑ์จากข้าว” ให้มีเอกลักษณ์ สร้างความต่างที่ชัดเจนในตลาด ตลอดจนความมั่นคงของพื้นที่เพาะปลูก โดยเน้นใช้ประโยชน์การเกษตรให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อให้เกิดเป็น “เกษตรสร้างสรรค์” ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มมากขึ้น ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยได้อีกด้วย” ดร.สุเมธ กล่าว

ด้าน นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. เผยว่า จากจำนวนผลผลิตข้าวโดยรวมเมื่อปี 2554 พบว่า จีนเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก คือ 137 ล้านตันข้าวสาร รองลงมาคือ อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ และเวียดนาม มีปริมาณผลผลิต 95.98, 35.50, 33.20 และ 26.30 ล้านตันข้าวสาร ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวลำดับที่ 6 ของโลก ซึ่งมีผลผลิตข้าว 20.26 ล้านตันข้าวสาร (ที่มา: USDA “Grain: world market and trade, march 2012) แต่ประเทศไทยมีการส่งออกข้าวของไทยมากที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการส่งออกสูงถึง 10.50 ล้านตัน คิดเป็น 29.92% ของตลาดโลก

“ระยะเวลากว่า 7 ปี สนช.ได้ริเริ่มดำเนินการเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันด้าน “ข้าว” ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งต่อไป “ข้าวไทย” จะไม่ใช่เพียงสินค้าโภคภัณฑ์เท่านั้น แต่จะเป็นสินค้าเฉพาะที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ด้วยการพัฒนาธุรกิจใหม่บนฐานความรู้ และการใช้นโยบายเชิงรุกผ่านการสนับสนุนโครงการนวัตกรรมของ สนช. ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนกว่า 25 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวม 304 ล้านบาท สนช.เชื่อว่า การดำเนินแนวทางที่มีบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรไทยผู้ปลูกข้าว จะสามารถเร่งรัดให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมข้าวได้อย่างรวดเร็ว และประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะกระจายไปในทุกภาคส่วน” นายศุภชัย กล่าว

ผอ.สนช.สรุปว่า ประเทศไทยจึงต้องแสวงหาโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจที่เราสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน นั่นคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวในกลุ่มของอาหารสุขภาพ (functional food) กลุ่มอาหารเพื่อความสะดวกสบาย (ready & easy) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและยา (health care) เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ ตลาดใหม่ และแหล่งรายได้ใหม่ ทั้งยังลดโอกาสลดความผันผวนของราคาข้าวได้มากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องขายในรูปของข้าวสารเพียงอย่างเดียว แต่สามารถจำหน่ายให้ผู้ผลิตสินค้านวัตกรรม

“ในฐานะที่ข้าวเป็นวัตถุดิบสินค้านวัตกรรม ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกร และหากมีการจัดการที่ดี เกษตรกรก็ยังสามารถทำความตกลงกับผู้ผลิตสินค้านวัตกรรม เพื่อส่งมอบผลผลิตที่มีคุณสมบัติตามต้องการ จึงอาจกล่าวได้ว่า ยิ่งมีการพัฒนานวัตกรรมข้าวไทยมากเท่าไร เกษตรกรไทยยิ่งมีโอกาสและทางเลือกมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงประเทศไทยควรยกเลิกการส่งออกข้าวสาร แล้วไปทำส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวแปรรูปอย่างเดียว เพราะจะกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศได้”

“สนช.และ มูลนิธิข้าวไทยฯ จึงได้ร่วมกันจัดการประกวด “รางวัลนวัตกรรมข้าวไทย” ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้องค์ความรู้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรหลักของประเทศ ภายใต้บริบท “ขายข้าวเป็นกรัม ไม่ขายข้าวเป็นเกวียน” เนื่องจากประเทศที่ปลูกข้าวได้เก่งและดีกว่าเรามีไม่น้อย แต่ประเทศที่ทำนวัตกรรมข้าวดีมีไม่มาก ซึ่งสะท้อนให้เห็น “โอกาสเปิด” อีกมากมายที่จะรังสรรค์นวัตกรรมข้าวไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์ที่ได้จะกระจายแบบทวีคูณกลับไปยังผู้ผลิตหรือเกษตรกรฐานราก ตลอดจนการสร้าง “วัฒนธรรมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมข้าว” ให้เกิดขึ้นในประเทศ” นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มูลนิธิข้าวไทยฯ และ สนช.ได้ร่วมจัดประกวดรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ประจำปี 2555 นี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 6 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมข้าวไทย ทั้งในรูปของผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวและพัฒนาความใฝ่รู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมข้าวไทย ตลอดจนเพื่อเชิดชูเกียรติและเป็นกำลังใจให้กับผู้คิดค้นนวัตกรรมข้าวไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครผลงาน จนถึงวันที่ 29 มิ.ย.55 โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thairice.org”

*******************
รายละเอียดการประกวด

ประเภทรางวัล
1.กลุ่มอุตสาหกรรม
2.กลุ่มวิสาหกิจ

รายละเอียดรางวัล
รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล เงินสด 50,000 บาท พร้อมโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รางวัลที่ 2 จำนวน 1 รางวัล เงินสด 30,000 บาท
รางวัลที่ 3 จำนวน 1 รางวัล เงินสด 20,000 บาท
รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล เงินสดรางวัลละ 5,000 บาท

คุณสมบัติ

1) เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่างๆ ของข้าว
2) กระบวนการผลิตที่เป็นนวัตกรรมเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ข้าวไทย
3) ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์และสามารถเก็บรักษาได้
4) ผลงานต้องไม่เคยได้รับรางวัลระดับชาติ

การรับสมัคร - ตั้งแต่วันนี้ ถึง 29 มิ.ย.55

ประกาศผลและมอบรางวัล - “วันนวัตกรรมแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ต.ค.
ตัวอย่างนวัตกรรมข้าว
กำลังโหลดความคิดเห็น