ไอศกรีมตามธรรมดา เมื่อถูกความร้อนจะต้องละลายเป็นน้ำ แต่สำหรับแบรนด์ ‘15 inch’ สร้างมิติใหม่ให้วงการ ด้วยนวัตกรรมไอศกรีมทำจากข้าวหอมมะลิไทยที่ไม่ว่าจะเจออุณหภูมิสูง หรือเปล่าทิ้งไว้นานๆ ก็ไม่ละลาย อีกทั้ง คงรูปทรงเดิมทุกประการ ช่วยสร้างความแปลกใจแก่ลูกค้า โดยเบื้องหลังเกิดจากแนวคิดอยากพัฒนาให้ข้าวไทยเพิ่มมูลค่าและขายได้ในระดับสากล
มรุต ชโลธร เจ้าของ ‘15 inch’ เล่าว่า พื้นฐานบริษัททำธุรกิจสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร ที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์หลากหลายชิ้น โดยเฉพาะผลงานเด่น ซึ่งคนทั่วไปรู้จักดี คือ ไอศกรีมผลไม้รูปทรงคล้ายไข่ แบรนด์ ‘i-maru’ เป็นต้น กระทั่ง เกิดแรงบันดาลใจอยากจะเพิ่มมูลค่าให้ข้าวหอมมะลิไทย สามารถขายได้ราคาสูงขึ้น และขายได้ในตลาดกว้างยิ่งขึ้น จึงเกิดแนวคิดจะนำข้าวหอมมะลิมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำไอศกรีม ซึ่งถือเป็นอาหารระดับสากล ตลาดกว้าง เพราะแทบทุกชาตินิยมกินกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะทำแค่ไอศกรีมจากวัตถุดิบข้าวหอมมะลิ ประเมินว่าความน่าสนใจคงไม่มากนัก จึงคิดนวัตกรรมไอศกรีมที่ไม่เคยมีมาก่อนในท้องตลาด กลายเป็นจุดกำเนิดของไอศกรีมไม่ละลาย ไม่ว่าจะถูกความร้อนมากแค่ไหน ก็จะรักษารูปทรงเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
มรุต อธิบายต่อว่า ส่วนประกอบของไอศกรีม‘15 inch’ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ นม และนมถั่วเหลือง โดยเคล็ดลับที่ทำให้เนื้อไอศกรีมไม่ละลาย เกิดจากการปรับสูตรส่วนผสมให้มีความเหนียวหนืด สามารถจับตัวกันเป็นรูปได้ โดยไม่ต้องอาศัยความเย็น คล้ายกับวิธีทำขนมโมจิญี่ปุ่น เต้าหู้ หรือพุดดิ้ง เป็นต้น ขณะเดียวกัน สูตรที่คิดขึ้นในด้านความนุ่นเนียนยังเหมือนไอศกรีมทั่วไป
ทั้งนี้ รูปแบบจะเป็นไอศกรีม soft serve หรือไอศกรีมกดจากเครื่อง เพราะเป็นลักษณะที่คนทั่วไปคุ้นเคย และจดจำในภาพของความเป็นไอศกรีมได้มากที่สุด
เจ้าของไอเดีย กล่าวต่อว่า ลักษณะภายนอกจะเหมือนไอศกรีมกดทั่วไปทุกประการ และความนุ่นเนียนแทบจะหาความแตกต่างจากไอศกรีมธรรมดาไม่ได้เลย ส่วนจุดเด่นมีกลิ่นหอมของข้าวหอมมะลิ และที่สำคัญ เนื้อไอศกรีมไม่ละลาย ไม่ว่าจะเจอความร้อน หรือปล่อยทิ้งไว้นานเท่าใด อย่างไรก็ตาม ความเย็นจะค่อยๆ ลดลงไปตามระยะเวลา
“คนทั่วไป เมื่อพูดถึงคำว่า ‘นวัตกรรม’ จะนึกถึงเรื่องไกลตัว เรื่องยากๆ ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ลงทุนสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว นวัตกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างไอศกรีมไม่ละลายของผม ก็ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่พิเศษหรือลงทุนสูงแต่อย่างใด ทว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่การหยิบสิ่งที่มีอยู่รอบตัวมาพัฒนาเพิ่มมูลค่า แล้วนำเสนอทางการตลาดให้น่าสนใจ ซึ่งนวัตกรรมที่ดีต้องมาควบคู่กับการตลาดที่เหมาะสม” มรุต ระบุ
ในส่วนการทำตลาดนั้น พยายามสร้างความน่าสนใจ ณ จุดขาย สื่อสารผ่านคีออสที่มีป้ายบอกชัดเจนถึงคุณสมบัติไม่ละลาย รวมถึง ให้พนักงานขายโชว์ราดน้ำโกโก้ร้อนลงไป เพื่อยืนยันว่าไอศกรีมไม่ละลายจริงๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความแปลกใจและดึงดูดใจแก่ลูกค้าอย่างดี
รวมถึง เสริมความตื่นเต้น ด้วยการท้าทายให้ลูกค้าทดลองกดไอศกรีมจากเครื่องให้ได้ความสูง 15 นิ้ว เพื่อทำลายสถิติโลก ซึ่งปัจจุบันสถิติเป็นของไอศกรีมประเทศเกาหลี ทำไว้ 13 นิ้ว โดยจะคิดค่าเล่นครั้งละ 250 บาท หากทำสำเร็จทางบริษัท จะนำไปจดเป็นสถิติโลกแล้วให้เครดิตแก่ลูกค้าคนนั้น
ทั้งนี้ ไอศกรีม‘15 inch’ ได้รับรางวัลที่ 2 การประกวดนวัตกรรมข้าวไทย Rice Innovation Awardโดย มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยเริ่มออกตลาดจริงเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตั้งราคาขายปลีกที่ถ้วยละ 25-30 บาท มีหน้า Topping ให้เลือกราด ได้แก่ เนยข้าวโพด เบอรี่ กีวี น้ำตาลแดงกับผงถั่วเหลือง และโกโก้ร้อน ปัจจุบัน มีจุดขาย 2 แห่ง ได้แก่ ย่านถนนสีลม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง และห้างเดอะมอลล์ บางแค
นอกจากนั้น ตอนนี้กำลังเปิดรับผู้สนใจมาร่วมทำอาชีพนี้ ในรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ เงินลงทุนเบื้องต้น 390,000 บาท ได้รับคีออส เครื่องกดไอศกรีม และอุปกรณ์พร้อมเริ่มอาชีพ โดยผู้ลงทุนจะมีกำไรหลังหักเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบประมาณ 50% ของยอดขาย มีเงื่อนไขต้องรับวัตถุดิบจากบริษัท ตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้ (2555) จะมีสาขาทั้งหมดประมาณ 10 แห่ง
@@@@@@@@@@@@@@
โทร.08-6881-8785 หรือ www.15mochicream.com