ครบ 7 วัน ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) สรุปสถานการณ์ล่าสุดของ 6 เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ซึ่งได้รับความเสียหาย หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและตามมาด้วยสึนามิขนาดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา
<อัพเดตล่าสุด 19 มี.ค.2011 เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย>
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2011 แกรแฮม แอนดรูว (Graham Andrew) ที่ปรึกษาพิเศษกิจการผู้อำนวยการทั่วไปด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิค (Director General on Scientific and Technical Affairs) ของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ได้กล่าวเปิดงานระหว่างการสรุปสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นหลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิแก่ชาติสมาชิกและสื่อมวลชน ณ สำนักงานใหญ่ไอเออีเอ กรุงเวียนนา ออสเตรีย ดังนี้
1.สถานการณ์ปัจจุบัน
สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ คล้ายกับที่ได้รายงานไปแล้ว
ความพยายามในการติดตั้งระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงไฟฟ้ายังคงดำเนินต่อไป เป็นที่คาดว่าระบบจ่ายไฟฟ้าจะถูกติดตั้งให้แก่อาคารเตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 2 ในวันนี้ ซึ่งจะใช้เพื่อเป็นแหล่งไฟฟ้าสำหรับติดตั้งระบบจ่ายไฟคืนให้แก่อาคารเตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 1 ด้วย ถึงกระนั้นเราก็ไม่รู้ว่าปั๊มน้ำถูกทำลายไปด้วยหรือไม่ และจะยังทำงานได้หรือไม่เมื่อระบบจ่ายไฟถูกติดตั้งใหม่
น้ำทะเลยังคงถูกฉีดเข้าไปในหม้อความดันสูงสำหรับบรรจุแท่งเชื้อเพลิง (reactor pressure vessel) ของเตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 1 และ 2 และรถดับเพลิงได้ไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อสนับสนุนกำลังในการฉีดน้ำเข้าอาคารเตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 3
“เรายังข้อมูลอันน่าเชื่อถือเกี่ยวกับระดับน้ำและอุณหภูมิ ณ บ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วในเตาปฏิกรณ์ที่ 3 และ 4” แอนดรูวกล่าว
อุณหภูมิที่บ่อเชื้อเพลิงใช้แล้วในหน่วยที่ 5 และ 6 เพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่สถานการณ์นี้ไม่ได้เสริมความกังวลแบบทันทีทันใด น้ำในหน่วยทั้งสองยังคงหมุนเวียนภายในหม้อความดันสูงของเตาปฏิกรณ์และบ่อเชื้อเพลิง
เครื่องปั่นไฟน้ำมันดีเซลกำลังจ่ายไฟให้แก่ระบบหล่อเย็นของหน่วยที่ 5 และ 6 ทางไอเออีเอได้รับข้อมูลว่า ที่หลังคาของอาคารเตาปฏิกรณ์ทั้ง 2 แห่งถูกเจาะรูเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากการระเบิดของไฮโดรเจน
2.การตรวจระดับการแผ่รังสี
ระดับรังสีในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เมื่อวาน (18 มี.ค.)
ทีมตรวจระดับการแผ่รังสีของไอเออีเอทำการวักจุดต่างๆ 7 แห่งในโตเกียวและจังหวัดคานากาวากับจังหวัดชิบะ พบว่าอัตราการแผ่รังสีอยู่ต่ำกว่าระดับที่จะทำอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์
ทีมตรวจวัดรังสียังคงทำงานต่อไปในเมืองไอสุ วากามัตสึ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไปทางตะวันตก 97 กิโลเมตร และพวกเขาเพิ่งทำการวัดเบื้องต้นได้เพิ่มเติม 3 จุด
การวัดระดับรังสีโดยทางญี่ปุ่นเองในจุดต่างๆ แสดงให้เห็นว่านิวไคลด์รังสี (radionuclide) เช่น ไอโซโทปอย่างไอโอดีน-131 และซีเซียม-137 อยู่ในระดับที่พบในธรรมชาติ
ระดับดังกล่าวมีนัยสำคัญต่ออาหารและการเกษตรในพื้นที่ประสบเหตุ ทางไอเออีเอและองค์การอาหารและเกษตร (Food and Agriculture Organization: FAO) ของสหประชาชาติ กำลังปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นในการวัดระดับรังสีในบริเวณดังกล่าวที่สัมพันธ์กับอาหารและการเกษตร
กระทรวงสาธารณสุข พลังงานและสังคมสงเคราะห์ของญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า ระดับการแผ่รังสีที่เกินกว่าระดับกฎหมายกำหนดถูกตรวจพบในนมที่ผลิตในเมืองฟูกูชิมะและในผักที่ปลูกในเมืองอิบารากิ และได้เรียกร้องให้คณะกรรมการอนามัยในเมืองฟูกูชิมะทำการประเมินที่จำเป็น เช่น จำแนกผู้ผลิตตัวอย่างที่ถูกตรวจพบรังสีเกินกำหนดเหล่านี้ และสถานที่วางขายสินค้าในสายการผลิตเดียวกันนี้และห้ามจำหน่ายสินค้าดังกล่าวตามกฎหมายด้านความปลอดภัยอาหาร
“ตอนนี้เราได้เข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตจากสถานีตรวจวัดนิวไคลด์รังสีซีทีบีทีโอ (CTBTO) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำการประเมินผลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดของหน่วยงานดังกล่าว” แอนดรูวกล่าว
นับแต่มีความกังวลต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดนิ (Fukushima Daini) ยังไม่มีบันทึกถึงเหตุการณ์หรือการแผ่รังสีออกมาจากโรงไฟฟ้าดังกล่าว และระดับรังสีที่เพิ่มขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้มาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิ
3.การทำงานของไอเออีเอ
ผู้อำนวยการทั่วไปได้เดินทางจากโตเกียวมายังเวียนนา หลังจากได้ประชุมกับผู้นำอาวุโสของรัฐบาลญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่จากเท็ปโก (TEPCO) ผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังมีปัญหานี้
<อัพเดตล่าสุด 19 มี.ค.2011 เวลา 11.30 น. ตามเวลาประเทศไทย>
สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ (Fukushima Daiichi)
เตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 ที่ไดอิจิเป็นเตาปฏิกรณ์แบบน้ำเดือด (boiling water reactors: BWR) โดยตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ซึ่งแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อโรงไฟฟ้า และได้กระตุ้นให้เกิดการปิดตัวอัตโนมัติของเตาปฏิกรณ์ 3 แห่งที่ยังทำงานอยู่ นั่นคือ เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 1, 2 และ 3
แท่งควบคุม (control rod) ของเตาปฏิกรณ์ในหน่วยเหล่านั้น ประสบความสำเร็จในการใส่เข้าไปในแกนปฏิกรณ์ (reactor core) ซึ่งได้หยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ (chain reaction) ของนิวเคลียร์ฟิชชัน (fission)
ส่วนเตาปฏิกรณ์ที่เหลือคือ หน่วยที่ 4, 5 และ 6 ได้หยุดเดินเครื่องก่อนหน้านี้ เพื่อซ่อมบำรุงตามกำหนด
เครื่องปั่นไฟสำรองพลังงานดีเซลที่ออกแบบให้ทำงานหลังจากพลังงานไฟฟ้าถูกตัด เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อปั๊มสารหล่อเย็นหมุนเวียนให้แก่เตาปฏิกรณ์ทั้ง 6 แห่ง
แทบในทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว สึนามิขนาดใหญ่ได้เข้าถล่มบริเวณที่ตั้งเตาปฏิกรณ์ และทำลายระบบสำรองไฟ ขณะที่แบตเตอรีบางส่วนยังคงทำงานได้อยู่ แต่ทั้งโรงไฟฟ้าก็สูญเสียความสามารถในการรักษาการหล่อเย็นให้แก่เตาปฏิกรณ์และการทำงานของระบบหมุนเวียนน้ำ
ข้อมูลข้างล่างนี้คือสถานะของเตาปฏิกรณ์ 6 แห่ง ซึ่งอ้างอิงจากรายงานและการยืนยันจากทางการของญี่ปุ่น
เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 1
สารหล่อเย็นภายในหน่วยที่ 1 ท่วมประมาณครึ่งหนึ่งของแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของเชื้อเพลิง ความดันสูงภายในอาคารครอบปฏิกรณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปล่อยก๊าซออกจากอาคารครอบเตาปฏิกรณ์ ต่อมาการระเบิดได้ทำลายผนังชั้นนอก ที่อยู่ด้านบนของอาคารเตาครอบปฏิกรณ์เมื่อวันที่ 12 มี.ค.
ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหา ทั้งในหม้อความดันสูงครอบเตาปฏิกรณ์หรือหม้อความดันสูงบรรจุแท่งเชื้อเพลิง (primary containment vessel)
ความพยายามในการสูบน้ำทะเลเข้าสู่แกนเตาปฏิกรณ์ยังคงเดินหน้าต่อไป
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทางญี่ปุ่นได้ระบุความรุนแรงสำหรับหน่วยนี้ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES) เป็นระดับ 5
เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 2
สารหล่อเย็นภายในหน่วยที่ 2 ท่วมประมาณครึ่งหนึ่งของแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ ซึ่งนำไปสู่ความเชื้อหายของเชื้อเพลิง หลังจากการระเบิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ทางการญี่ปุ่นแสดงความกังวลว่า อาคารครอบเตาปฏิกรณ์อาจจะไม่ใช่ไม่เสียหายเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Nuclear and Industrial Safety Agency: NISA) รายงานเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ว่า ควันสีขาวยังคงพวยพุ่งออกจากอาคารเตาปฏิกรณ์
ความพยายามในการสูบน้ำทะเลเข้าสู่แกนเตาปฏิกรณ์ยังคงเดินหน้าต่อไป
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทางญี่ปุ่นได้ระบุความรุนแรงสำหรับหน่วยนี้ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES) เป็นระดับ 5
เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 3
สารหล่อเย็นภายในหน่วยที่ 3 ท่วมประมาณครึ่งหนึ่งของแท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ ซึ่งนำไปสู่ความเชื้อหายของเชื้อเพลิง ความดันสูงภายในอาคารครอบเตาปฏิกรณ์ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปล่อยก๊าซออกจากอาคารครอบเตาปฏิกรณ์ จากนั้นการระเบิดได้ทำลายผนังด้านนอกของอาคารเตาปฏิกรณ์ที่อยู่เหนืออาคารครอบเตาปฏิกรณ์เมื่อวันที่ 14 มี.ค.
หลังจากการระเบิดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ทางการญี่ปุ่นแสดงความกังวลว่าอาคารครอบเตาปฏิกรณ์อาจจะไม่ใช่ไม่เสียหายเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Nuclear and Industrial Safety Agency: NISA) รายงานเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ว่า ควันสีขาวยังคงพวยพุ่งออกจากอาคารเตาปฏิกรณ์
ความพยายามในการสูบน้ำทะเลเข้าสู่แกนเตาปฏิกรณ์ยังคงเดินหน้าต่อไป
ความกังวลเพิ่มเติมต่อเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 คือ สถานการณ์เลวร้ายที่บ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วในอาคาร ซึ่งมีสิ่งบ่งชี้ถึงระดับน้ำหล่อเย็นที่ไม่เพียงพอในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิง และผู้มีอำนาจสั่งการของญี่ปุ่นได้จัดการปัญหาโดยให้โปรยน้ำจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปที่อาคารโดยตรง และระดมพ่นน้ำจากรถบรรทุก
เมื่อวันที่ 18 มี.ค กองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (Japanese Self Defence Forces) ใช้รถดับเพลิง 7 คันในความพยายามฉีดน้ำลดความร้อน แต่ไม่มีข้อมูลอุณหภูมิของน้ำในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงเก่า
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทางญี่ปุ่นได้ระบุความรุนแรงสำหรับหน่วยนี้ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES) เป็นระดับ 5
เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 4
แท่งเชื้อเพลิงทั้งหมด ได้ถูกย้ายออกจากแกนปฏิกรณ์เพื่อการซ่อมบำรุงตามกำหนดก่อนจะเกิดแผ่นดินไหว และเชื้อเพลิงเหล่านั้น ถูกย้ายไปเก็บไว้ในบ่อเก็บเชื้อเพลิงเตาปฏิกรณ์ใช้แล้ว
บางส่วนของด้านนอกอาคารถูกทำลายจากแรงระเบิดของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. และมีรายงานถึงเพลิงไหม้ 2 ครั้ง โดยอาจจะรวมถึงเหตุเพลิงไหม้ 1 ครั้งในบ่อเชื้อเพลิงใช้แล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ซึ่งดับไปเองตามธรรมชาติ แม้ว่า ยังคงมีควันให้เห็นในวันที่ 18 มี.ค.ก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงกังวลต่อสถานะของเชื้อเพลิงใช้แล้ว
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ทางญี่ปุ่นได้ระบุความรุนแรงสำหรับหน่วยนี้ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES) เป็นระดับ 4
เตาปฏิกรณ์หน่วยที่ 5 และ 6
ปิดเดินเครื่องก่อนเกิดแผ่นดินไหว ไม่มีความกังวลฉับพลันทันใดต่อแกนปฏิกรณ์หรืออาคารครอบเตาปฏิกรณ์ของ 2 หน่วยนี้ อย่างไรก็ดี การใช้เครื่องมือไม้เครื่องมือจากบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงทั้ง 2 หน่วยแสดงให้เห็นอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย ทางเจ้าหน้าที่ได้ดัดแปลงใส่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังดีเซลที่หน่วยที่ 6 เพื่อให้พลังงานแก่ระบบหมุนเวียนน้ำในบ่อเก็บแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วและแกนเตาปฏิกรณ์ของหน่วยที่ 5 และ 6
คนงานได้เปิดรูบนหลังคาของอาคารเตาปฏิกรณ์ทั้งสองเพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซไฮโดรเจนที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของการระเบิดในหน่วยอื่นๆ
ติดตั้งสายไฟใหม่
มีความก้าวหน้าในการบรรลุผลเพื่อติดตั้งกำลังไฟฟ้าจากภายนอกเข้าไปยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แม้ว่าจะยังคงมีความไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่กำลังงานไฟฟ้าทั้งหมดจะใช้งานได้เมื่อไร
การอพยพ
ทางการญี่ปุ่นได้ให้ข้อมูลแก่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ว่าการอพยพประชากรจากบริเวณรอบโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ 20 กิโลเมตร ประสบความสำเร็จอย่างดี ทางการญี่ปุ่นยังแนะนำประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในรัศมี 30 กิโลเมตรของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้อยู่แต่ภายในอาคาร
ไอโอดีน
เมื่อ 16 มี.ค. คณะกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่น (Nuclear Safety Commission) แนะนำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสั่งผู้อพยพจากรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าให้กลืนกินไอโอดีนเสถียร (ไม่ใช่ไอโอดีนรังสี) ทั้งเม็ดยาและยาน้ำ (สำหรับเด็ก) ได้ถูกจัดเตรียมไว้ที่สถานอพยพแล้ว คำสั่งดังกล่าวแนะนำให้กินแค่ครั้งเดียว โดยปริมาณที่กินขึ้นอยู่กับอายุ
ดังนี้
อายุ | ปริมาณไอโอดีน |
ทารก | 12.5 มิลลิกรัม (mg) |
1 เดือน – 3 ปี | 25 มิลลิกรัม (mg) |
3 ปี - 13 ปี | 38 มิลลิกรัม (mg) |
13 ปี - 40 ปี | 76 มิลลิกรัม (mg) |
40 ปีขึ้นไป | ไม่จำเป็น |
การวัดระดับการแผ่รังสี
ระดับการแผ่รังสีใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไดอิจิและรอบนอกมีระดับสูงขึ้นนับแต่ความเสียหายของเตาปฏิกรณ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี อัตรารังสีในโตเกียวและพื้นที่อื่นนอกเขตรัศมี 30 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้า ยังห่างจากระดับที่จำเป็นต้องได้รับการป้องกันใดๆ หรืออีกความหมายหนึ่งคือระดับรังสีไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์
ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ระดับการแผ่รังสีพุ่งสูงขึ้น 3 เท่านับแต่เกิดแผ่นดินไหว แต่ได้คืนความเสถียรเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ซึ่งแม้ว่าเป็นระดับที่สูงกว่าปกติ แต่เป็นระดับที่คนงานสามารถเข้าไปทำงานในพื้นที่เพื่อพื้นคืนสภาพปกติได้