xs
xsm
sm
md
lg

ยูเอ็นเชื่อประชุมโลกร้อน “โคเปนเฮเกน” ปิดฉากสวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อีโว เดอ โบร์
ผู้นำด้านภูมิอากาศแห่งยูเอ็น มองโลกบวก เชื่อประชุมโคเปนเฮเกนว่าด้วย “โลกร้อน” เพื่อรับไม้ต่อจาก “พิธีสารเกียวโต” ปิดฉากสวย ชี้เป็นครั้งแรกที่ตัวแทนหลายชาติและผู้นำหลายประเทศมาร่วมประชุมเรื่องภูมิอากาศ ชี้จะเป็นเวที่มีความสำคัญยิ่ง

อีโว เดอ โบร์ (Yvo De Boer) เจ้าหน้าที่สูงสุดด้านภูมิอากาศของสหประชาชาติ ให้สัมภาษณ์แก่เอพี ก่อนการประชุมของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ที่มีตัวแทนจาก 192 ชาติมาร่วมประชุมกันที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ว่าความเป็นหนึ่งเดียวและการยินยอมอย่างที่มีคาดคิดมาก่อน รวมทั้งประเทศพัฒนาแล้วและชาติที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกต้องร่วมมือกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“หมดเวลาแล้ว ตลอด 2 สัปดาห์นี้เจ้าหน้าที่ทางการต้องประกาศออกไปแล้ว” เดอ โบร์กล่าว

การเงินที่ต้องใช้โดยฉับพลันหลายพันล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายรายปีอีกหลายล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี อุบัติขึ้นราวกับเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะขจัดสิ่งขัดขวางการตกลงที่ต้องหลอมรวมประชาคมโลก เพื่อวางแผนต่อสู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็ว หลายชาติจำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาล

แอฟริกาใต้กลายเป็นประเทศล่าสุด ที่ประกาศเป้าหมายในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยประกาศว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าแอฟริกาใต้จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 34% จาก “สภาพการณ์ปกติ” ซึ่งระดับจะลดต่ำกว่าสภาพการณ์ทั่วไป ทั้งนี้ก่อนปี 2568 ได้คาดการณ์ว่าระดับก๊าซเรือนจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 42% แล้วเข้าสู่ระดับคงที่ จากนั้นเริ่มต้นลดลง

“สิ่งนี้ทำให้แอฟริกาใต้ กลายเป็นดาวเด่นของกลุ่มประเทศที่เจรจาต่อรอง” กลุ่มรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมกรีนพีซให้ความเห็น

ด้านบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจจะเข้าร่วมการสรุปการประชุมซึ่งยาวนาน 2 สัปดาห์ หลังจากโทรศัพท์ให้คำปรึกษาแก่ผู้นำของประเทศต่างๆ นั้น เป็นสัญญาณว่าข้อตกลงใกล้จะได้ข้อสรุป เดิมทีเขาวางแผนที่จะหยุดชั่วโมงที่ยาวนานในเมืองหลวงของเดนมาร์กภายในอาทิตย์นี้

ผู้นำชาติต่างๆ กว่า 100 คนและรัฐบาลกล่าวว่า พวกเขาจะเข้าร่วมการสรุปในที่ประชุม 1-2 วันสุดท้าย ซึ่งจะทำให้การประชุมที่โคเปนเฮเกนนี้เป็นการประชุมที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญที่สุดในการเจรจาเรื่องสภาพอากาศ

“ไม่เคยเลยในรอบ 17 ปี ของการตกลงเรื่องภูมิอากาศที่มีชาติต่างๆ มากมายเข้าร่วมเพื่อยืนยันในเป้าหมายต่างๆ อีกมากมายร่วมกัน เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ง่ายๆ” เดอ โบร์ให้ความเห็น

บางส่วนของผู้เข้าร่วมเดินทาง ไปประชุมด้วยรถไฟที่ตกแต่งด้วยริ้วสีเขียวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการลด “รอยเท้าคาร์บอน” (carbon footprint) รถไฟ 1 ขบวนลำเลียงเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ผู้ร่วมประชุม นักรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมและสื่อมวลชน ร่วม 450 คน จากกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมไปยังกรุงโคเปนเฮเกน ขณะเดียวกันก็ยังมีรถไฟขบวนอื่นๆ จากเมืองหลวงของยุโรปอีกที่รับภารกิจเดียวกันนี้

ท่ามกลางผู้เข้าร่วมประชุมราว 15,000 คน และมีผู้นำชาติต่างๆ กว่า 100 ชาติ เจ้าหน้าที่คาดว่า จะมีผู้ออกมาต่อต้านการมาถึงกรุงโคเปนเฮเกนเพื่อประชุมเรื่องภูมิอากาศจำนวนมาก และผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องได้เตรียมเสริมกำลังการรักษาความปลอดภัย

จากการศึกษาโดยแผนงานสหประชาชาติเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมหรือยูเนป (U.N. Environment Program: UNEP) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ชี้ว่าคำสัญญาในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศอุตสาหกรรมและชาติหลักๆ ที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เสนอมานั้น ล้มเหลวเพียงเพราะขาดการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่นักวิทยาศาสตร์เห็นว่าจำเป็น

“สำหรับประเทศเหล่านั้นที่อ้างว่าสามารถต่อรองในโคเปนเฮเกนได้ พวกเขานั้นผิดพลาดอย่างง่ายๆ” อาคิม สไตเนอร์ (Achim Steiner) ผู้อำนวยการแผนงานสหประชาชาติกล่าว และได้เผยรายงานที่รวบรวมโดย ลอร์ด นิโคลัส สเติร์น (Lord Nicholas Stern) นักเศรษฐศาสตร์อังกฤษและสถาบันวิจัยแกรนแธม (Grantham Research Institute)

นักสิ่งแวดล้อมได้เตือนว่า คำสัญญาที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้น ขาดสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ของสหประชาติเตือนไว้ว่าเราจำเป็นต้องรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียส แต่คำเตือนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่บนพื้นฐานข้อตกลงจากประเทศอุตสาหกรรมเท่านั้น รายงานของสหปราชาติยังรวบคำสัญญาจากจีนและประเทศกำลังพัฒนาที่เติบโตอย่างรวดเร็วประเทศอื่นๆ ซึ่งบังเอิญอยู่ในลำดับการช่วยเหลือเรื่องเงินทุนจากประเทศร่ำรวย

ในรายงานยังระบุด้วยว่า ทุกประเทศต้องปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 4.4 หมื่นล้านตันในปี 2563 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบอันเลวร้ายที่สุดจากโลกที่กำลังร้อนขึ้น แต่เมื่อคำนวณจากการประกาศนโยบายคำสัญญาทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันพบว่าในปีนั้นจะมีการปลดปล่อยถึง 4.6 หมื่นล้านตัน ขณะที่การปลดปล่อยในปัจจุบันอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านตัน

“เรามีไม่กี่กิกะตันที่ต้องจัดการ มีช่วงห่างแคบๆ” ไตเนอร์กล่าว

สำหรับการเจรจาต่อรองเพื่อสนธิสัญญาเรื่องภูมิอากาศฉบับใหม่นี้เริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อรับช่วงต่อจาก “พิธีสารเกียวโต” (Kyoto Protocol ) เมื่อปี 2540 ซึ่งมีพันธะให้ประเทศอุตสาหกรรมลดการปลดปล่อยคาร์บนไดออกไซด์และก๊าซที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนอื่นๆ จากระดับที่ปลดปล่อยมีปี 2533 แต่ไม่ได้มีพันธสัญญากับประเทศอย่างอินเดียและจีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความขุ่นเคืองอย่างมาก และสหรัฐฯ ก็ไม่ตอบรับเข้าร่วมในพิธีสารเกียวโต

หลายเดือนของการชะงักงัน ถูกทลายลงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อจีนและอินเดียประกาศเป้าโดยสมัครใจที่จะลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นองค์ประกอบของการเติบโตทางเศรษฐกิจลง ซึ่งการปลดปล่อยจะยังคงดำเนินต่อไปแต่อยู่ในอัตราต่ำ อย่างไรก็ดีประเทศทั้งสองกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ยอมรับเป้าหมายที่ผูกมัดตามกฎหมาย ซึ่งบอกโดยนัยว่าพวกเขาไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้

ในขณะเดียวกันโอบามากล่าวว่า เขาจะให้สัญญาในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 17% จากระดับของปี 2548 ซึ่งแม้ว่าตัวเลขในการลดการปลดปล่อยนั้นจะยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภาพคองเกรส

ด้าน โจนาธาน เพอร์ชิง (Jonathan Pershing) ตัวแทนอาวุโสจากสหรัฐฯ ที่ร่วมเจรจากล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถที่จะแสดงให้เห็นความยืดหยุ่นได้ แม้ว่าจะไม่อาจเพิ่มการปลดปล่อยได้อีก การปบริหารของโอบามาจะแสดงถึงความจริงจังท่ามกลางการจัดสรรงบประมาณและการกระทำที่มีอำนาจในควบคุมของผู้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่
ถ่านหินที่วางขายในจีน (ภาพเอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น