โอบามาเลือก "ชาร์ลส โบลเดน" อดีตนักบินอวกาศผิวสีเป็น ผอ.นาซาคนใหม่ บันทึกประวัติศาสตร์ 50 ปีขององค์การอวกาศสหรัฐฯ ที่มีคนผิวสีรายแรกขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุด อีกทั้งยังนับเป็นผู้อำนวยการคนที่ 2 ขององค์กรที่เคยออกสู่อวกาศมาก่อน
ตามรายงานของสำนักข่าวเอพีและบีบีซีนิวส์ระบุว่า บารัค โอบามา (Barack Obama) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เลือก พลตรีชาร์ลส โบลเดน (Maj.Gen. Charles Bolden) อดีตนักบินอวกาศวัย 62 ปีเพื่อเป็นผู้บริหารสูงสุด ในตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) อีกทั้งยังได้เลือก ลอรี การ์เวอร์ (Lori Garver) อดีตรองผู้อำนวยการนาซาให้เป็นเบอร์ 2 ขององค์กร
หากได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว โบลเดน ซึ่งเคยบินสู่อวกาศมาแล้ว 4 ครั้งและยังเคยเป็นรักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการมาแล้วครั้งหนึ่ง จะเป็นผู้อำนวยการผิวสีคนแรกของนาซา และเขายังเป็นนักบินอวกาศคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์รอบ 50 ปีของนาซาที่รับตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร โดยริชาร์ด ทรูลี (Richard Truly) เป็นคนแรก
เมื่อปี 2547 จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ประสบความสำเร็จในการแต่งตั้งโบลเดนให้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการนาซา เนื่องจากเพนทากอน (Pentagon) เห็นว่า จำเป็นต้องเหนี่ยวรั้งโบลเดน ซึ่งเป็นทหารเรือระดับพลตรี และยังเคยบินสู้รบในเวียดนามมากกว่า 100 ครั้ง
"ชาร์ลรู้จักนาซาดี และคนทั่วไปก็รู้จักชาร์ลดีเช่นกัน มีระดับของความพึงพอใจอยู่ ในเฉพาะในช่วงของความไม่แน่นอน ที่องค์การอวกาศได้เผชิญอยู่" สตีฟ ฮาวลีย์ (Steve Hawley) นักบินอวกาศวัยเกษียณ ซึ่งเคยบินขึ้นไปในอวกาศร่วมกับโบลเดน 2 ครั้งกล่าว
ทางด้าน จอร์จ แอบบีย์ (George Abbey) อดีตผู้อำนวยการศูนย์อวกาศจอห์นสัน (Johnson Space Center Director) ของนาซา ซึ่งเป็นเพื่อนกับโบลเดนมายาวนาน กล่าวว่า ดูเหมือนโบลเดนจะนำความสมดุลมาสู่นาซา ซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นในภารกิจด้านการบินและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังทำงานร่วมกับชาติอื่นๆ มากขึ้น ทางด้านอวกาศ รวมทั้งให้ความสำคัญทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานนาธิบดีพูดถึงบ่อยครั้ง
"เขาคือผู้นำตัวจริง นาซามองหาผู้นำอย่างนี้ซึ่งองค์กรสามารถที่จะไว้ใจได้" แอบบีกล่าว
การรับตำแหน่งของโบลเดนนั้น เข้ามาในช่วงปลายทางภารกิจของกระสวยอวกาศแอตแลนติส (Atlantis) ในการซ่อมแซมกล้องโทรทรรศน์อกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเขาเองเป็นนักบินในเที่ยวที่ส่งกล้องฮับเบิลขึ้นสู่วงโคจรเมื่อปี 2533 ตั้งแต่เข้ามาเป็นนักบินอวกาศเมื่อปี 2523
แอบบีย์ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้นาซากำลังเผชิญกับความระส่ำระส่าย โดยอดีตประธานาธิบดีบุชได้แสดงท่าที ในการกำหนดแผนปลดระวางกระสวยอวกาศในปลายปีหน้า และกำหนดแผนส่งคนกลับไปเยือนดวงจันทร์ จากนั้นมุ่งหน้าสู่ดาวอังคารด้วยจรวดและยานแคปซูลที่ยืมมาจากโครงการอะพอลโล (Apollo) ที่ก่อตั้งมาได้ราว 50 ปีแล้ว
ยานอวกาศที่จะมาทดแทนกระสวยอวกาศนั้น จะยังไม่พร้อมจนกว่าจะถึงปี พ.ศ.2558 ดังนั้นในช่วง 5 ปีของสุญญากาศนั้น ชาวอเมริกันมีหนทางเดียวที่จะเดินทางสู่อวกาศได้ นั่นคือโดยสารยานอวกาศของรัสเซีย ขณะเดียวกันนาซาก็ยังเผชิญกับความไม่มั่นคงจากโครงการวิทยาศาสตร์ใหญ่ๆ บางโครงการ ที่มีค่าใช้จ่ายเกินงบประมาณ
ทางด้านโบลเดนเอง ไม่ให้ความเห็นใดจนกว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ภรรยาของเขาได้ให้เงินปริจาคเพื่อรณรงค์หาเสียงแก่โอบามาประมาณ 26,250 บาท ส่วนเขาเป็นนักบินอวกาศและทำงานอยู่ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน (Johnson Space Center) ของนาซาในฮุสตันประมาณ 10 ปี ตอนนี้เขาก็อาศัยอยู่ไม่ไกลจากศูนย์อวกาศเท่าไหร่นัก และมีบริษัทให้คำปรึกษาในเมืองนี้ด้วย โดยเขานั่งแท่นเป็นกรรมการบริษัท
ส่วน ดร.ไมเคิล กริฟฟิน (Dr.Michael Griffin) อดีตผู้อำนวยการนาซาที่เพิ่งลาตำแหน่งไปหมาดๆ นั้น บีบีซีนิวส์ระบุว่า เขาได้เข้าทำงานตำแหน่งศาสตราจารย์ทางด้านการบินอวกาศและวิศวกรรมเครื่องกล ที่มหาวิทยาลัยอะลาบามาในฮันท์สวิลล์ (University of Alabama in Huntsville) ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา.