ปราชญ์ Pliny ผู้เคยมีชีวิตเมื่อ 2,000 ปีก่อน ชอบอ่านหนังสือมาก ถึงขนาดเวลากินอาหารหรืออาบน้ำ ก็จะให้เลขานุการส่วนตัวอ่านตำรากรีกและละตินให้ฟัง หรือเวลาเดินทางไปตามถนนในโรม Pliny ก็จะนั่งเสลี่ยงให้ทาสยกเดิน เพื่อตนจะได้อ่านและรู้ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง การรู้มากและอ่านมากเยี่ยงนี้ทำให้ Pliny มีผลงานเขียนสารานุกรม Historia Naturalis มากถึง 37 เล่ม
แต่ Pliny มิได้รู้ว่า ความรู้ต่างๆ ในสมัยนั้นหาได้มาจากหนังสือเพียงแหล่งเดียว เพราะในความเป็นจริงชาวโรมันยุคนั้นนิยมเขียนข้อความเกี่ยวกับความรู้ ความรู้สึก ความฝัน การเมือง การศาสนา ชีวิต ฯลฯ ลงบนสิ่งก่อสร้าง หรือผนังอาคารสถานที่ต่างๆ แม้กระทั่งผนังถ้ำหรือป้ายหลุมฝังศพ การได้อ่านกราฟิตี graffiti (เอกพจน์คือ graffito) ซึ่งหมายถึงข้อความหรือภาพวาดที่เขียนตามผนังอาคาร หรือผนังสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันเรืองอำนาจได้ทำให้นักประวัติศาสตร์ปัจจุบันรู้ข้อมูลและเข้าใจวิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมของผู้คนในช่วงเวลานั้นได้ดี เช่น รู้นิสัยชอบเล่นการพนัน วิธีแจ้งข่าวเกิด เล่าเนื้อหาละคร วิธีบอกรัก ประเพณีการถวายตัวต่อพระเจ้า การบอกข่าวมรณกรรม คำคม และคำสอนต่างๆ
การเห็นข้อมูลที่หลากหลายและมากมาย เช่นนี้ ได้ชักนำให้สถาบัน Berlin-Brandenburg Academy of Sciences and Humanities รวบรวมหลักฐานต่างๆ มาได้ประมาณ 180,000 ชิ้น เพื่อบันทึกลงใน Corpus Inscriptionum Latinarum
ความจริง ความคิดที่จะสร้าง Corpus ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2396 (รัชสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เมื่อ Theodor Monmsen นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันได้ศึกษาสิ่งปรักหักพังที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ และอาคารโบราณต่างๆ หรือแม้แต่ห้องน้ำและห้องส้วม แล้วก็ได้พบว่า ข้อความที่เห็นนั้นบอกภาพชีวิตประจำวันของชาวโรมัน เช่น บรรยายว่า ถนนหนทางในโรมมักเนืองแน่นด้วยผู้คน ตลาดในเมืองมีเสียงเอ็ดตะโรลั่นยิ่งกว่าตลาดหัวเมือง ชาวบ้านมีความสุขด้วยการดื่มเหล้าองุ่น และคนโรมันชอบกีฬา โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างกลาเดียเตอร์ (gladiator) ซึ่งมักจะมีการพนันควบคู่ไปด้วย
ในระหว่างคนดูว่า ใครจะไป ใครจะรอด กราฟิตียังบรรยายต่ออีกว่า กลาเดียเตอร์ที่ชนะจะเป็นที่หมายปองของสตรีที่มีฐานะดี ทั้งๆ ที่กลาเดียเตอร์เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นทาส ที่ถูกบังคับให้ต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง เพื่อให้คนดูสนุกสนาน และเวลากลาเดียเตอร์ล้มตาย คนดูรอบสนามจะไม่รู้สึกยี่หระอะไร เพราะถือว่า การตายในสนามเป็นเกียรติสูงสุด สำหรับมนุษย์ นอกจากนี้ ตามกำแพงสนามต่อสู้ มักมีข้อความบอกโปรแกรมและลำดับการต่อสู้ รวมถึงการบอกชื่อคนต่อสู้และประวัติการต่อสู้ด้วย
เมื่อถึงวันต่อสู้ใน Colosseum คนดูจะแน่นสนาม ทุกคนมีตั๋วเลขที่นั่ง ขณะคอยการต่อสู้ คนดูจะกินขนมปังที่ซื้อจากร้านนอกสนาม และเมื่อการต่อสู้เริ่ม เสียงโห่ร้องจากคนดูจะยุให้กลาเดียเตอร์ฆ่ากันให้ตาย เมื่อจบเกมสังหาร จะมีคนขนศพกลาเดียเตอร์ที่ถูกฆ่าออกจากสนามไปที่สุสาน แล้วเจ้าหน้าที่จะใช้ดาบแทงคอเพื่อให้แน่ใจว่า คนคนนั้นตายจริง แล้วญาติก็นำศพไปฝังสถิติการต่อสู้ระบุว่า กลาเดียเตอร์คนหนึ่งจะสู้กับคนอื่นได้ไม่เกิน 10 ครั้ง ก็จะถูกแทงตาย และอายุเฉลี่ยของกลาเดียเตอร์มักไม่เกิน 27 ปี (อ่านต่ออังคารหน้า)
สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.