ทัพบกจับพิรุธคลิป “ส.ส.เพื่อแม้ว” เบิ้ลภาพทหารเตะม็อบหวังให้ดูรุนแรง ยันชายดึงผมสาวเสื้อแดงเป็นนักข่าว ด้าน พ.ท.ถูกอ้างชื่อเตรียมปรึกษาทหารพระธรรมนูญ แต่อาจไม่ฟ้อง ซัด “วรวัจน์” จัดฉากสัมภาษณ์เสื้อแดงอ้างรอดตายหลังถูกจับโยนขึ้นรถขนศพ ระบุเล่าอย่างไรก็ได้ขอให้ จนท.เสียหาย พร้อมโต้เชือกมัดศพ 2 รปภ.เป็นเชือกไต่เขาที่หาซื้อได้ทั่วไป ไม่ใช่เชือกทหาร สุดงงเคยชี้แจงเรื่องทั้งหมดกับ กมธ.แล้วแต่ยังเอามาพูด
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์นายเติมศักดิ์ จารุปราณ และนางสาวอุษณีย์ เอกอุษณีย์ ทางรายการ News Hour ของเอเอสทีวี เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 23 เม.ย.ว่า กรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นำวิดีโอคลิปเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งมีภาพทหารเตะผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงแล้วนำเชือกมัดมือไพล่หลังไปแถลงข่าวนั้น สถานการณ์วันที่มีการสลายการชุมนุมเพื่อจัดระเบียบพื้นที่เพื่อเปิดการจราจรและเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงนั้น ทางฝ่ายผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธกระสุนยิงเจ้าหน้าที่หลายคนได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงที่ขา กระดูกสะบ้าแตก และมีระเบิดเพลิง มีการใช้รถแท็กซี่ รถเมล์ พุ่งเข้าชน ถ้าเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ก็จะรู้ว่าการเข้าไปสลายการชุมนุมนั้นไม่ใช่การไปจับคนเล่นไพ่ที่จะจับได้โดยละมุนละม่อม แต่โอกาสการกระทบกระทั่งมีสูง
อย่างไรก็ตาม การกระทบกระทั่งนั้นต้องมองว่าเกินระดับที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าพิจารณาประกอบสถานการณ์แล้วพอจะรับได้ก็ต้องว่ากันไป อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อจบเหตุการณ์แล้ว กองทัพบกจะขอภาพจากสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และภาพของเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นชุดคอมแบต คาเมรา ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพในหลายๆ มุม เอามาดูว่าตรงไหนที่เกินจะรับได้ จำเป็นต้องปรับแก้ไขก็ต้องทำ เพื่อเป็นบทเรียนในการปฏิบัติภารกิจ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า อย่างกรณีภาพที่ ส.ส.นำมาเปิดนั้นมีข้อสังเกตว่า บางส่วนของภาพเหมือนกับการเล่นซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งดูออก เพราะว่ายกมือเอียงขนาดไหน พอทำซ้ำใหม่ก็เอียงขนาดนั้น ขายกไปตรงไหนก็ยกไปตรงนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นจะเป็นวินาทีที่ 31 ถึง 36 มีการเติมภาพเข้าไปเพื่อเกิดความรู้สึกว่าทหารทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมทำอยู่ได้
โฆษกกองทัพบกล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าอาจมีความรุนแรงบ้าง เพราะสถานการณ์ตึงเครียดและผู้ชุมนุมก็มีอาวุธ แต่ทางกองทัพก็ไม่ได้ปล่อยผ่านแล้วผ่านเลย จะเป็นบทเรียนของการปฏิบัติงาน ต้องว่ากล่าวตักเตือน ต้องลงโทษและแก้ไข
พ.อ.สรรเสริญรับประกันได้ว่า เหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดงไม่มีผู้สูญหายหรือเสียชีวิตตามที่ฝ่ายผู้ชุมนุมกล่าวอ้าง ทั้งนี้ เพราะไม่มีผู้ชุมนุมไปชุมนุมในที่ลับตา เนื่องจากต้องการให้เป็นข่าว ดังนั้น พื้นที่การชุมนุมจึงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึง มีทั้งทหาร ผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าว ถ้าการปฏิบัติภารกิจแล้วมีคนล้มเป็นใบไม้ร่วงตาย ผู้สื่อข่าวก็ต้องเห็น ยกตัวอย่างในภาคใต้ ทหารถูกฆ่าเสียชีวิต เราไม่อยากให้เปิดเผยภาพก็ยังมีภาพเล็ดลอดออกมา นับประสาอะไรกับเหตุการณ์ที่มีผู้สื่อข่าวอยู่โดยรอบ บางช่องถ่ายทอดสดด้วยซ้ำ และยืนยันว่าเราทำตามนโยบายรัฐบาลที่ให้มา ทำอย่างไรก็ได้เพื่อประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้มีความรุนแรง ไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
โฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า ในการใช้อาวุธกระสุนของทหารนั้นไม่ได้แปลว่าทหารทุกคนจะมีกระสุนทุกชนิด แต่มีมาตรการกำหนดลงไปเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ คนที่มีกระสุนจริงจะมีเฉพาะนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารชั้นประทวนที่เป็นระดับนายสิบอาวุโส ส่วนพลทหารกองประจำการ หรือนายสิบที่อาวุโสเด็กๆ จะให้กระสุนแบลงก์ หรือ กระสุนซ้อมรบ ที่ยิงออกไปแล้วไม่มีหัวกระสุน ไม่มีใครได้รับอันตราย เราถือหลักว่าจะไม่ให้มีผู้ใดได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเด็ดขาด
ส่วนกรณีที่ภาพผู้ชายเสื้อเขียวจิกผมผู้หญิงที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นทหารชื่อ พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก พ.ท.เกรียงศักดิ์ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุว่ามีการนำภาพไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ตและลงชื่อของเขา พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ มีคนโทร.ไปตำหนิจำนวนมาก และต้องนั่งอธิบายให้ฟังจนกระทั่งต้องปิดโทรศัพท์
พ.อ.สรรเสริญระบุว่า เหตุการณ์วันนั้นผู้หญิง 2 คนมีเรื่องด่าทอโต้เถียงกับสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่ใส่เสื้อยืดสีเขียว แต่มีบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว มีกล้องถ่ายภาพ ซึ่งภาพนี้มีคลิปวิดีโอที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นำไปเปิดในสภาแล้ว ผู้สื่อข่าวคนนั้นอาจจะระงับอารมณ์ไม่ไหว เนื่องจากผู้หญิงพูดรุนแรงและถ่มน้ำลายใส่ จึงจิกหัวผู้หญิงและลากไปใกล้แถวทหาร ทันทีที่ตั้งหลักได้ทหารก็เข้าไปแยกและตะโกนบอกอย่าทำร้ายผู้หญิงและแยกออกจากกัน ซึ่งในที่เกิดเหตุ พ.ท.เกรียงศักดิ์เข้าไปห้ามด้วย โดยอยู่ในชุดพราง ควบคุมแถวทหารอยู่
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า การอ้างชื่อคนหนึ่งว่าเป็นอีกคนหนึ่งนั้นมันตรวจสอบได้จากภาพถ่ายว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะทุกคนมีบัตรประจำตัว ขณะนี้กำลังหารือกับ พ.ท.นายนั้น หลังจากได้ปรึกษานายทหารพระธรรมนูญแล้ว แต่จะเรียนสอบถามนโยบายจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับการฟ้องร้องนั้นคงจะฟังนโยบายผู้บังคับบัญชา เพราะทหารเราไม่ต้องการทับถมว่าใครแพ้ใครชนะ ไม่ต้องการไล่ให้จนกระดาน แต่อยากให้บ้านเมืองสงบ ตรงไหนพอจะกัดฟันทนได้ ก็คิดเสียว่าคงเป็นช่วงเวลาที่เขาอาจได้ข้อมูลไม่ครบ อาจมีเวลานำเสนอน้อย และทำให้เข้าใจผิด ซึ่งก็ต้องชี้แจงกันไป
ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์เผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์ของคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจากจังหวัดบุรีรัมย์ที่ถูกทหารจับโยนขึ้นรถและตื่นขึ้นมาพบซากศพเต็มไปหมด ก่อนหนีลงจากรถมาได้นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ฟังแล้วก็งง ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร เพราะว่าถ้าเล่าเรื่องอะไร เล่าไปเรื่อยโดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน มันก็สร้างความเสียหายให้แก่หน่วยงาน ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพราะจะเล่าอย่างไรก็ได้ แต่ว่าข้อเท็จจริงมันอยู่ตรงไหน
“มันจะเป็นไปได้ยังไงจัดรถที่จะไปส่งคน หลังจากที่เขาประกาศสลายการชุมนุมเอง เรามีรายชื่อเลยว่าใครขึ้นรถบ้าง ขึ้นรถคันไหน และไปส่งที่ไหน จะไปไล่ส่งตามบ้านทีละคนคงเป็นไปไม่ได้ ก็ส่งจุดใหญ่ๆ แล้วก็ขนศพขึ้นบนรถนี่ ไม่มีผู้สื่อข่าวคนไหนเลยที่ถ่ายภาพศพทั้งหลายได้” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ส่วนกรณีพนักงาน รปภ.เสียชีวิตเป็นศพลอยแม่น้ำเจ้าพระยาและอ้างว่าเชือกมัดมือเป็นเชือกที่ใช้เฉพาะในวงการทหารนั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เชือกที่ใช้นั้นเรียกว่าเชือก ฟาสต์โรป เป็นเชือกที่ใช้สำหรับปีนเขาไต่เขา ซึ่งปัจจุบันกีฬาปีนเขาไต่เขามีการเล่นกันแทบจะทุกที่ มีตามร้านขายเครื่องกีฬาทั่วไป ไม่ใช่อุปกรณ์เฉพาะสำหรับกองทัพแต่อย่างใด ถ้าถามว่ากองทัพมีใช้หรือไม่ ก็มี แต่จะไม่ซื้อสีฟ้า (ตามที่ใช้มัดศพ) มีแต่สีเขียวและสีดำ
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ในทุกกรณีที่มีการชี้แจงกรรมาธิการของสภาหลายๆ คณะแล้ว โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงมาตลอด แต่เท่าที่พิจารณาดู มีความรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่ท่านสงสัยและเอาข้อมูลจากเราไป ท่านไม่เคยเอามาเผยแพร่เลย ท่านก็เอามาเผยแพร่เฉพาะความสงสัยของท่านแต่แรกเริ่ม เสมือนหนึ่งว่าไม่เคยได้รับการชี้แจงจากเราเลย จึงทำให้คนฟังรู้สึกว่าทหารไม่โปร่งใส ทั้งที่เราสามารถชี้แจงได้ในทุกกรณี ตรวจสอบได้ทุกกรณี ไม่มีเรื่องไหนในโลกที่ตรวจสอบไม่ได้
กรณีที่พรรคฝ่ายค้านเอาความจริงครึ่งเดียวไปพูดในสภาและถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศ จะทำให้ทหารหนักใจหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ทุกเรื่องเราชี้แจงได้ เพราะส่วนหนึ่ง กองทัพเรามีผู้ที่จัดเตรียมข้อมูล อะไรที่เกี่ยวข้องกับกองทัพก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้คนที่เกี่ยวข้องทำไปชี้แจง ถ้ามีโอกาส จะเป็นตนเอง ผู้บัญชาการทหารบก เลขานุการกองทัพบกก็สามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้ เพราะทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี
ภาพวิดีโอคลิปที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นำไปเปิดขณะแถลงข่าว โปรดสังเกตนาที่ 2:33 ที่มีการเล่นภาพซ้ำหลายครั้ง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์นายเติมศักดิ์ จารุปราณ และนางสาวอุษณีย์ เอกอุษณีย์ ทางรายการ News Hour ของเอเอสทีวี เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 23 เม.ย.ว่า กรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นำวิดีโอคลิปเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งมีภาพทหารเตะผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงแล้วนำเชือกมัดมือไพล่หลังไปแถลงข่าวนั้น สถานการณ์วันที่มีการสลายการชุมนุมเพื่อจัดระเบียบพื้นที่เพื่อเปิดการจราจรและเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงนั้น ทางฝ่ายผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธกระสุนยิงเจ้าหน้าที่หลายคนได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงที่ขา กระดูกสะบ้าแตก และมีระเบิดเพลิง มีการใช้รถแท็กซี่ รถเมล์ พุ่งเข้าชน ถ้าเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ก็จะรู้ว่าการเข้าไปสลายการชุมนุมนั้นไม่ใช่การไปจับคนเล่นไพ่ที่จะจับได้โดยละมุนละม่อม แต่โอกาสการกระทบกระทั่งมีสูง
อย่างไรก็ตาม การกระทบกระทั่งนั้นต้องมองว่าเกินระดับที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าพิจารณาประกอบสถานการณ์แล้วพอจะรับได้ก็ต้องว่ากันไป อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อจบเหตุการณ์แล้ว กองทัพบกจะขอภาพจากสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และภาพของเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นชุดคอมแบต คาเมรา ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อถ่ายภาพในหลายๆ มุม เอามาดูว่าตรงไหนที่เกินจะรับได้ จำเป็นต้องปรับแก้ไขก็ต้องทำ เพื่อเป็นบทเรียนในการปฏิบัติภารกิจ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า อย่างกรณีภาพที่ ส.ส.นำมาเปิดนั้นมีข้อสังเกตว่า บางส่วนของภาพเหมือนกับการเล่นซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งดูออก เพราะว่ายกมือเอียงขนาดไหน พอทำซ้ำใหม่ก็เอียงขนาดนั้น ขายกไปตรงไหนก็ยกไปตรงนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นจะเป็นวินาทีที่ 31 ถึง 36 มีการเติมภาพเข้าไปเพื่อเกิดความรู้สึกว่าทหารทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำไมทำอยู่ได้
โฆษกกองทัพบกล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าอาจมีความรุนแรงบ้าง เพราะสถานการณ์ตึงเครียดและผู้ชุมนุมก็มีอาวุธ แต่ทางกองทัพก็ไม่ได้ปล่อยผ่านแล้วผ่านเลย จะเป็นบทเรียนของการปฏิบัติงาน ต้องว่ากล่าวตักเตือน ต้องลงโทษและแก้ไข
พ.อ.สรรเสริญรับประกันได้ว่า เหตุการณ์ที่สามเหลี่ยมดินแดงไม่มีผู้สูญหายหรือเสียชีวิตตามที่ฝ่ายผู้ชุมนุมกล่าวอ้าง ทั้งนี้ เพราะไม่มีผู้ชุมนุมไปชุมนุมในที่ลับตา เนื่องจากต้องการให้เป็นข่าว ดังนั้น พื้นที่การชุมนุมจึงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึง มีทั้งทหาร ผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าว ถ้าการปฏิบัติภารกิจแล้วมีคนล้มเป็นใบไม้ร่วงตาย ผู้สื่อข่าวก็ต้องเห็น ยกตัวอย่างในภาคใต้ ทหารถูกฆ่าเสียชีวิต เราไม่อยากให้เปิดเผยภาพก็ยังมีภาพเล็ดลอดออกมา นับประสาอะไรกับเหตุการณ์ที่มีผู้สื่อข่าวอยู่โดยรอบ บางช่องถ่ายทอดสดด้วยซ้ำ และยืนยันว่าเราทำตามนโยบายรัฐบาลที่ให้มา ทำอย่างไรก็ได้เพื่อประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้มีความรุนแรง ไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
โฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า ในการใช้อาวุธกระสุนของทหารนั้นไม่ได้แปลว่าทหารทุกคนจะมีกระสุนทุกชนิด แต่มีมาตรการกำหนดลงไปเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ คนที่มีกระสุนจริงจะมีเฉพาะนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารชั้นประทวนที่เป็นระดับนายสิบอาวุโส ส่วนพลทหารกองประจำการ หรือนายสิบที่อาวุโสเด็กๆ จะให้กระสุนแบลงก์ หรือ กระสุนซ้อมรบ ที่ยิงออกไปแล้วไม่มีหัวกระสุน ไม่มีใครได้รับอันตราย เราถือหลักว่าจะไม่ให้มีผู้ใดได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเด็ดขาด
ส่วนกรณีที่ภาพผู้ชายเสื้อเขียวจิกผมผู้หญิงที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นทหารชื่อ พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก พ.ท.เกรียงศักดิ์ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เกิดเหตุว่ามีการนำภาพไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ตและลงชื่อของเขา พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ มีคนโทร.ไปตำหนิจำนวนมาก และต้องนั่งอธิบายให้ฟังจนกระทั่งต้องปิดโทรศัพท์
พ.อ.สรรเสริญระบุว่า เหตุการณ์วันนั้นผู้หญิง 2 คนมีเรื่องด่าทอโต้เถียงกับสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่ใส่เสื้อยืดสีเขียว แต่มีบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว มีกล้องถ่ายภาพ ซึ่งภาพนี้มีคลิปวิดีโอที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นำไปเปิดในสภาแล้ว ผู้สื่อข่าวคนนั้นอาจจะระงับอารมณ์ไม่ไหว เนื่องจากผู้หญิงพูดรุนแรงและถ่มน้ำลายใส่ จึงจิกหัวผู้หญิงและลากไปใกล้แถวทหาร ทันทีที่ตั้งหลักได้ทหารก็เข้าไปแยกและตะโกนบอกอย่าทำร้ายผู้หญิงและแยกออกจากกัน ซึ่งในที่เกิดเหตุ พ.ท.เกรียงศักดิ์เข้าไปห้ามด้วย โดยอยู่ในชุดพราง ควบคุมแถวทหารอยู่
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า การอ้างชื่อคนหนึ่งว่าเป็นอีกคนหนึ่งนั้นมันตรวจสอบได้จากภาพถ่ายว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะทุกคนมีบัตรประจำตัว ขณะนี้กำลังหารือกับ พ.ท.นายนั้น หลังจากได้ปรึกษานายทหารพระธรรมนูญแล้ว แต่จะเรียนสอบถามนโยบายจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับการฟ้องร้องนั้นคงจะฟังนโยบายผู้บังคับบัญชา เพราะทหารเราไม่ต้องการทับถมว่าใครแพ้ใครชนะ ไม่ต้องการไล่ให้จนกระดาน แต่อยากให้บ้านเมืองสงบ ตรงไหนพอจะกัดฟันทนได้ ก็คิดเสียว่าคงเป็นช่วงเวลาที่เขาอาจได้ข้อมูลไม่ครบ อาจมีเวลานำเสนอน้อย และทำให้เข้าใจผิด ซึ่งก็ต้องชี้แจงกันไป
ส่วนกรณีที่นายวรวัจน์เผยแพร่คลิปการให้สัมภาษณ์ของคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจากจังหวัดบุรีรัมย์ที่ถูกทหารจับโยนขึ้นรถและตื่นขึ้นมาพบซากศพเต็มไปหมด ก่อนหนีลงจากรถมาได้นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ฟังแล้วก็งง ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร เพราะว่าถ้าเล่าเรื่องอะไร เล่าไปเรื่อยโดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน มันก็สร้างความเสียหายให้แก่หน่วยงาน ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพราะจะเล่าอย่างไรก็ได้ แต่ว่าข้อเท็จจริงมันอยู่ตรงไหน
“มันจะเป็นไปได้ยังไงจัดรถที่จะไปส่งคน หลังจากที่เขาประกาศสลายการชุมนุมเอง เรามีรายชื่อเลยว่าใครขึ้นรถบ้าง ขึ้นรถคันไหน และไปส่งที่ไหน จะไปไล่ส่งตามบ้านทีละคนคงเป็นไปไม่ได้ ก็ส่งจุดใหญ่ๆ แล้วก็ขนศพขึ้นบนรถนี่ ไม่มีผู้สื่อข่าวคนไหนเลยที่ถ่ายภาพศพทั้งหลายได้” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ส่วนกรณีพนักงาน รปภ.เสียชีวิตเป็นศพลอยแม่น้ำเจ้าพระยาและอ้างว่าเชือกมัดมือเป็นเชือกที่ใช้เฉพาะในวงการทหารนั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เชือกที่ใช้นั้นเรียกว่าเชือก ฟาสต์โรป เป็นเชือกที่ใช้สำหรับปีนเขาไต่เขา ซึ่งปัจจุบันกีฬาปีนเขาไต่เขามีการเล่นกันแทบจะทุกที่ มีตามร้านขายเครื่องกีฬาทั่วไป ไม่ใช่อุปกรณ์เฉพาะสำหรับกองทัพแต่อย่างใด ถ้าถามว่ากองทัพมีใช้หรือไม่ ก็มี แต่จะไม่ซื้อสีฟ้า (ตามที่ใช้มัดศพ) มีแต่สีเขียวและสีดำ
โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ในทุกกรณีที่มีการชี้แจงกรรมาธิการของสภาหลายๆ คณะแล้ว โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงมาตลอด แต่เท่าที่พิจารณาดู มีความรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่ท่านสงสัยและเอาข้อมูลจากเราไป ท่านไม่เคยเอามาเผยแพร่เลย ท่านก็เอามาเผยแพร่เฉพาะความสงสัยของท่านแต่แรกเริ่ม เสมือนหนึ่งว่าไม่เคยได้รับการชี้แจงจากเราเลย จึงทำให้คนฟังรู้สึกว่าทหารไม่โปร่งใส ทั้งที่เราสามารถชี้แจงได้ในทุกกรณี ตรวจสอบได้ทุกกรณี ไม่มีเรื่องไหนในโลกที่ตรวจสอบไม่ได้
กรณีที่พรรคฝ่ายค้านเอาความจริงครึ่งเดียวไปพูดในสภาและถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศ จะทำให้ทหารหนักใจหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ทุกเรื่องเราชี้แจงได้ เพราะส่วนหนึ่ง กองทัพเรามีผู้ที่จัดเตรียมข้อมูล อะไรที่เกี่ยวข้องกับกองทัพก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้คนที่เกี่ยวข้องทำไปชี้แจง ถ้ามีโอกาส จะเป็นตนเอง ผู้บัญชาการทหารบก เลขานุการกองทัพบกก็สามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้ เพราะทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี
ภาพวิดีโอคลิปที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นำไปเปิดขณะแถลงข่าว โปรดสังเกตนาที่ 2:33 ที่มีการเล่นภาพซ้ำหลายครั้ง