"วิกฤติโลกร้อน" เป็นเรื่องจริงหรือแค่ตื่นตูม คำถามที่ "ชัยวัฒน์ คุประตกุล” สวมวิญญาณนักสืบ ร่างนักวิทยาศาสตร์ ไขคำตอบผ่านหนังสือ เปรียบโลกเป็นเหมือนยานอวกาศ ตั้งเป้าหมายสำรวจ-ตรวจสอบ ภาวะโลกร้อนเป็นวิกฤตรุนแรงแค่ไหน
ย้อนภาพกลับไปเมื่อ 40 ปีมาแล้วยานอวกาศอะพอลโลได้นำมนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์ พร้อมรอยเท้าของ นีล อาร์มสตรอง (Niel Armstrong) ที่ประทับอยู่ในความทรงจำของผู้มีโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่สำหรับ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล เขามองว่า ภาพของโลกที่ลอยในอวกาศและปรากฏต่อสายตาของมนุษย์อวกาศ ที่เดินทางออกไปนอกโลกในครั้งนั้น คือสิ่งที่น่าประทับใจและชวนตื่นเต้นที่สุด และโลกก็เปรียบเหมือนยานอวกาศ แห่งระบบสุริยะที่นำผู้โดยสารเป็นมนุษย์กว่า 6 พันล้านคนเดินทางไปรอบดวงอาทิตย์
หนังสือเล่มใหม่ของ "ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล” เรื่อง "วิกฤติโลกร้อน เรื่องจริงหรือตื่นตูม” เป็นหนังสือที่เขาบอกกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ได้รับติดต่อจากกลุ่มบริษัททีม ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาและผู้ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานให้เขียน โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือกึ่งวิชาการที่อ่านไม่ยาก แต่สามารถอ้างอิงได้
อย่างไรก็ตาม ดร.ชัยวัฒน์ระบุไว้ในหนังสือว่า โลกจะหมดสภาพการเป็นดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อชีวิตมนุษย์อยู่ดี เพราะอีก 5,000 ล้านปี ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนสภาพจากดาวแคระเหลืองอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กลายเป็นดาวยักษ์แดง และขยายขนาดกลืนกินโลกเข้าไปเป้นส่วนหนึ่ง ก่อนที่จะหดตัวเปลี่ยนสภาพไปเป็นดาวแคระขาว แต่ระยะเวลาดังกลาวก็ยาวนานเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะกังวล แต่มนุษย์ในปัจจุบันก็กำลังเผชิญกับสภาพการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือตัดความรับผิดชอบได้
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของหนังสือเล่มนี้คือ กลุ่มคนที่สามารถแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้ และเนื้อหาในหนังสือมีเป้าหมายที่จะชี้ให้เห็นว่าผลกระทบต่อโลกและสถานการณ์ขณะนี้เข้าขั้นภาวะโลกร้อนหรือยัง แล้วสรุปได้หรือไม่ว่ารุนแรงเข้าขั้นวิกฤติแล้ว
“หนังสือจะเสนอ อย่างแรกสิ่งที่ต้องทำ อาทิ ประหยัดพลังงาน ลดใช้ทรัพยากร และใครเป็นผู้ที่ต้องลงมือ ภาพรวมของหนังสือก็จะบอกว่าโลกร้อนคืออะไร วิกฤตหรือยัง แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง โดยวิธีเขียน ผมจะทำตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักสืบเข้าไปค้นหาคำตอบ" ดร.ชัยวัฒน์กล่าว
เราอาจอยากรู้คำตอบว่าแท้จริงแล้วโลกร้อนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่สิ่งที่เราตื่นตูม ซึ่ง ดร.ชัยวัฒน์ได้สรุปว่า ขณะนี้ยังไม่สายเกินแก้ที่เราจะแก้ไขหรือลดความรุนแรงของภาวะโลกร้อนได้ พร้อมทิ้งท้ายด้วยคำพูดของ โจนาส ซอลก์ (Jonas Salk) ผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอว่า "ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา คือ การเป็นบรรพบุรุษที่ดี”
ทั้งนี้ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมการเปิดตัวหนังสือของ ดร.ชัยวัฒน์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.51 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าวการจัดงานสัมมนา "Climate Change : Call for Action”
ในส่วนของงานสัมมนา "Climate Change : Call for Action” จะมีขึ้นในวันที่ 13 พ.ย.51 เวลา 9.00-12.00 น. ณ หอประชุุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และฝ่ายจัดงานยังเตรียมหนังสือวิกฤติโลกร้อน เรื่องจริงหรือตื่นตูมนี้ ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย
ดร.ประเสริฐ ภัทรชัย ประธานกรรมการกลุ่มบริษัททีม กล่าวภายในงานแถลงข่าวถึงการจัดงานดังกล่าวว่า เป็นการฉลองครบ 30 ปีของกลุ่มบริษัท โดยมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และธนาคารพัฒนาเอเชียหรือเอดีบีเป็นผู้สนับสนุนร่วม ซึ่งประเด็นในการจัดงาน
นอกจากจะเน้นให้คนไทยเข้าใจว่า โลกร้อนเกิดขึ้นได้อย่างไรและสร้างความตระหนักในการแก้ปัญหาแล้ว ยังให้ความสำคัญกับเรื่องกลไกการพัฒนาที่สะอาดหรือซีดีเอ็ม (Clean Development Mechanism: CDM) ด้วย
“เรื่องซีดีเอ็มเป็นกลไกจูงใจ เพื่อพัฒนาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความสำคัญคือประเทศกำลังพัฒนาที่ทำโครงการซึ่งลดก๊าซเรือนกระจกได้นั้น จะสามารถทำซีดีเอ็มเพื่อซื้อขายกันได้ตามพิธีสารเกียวโต นับว่าเป็นประโยชน์กับนักลงทุนไทยและประเทศชาติ" ดร.ประเสริฐกล่าว และเผยด้วยว่าภายในงานได้เชิญวิทยากรจากต่างชาติเข้าร่วม อาทิ จากธนาคารพัฒนาเอเชีย ธนาคารโลก สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น
ด้าน ดร.ฌอง-ปิแอร์ เวอร์บิสท์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย ประจำประเทศไทย ซึ่งเข้าร่วมแถลงข่าวด้วย กล่าวว่า การสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนในส่วนของเอดีบีนั้น มีการสนับสนุนทางด้านวิชาการ โดยการสนับสนุนภาคเอกชนด้วยการแนะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ในส่วนของไทย เอดีบีได้ช่วยหน่วยงานราชการ โรงพยาบาล เทศบาลเพื่่อลดการใช้ไฟฟ้าในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีความช่วยเหลือในการกำหนดการซื้อขาย "คาร์บอนเครดิต” (Carbon Credit) โดยเฉพาะการช่วยเหลือเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ อีกทั้งยังตั้งกองทุนประมาณ 5,200 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือบริษัทที่เข้าร่วมโครงการซีดีเอ็มด้วย
สำหรับผู้สนใจหนังสือ "วิกฤติโลกร้อน เรื่องจริงหรือตื่นตูม" แต่ไม่สามารถไปรับหนังสือภายในงานสัมมนาวันที่ 13 พ.ย.นี้ได้ สามารถดาวน์โหลดหนังสือฉบับอี-บุ๊คได้ที่ www.teamgroup.co.th www.teamgroup.co.th