ผู้จัดการรายวัน - ธนาคารพัฒนาเอเชียได้ออกเตือนประเทศต่างๆ ในเอเชีย ให้ระวังภัยเงินเฟ้อในอัตราสูงที่กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจโดยอัตราเฉลี่ยทั่วภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.8% ในปี 2551 นี้ จากที่เคยพยากรณ์เอาไว้เพียง 5.1% ในเดือน เม.ย.
เอดีบี กล่าวว่า สำหรับปี 2552 อัตราเฉลี่ยเงินเฟ้อตั้งแต่เอเชียกลาง รวมทั้งอาเซอร์ไบจาน จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 6% จากที่พยากรณ์เอาไว้เพียง 4.6% ก่อนหน้านี้ นับเป็นอัตราสูงเมื่อเทียบกับ 4.3% ในปี 2550
สำหรับเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งเผชิญหน้ากับเงินเฟ้อรุนแรงที่สุดตั้งแต่ต้นปี อัตราเฟ้อตลอดปี 2551 ที่ทบทวนใหม่ยังอยู่ในระดับสูงถึง 25% เท่ากับประเทศมองโกเลีย เอดีบี เผยแพร่เรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (16 ก.ย.) ในรายงานฉบับล่าสุด จากสำนักงานใหญ่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
เอดีบี ได้จัดเตรียมรายงานดังกล่าวก่อนจะมีข่าวการล้มละลายของบริษัทการเงินใหญ่ในสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษกิจของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียยังขึ้นต่อประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ
รายงานยังกล่าวอีกว่า ราว 85% ของผลิตภัณฑ์รองเท้ากับประมาณ 1 ใน 3 ของเสื้อผ้าที่ใช้ในสหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศที่กำลังพัฒนาในทวีปเอเชีย
ในเดือน เม.ย.เอดีบี ได้พยากรณ์อัตราเฉลี่ยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่ 7.6% แต่ตัวเลขใหม่ถูกปรับลดลงเป็น 7.5% และเหลือเพียง 7.2% ในปีหน้า
รายงานฉบับเดียวกัน ยังระบุอีกว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคง “เหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” ถึงแม้ว่าราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลต์สวีตที่ส่งมอบในเดือน ต.ค.จะต่ำกว่า 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม
เอดีบี ยังพยากรณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปีนี้ในอัตรา 10% เท่าเดิม แต่ปีหน้าตัวเลขจะลดลงเป็น 9.5% จากนโยบายลดการได้ดุลการค้าและลดระดับการขยายตัวด้านการลงทุนในประเทศนี้
นอกจากเวียดนามและกัมพูชาที่อัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดแล้ว เอดีบี ยังได้พยากรณ์อัตราเงินเฟ้อเป็นตัวเลข 2 หลักสำหรับลาว อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อีกด้วย
“การลดอัตราเงินเฟ้อเป็นการท้าทายอันสำคัญทางเศรษฐกิจมหภาคที่กำลังเผชิญหน้ากับประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยส่วนใหญ่” เอดีบี กล่าว
รายงานของเอดีบี ยังเตือนว่า ราคาอาหารในระดับโลกอาจจะยังไม่ลดต่ำลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ และยังไม่มีวิธีการปัจจุบันทันด่วนใดๆ ที่แก้ปัญหานี้ได้ในเร็ววัน
“สภาวะการขาดแคลนได้กลับมาอีก ความหิวโหยกำลังเพิ่มขึ้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วถูกข่มขู่ ยังมีความยากลำบากอยู่” เอดีบี ระบุในรายงานล่าสุด
อย่างไรก็ตาม เวียดนามมีเป้าหมายที่จะลดอัตราเงินเฟ้อปีต่อปี ในปีนี้ให้เหลือเพียง 25% เช่นเดียวกัน ขณะที่สื่อของทางการลาว กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อครึ่งปีแรกสูงขึ้นเป็นประมาณ 10% ส่วนกัมพูชาไม่มีการแถลงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคมาตั้งแต่เดือน เม.ย.
อัตราเงินเฟ้อในกัมพูชาเมื่อเดือน มี.ค.ปีนี้พุ่งขึ้นสูง 26% เกิดความวิตกกังวลไปทั่ว ทางการต้องนำข้าวสารในคลังเก็บออกบรรจุถุงจำหน่ายในราคาถูกให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย