ถึงวัยเกษียณผู้ตรวจ "กอบแก้ว" มือสางคดีองครักษ์-ดันสภาวิชาชีพ

"ผู้ตรวจกอบแก้ว" เกษียณปีนี้ แต่ยังเหลือภารกิจผลักดันสภาชีพวิทยาศาสตร์ ส่วนคดีทุจริตศูนย์นิวเคลียร์องครักษ์ กำลังอยู่ระหว่างเตรียมสรุปรายงาน ส่งปลัดก่อนพ้นตำแหน่ง แต่ยังมีห่วงอีก 3 เรื่อง พร้อมฝากผู้ตรวจคนใหม่สานต่อ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย.51 ที่ผ่านมา นางกอบแก้ว อัครคุปต์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ให้สัมภาษณ์ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ เนื่องในวาระครบกำหนดเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย.51 ว่า นางกอบแก้วยังเหลืองาน ในหน้าที่ประธานคณะกรรมการ ดูแลร่างระเบียบชั่วคราว ว่าด้วยการรับสมัครสมาชิก และค่าลงทะเบียนสมาชิก และดำเนินการรับสมัครสมาชิกภายใน 180 วัน นับแต่ได้รับการแต่งตั้ง ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. 2551

นางกอบแก้ว เปิดเผยว่า ตามมาตรา 67 ใน พ.ร.บ.ส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ กำหนดให้ต้องมีคณะกรรมการ ดูแลร่างระเบียบชั่วคราวฯ ซึ่งในวันที่ 4 ต.ค. นี้ จะประชุมระดมความคิดเห็น เพื่อพิจารณาร่างระเบียบชั่วคราวฯ ดังกล่าว ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบแล้ว ก็จะดำเนินการเพื่อเปิดรับสมัครสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ ได้ทันที

หลังจากนั้น ก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งนางกอบแก้วก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้นายกฯ คนแรกของสภา ภายในไม่เกิน 6 เดือนหลังจากนี้ และถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจในการผลักดัน พ.ร.บ.ส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ อย่างสมบูรณ์

"ยังเป็นห่วงว่า สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ จะเป็นไปตามอุดมการณ์ที่เราตั้งใจไว้หรือไม่ ที่อยากให้สภาวิชาชีพนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงอยากให้ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกสภาฯ คนแรก มีอุดมการณ์ และเข้าใจคอนเซ็ปต์ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ อย่างถ่องแท้" นางกอบแก้ว กล่าว

ส่วนการตรวจสอบคดีทุจริต โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งนางกอบแก้วเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บอกว่า กรณีของบริษัทอิเล็กทรอวัตต์ คอนซัลติง เซอร์วิสเซส (อีดับเบิลยูอี) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการ ให้กับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) นั้น นางกอบแก้วได้รายงานผลการตรวจสอบให้ปลัด วท. เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งปลัดก็เห็นชอบ และได้ส่งเรื่องนี้ต่อไปยังกรมบัญชีกลางแล้ว ซึ่งกรมบัญชีกลางก็กำลังตรวจสอบว่า เป็นไปตามที่คณะกรรมการตรวจสอบชี้มูลหรือไม่ภายใน 2 ปี

ส่วนกรณีความไม่ชอบมาพากล ในการก่อสร้างโครงการนี้ซึ่งมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยมีบริษัท เจเนรัล อะตอมมิกส์ (จีเอ) เป็นผู้รับเหมาโครงการนี้ นางกอบแก้ว บอกว่า กำลังอยู่ระหว่างสรุปรายงานการตรวจสอบ เพื่อเสนอต่อปลัดใน 1-2 วันนี้ ซึ่งก็จะถือว่าทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางกอบแก้วจะสะสางงานในหน้าที่ของตัวเอง จนเป็นที่เรียบร้อยก่อนเกษียณอายุราชการ

อย่างไรก็ดี ยังมีบางเรื่อง ที่ยังดำเนินการไม่สำเร็จหรือยังคงห่วงอยู่ ซึ่งนางกอบแก้ว ขอฝากให้ผู้ตรวจฯ คนใหม่ ช่วยสานต่อ 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ การก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.4 ณ วังสราญรมย์, ผลักดันการจัดตั้ง สำนักผู้ตรวจราชการกระทรวง วท.

สุดท้ายคือ การจัดพิมพ์หนังสือแปล 2 เล่ม ได้แก่ "รายงานทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง การสังเกตการณ์สุริยุปราคาอย่างละเอียด ณ วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868)" ของมิสเตอร์ อี สเตฟาน (Mr.E.STEPHAN) และคณะ

และ "จดหมายเหตุ การเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ณ หัววาฬ ทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2411" โดย เซอร์ แฮร์รี่ เซนต์ จอร์จ ออร์ด ซี บี ข้าหลวงใหญ่แห่งดินแดนอาณานิคม ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งกระทรวงวิทย์ฯ ให้สมาคมดาราศาสตร์ไทยเป็นผู้รับผิดชอบในการแปล แต่ผ่านไปแล้ว 2 ปี ขณะนี้ทางสมาคมก็ยังไม่ได้ส่งต้นฉบับที่แปลเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กระทรวงวิทย์ตรวจสอบเลย

ส่วน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงวิทย์ฯ ที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ ได้แก่ นางพูลสุข พงษ์พัฒน์ รองปลัด วท., นางกอบแก้ว อัครคุปต์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง, นางรุ่งอรุณ วัฒนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง, นายปรีชา ธรรมนิยม รองอธิบดี กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และนายเชาวน์ รอดทองคำ เลขาธิการ ปส.

สำหรับผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทน ได้แก่ น.ส.ธิดา เกิดรำไร รองอธิบดี วศ. เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง, นางมยุรี ผ่องผุดพันธ์ ผอ.สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วศ. เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และนายศิริชัย เขียนมีสุข รองเลขาธิการ ปส. เป็นเลขาธิการ ปส. ส่วนรองปลัด วท. และรองอธิบดี วศ. คนใหม่ ยังไม่มีการคัดเลือกให้ผู้ใดเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้.