เผยตัวเลข "คาร์บอนเครดิต" ไทยได้รับรองแล้ว 100,678 ตัน ระบุหลังไทยเปิดองค์การจัดการก๊าซเรือนกระจก มีบริษัทขอ 40 โครงการ ได้รับการรับรองระดับสากลแล้ว 2 โครงการ
นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เผยข้อมูล ระหว่างการบรรยายภายในงานประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา ครั้งที่ 7 ในหัวข้อ "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับภาวะโลกร้อน" เมื่อวันที่ 17 ก.ย.51 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้เข้าร่วมฟังการสัมมนาดังกล่าว
ทั้งนี้ เขาเปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเปิดองค์การ มีผู้ขอใบรับรองกว่า 40 โครงการ ซึ่งในจำนวนนั้นมี 2 โครงการที่ได้รับการรับรองจากองค์กรซีดีเอ็ม-อีบี (CDM-EB) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การรับรองคาร์บอนเครดิตในระดับสากล ทั้งนี้ตั้งแต่กระบวนการขอใบรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของไทยจนถึงการรับรองโดยองค์กรซีดีเอ็ม-อีบี ใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี
สำหรับ 2 โครงการของไทยที่ได้รับการรับรองจากซีดีเอ็ม-อีบี นายศิริธัญญ์ กล่าวเป็นโครงการของโรงไฟฟ้าจากแกลบ และโรงไฟฟ้าจากน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ทั้งนี้ในจำนวนโครงการที่ขอรับรองคาร์บอนเครดิตทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นโครงการผลิตความร้อนและไฟฟ้าจากน้ำเสียการผลิตแป้งมันสำปะหลัง
นายศิริธัญญ์กล่าวว่า การค้าคาร์บอนเครดิตเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจในการลงทุนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนของพิธีสารเกียวโต ซึ่งเป็นกลไกที่ประเทศกำลังพัฒนาจะร่วมลดก๊าซเรือนกระจกแบบสมัครใจ และขายปริมาณก๊าซที่ลดได้เป็น "คาร์บอนเครดิต" ให้กับประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศได้
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพื่อขอรับรองคาร์บอนเครดิตนี้อยู่ที่โครงการละ 4-8 ล้านบาท โดยราคาของคาร์บอนเครดิตอยู่ที่ตันละ 750-1,000 บาท ทั้งนี้มูลค่าของตลาดคาร์บอนในปี 2550 ประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปี 2547 ที่มีมูลค่า 87,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรองจากซีดีเอ็ม-อีบี มีปริมาณ 177.452 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ประเทศไทยลดได้และได้การรับรองแล้ว 100,678 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า.
