หอยขม หอยแครง หอยแมลงภู่ หลบไปก่อน "หอยหวาน" มาแล้ว หอยทะเลเศรษฐกิจชนิดใหม่ของไทย ที่กำลังมาแรงในหมู่นักชิม และนักท่องเที่ยวในเอเชีย แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทย ทว่าประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และให้โปรตีนสูงไม่แพ้ปลาทู หมู และไก่ ที่สำคัญสร้างมูลค่าได้มากถึง 1,200 ล้านบาทต่อปี
สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเทคโนโลยีและการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ร่วมกันจัดงานนิทรรศการ "หอยหวานไทย เมนูเด็ด" ณ เฮฟเวน ออน 7 (Heaven on 7) ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.51 ที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อเผยแพร่หอยหวานไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีสื่อมวลชนมากมาย รวมทั้งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ร่วมสังเกตการณ์
ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการ วช. กล่าวว่า หอยหวาน มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "หอยตุ๊กแก" หรือ "หอยทิพรส" เป็นหอยทะเลฝาเดียว ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และจัดได้ว่าเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ของไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน
"เดิมหอยหวานที่นำมาบริโภค จะจับได้จากทะเล ซึ่งมีมากในอ่าวไทย แต่เนื่องจากถูกจับมากจนเกินไป ส่งผลให้ประชากรหอยหวานในธรรมชาติลดน้อยลงมาก" ศ.ดร.อานนท์กล่าว
"ในปี 2538 วช. จึงเริ่มให้การสนับสนุน เพื่อศึกษาวิจัย และพัฒนาการเพาะเลี้ยงหอยหวานเชิงพานิชย์ แบบครบวงจร และประเทศไทย ก็จัดว่าเป็นประเทศแรกในภูมิภาค ที่มีการวิจัยการเพาะเลี้ยงหอยหวานอย่างจริงจัง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนในปัจจุบันมีฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยหวานอยู่ในจังหวัดต่างๆ รวม 23 แห่ง ซึ่งสร้างมูลค่าให้ประเทศกว่า 1,200 ล้านบาทต่อปี" ศ.ดร.อานนท์ กล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์
หลังจากประสบความสำเร็จ ในการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงหอยหวานเชิงพานิชย์แล้ว วช. ก็ส่งเสริมการวิจัยการนำหอยหวานมาประกอบอาหารในรูปแบบต่างๆ และวิเคราะห์ลักษณะของเนื้อหอย ตลอดจนคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งพบว่าหอยหวานมีโปรตีนสูงถึง 18.9% ซึ่งสูงกว่าปูม้า และหอยเป๋าฮื้อ แต่ใกล้เคียงกับกุ้ง ปลาทู เนื้อหมู และเนื้อไก่ ขณะที่ในหอยหวานมีไขมันต่ำกว่าปลาทู เนื้อหมู และเนื้อไก่ ทั้งนี้ โปรตีนในหอยหวานยังประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายสูง โดยเฉพาะไลซีน ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตในเด็ก
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ วช. เปิดเผยอีกว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักหอยหวานเท่าใดนัก การจัดนิทรรศการ "หอยหวานไทย เมนูเด็ด" เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย และเผยแพร่หอยหวานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรมต่างๆ โดยมีการแสดงให้เห็นว่าหอยหวานสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ
"นอกจากนี้เรายังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานเมนูหอยหวาน รวม 4 เมนู ได้แก่ หอยหวานเนยกระเทียม, หอยหวานผัดเห็ดชามปิญง, หอยหวานแบบเอสคาโก และหอยหวานผัดน้ำพริกเผา" ดร.อานนท์ กล่าว
ทั้งนี้ ภายในงานนิทรรศการได้มีการจัดทำเมนูหอยหวาน เช่น ห่อหมกหอยหวาน พิซซ่าหอยหวาน หอยหวานบาร์บีคิว ยำหอยหวานสมุนไพร และติ่มซำหอยหวาน เป็นต้น เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ลิ้มรสอร่อยของหอยหวานในอาหารหลากหลายเมนู และยังมีการสาธิตเมนูหอยหวานพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยหม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล เจ้าของร้านเดวา และยังมีการประกวดแข่งขันการทำอาหาร "เมนูหอยหวานไทย เมนูเด็ดของพ่อครัวแม่ครัวรุ่นใหม่" อีกด้วย.