รอยเตอร์ – เวิลด์แบงก์ได้ออกรายงานประจำไตรมาสล่าสุด ปรับเพิ่มผลผลิตมวลรวมในประเทศจีนขึ้นอีก 0.2% โดยระบุเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ 7% พร้อมแนะหากต้องการคุมเงินเฟ้อ ก็ไม่ควรผ่อนคลายนโยบายการคุมเข้มทางการเงินต่อไป
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ออกรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ระบุว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2008 จีนจะมีผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตอยู่ที่ 9.8% และดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (ซีพีไอ) อยู่ที่ 7% โดยการปรับครั้งนี้เป็นการปรับเพิ่มทั้งจีดีพีและซีพีไอที่เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านเวิลด์แบงก์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 9.6% กับ 4.6% ตามลำดับ
โดยในรายงานประจำไตรมาสฉบับล่าสุดของเวิลด์แบงก์ได้ระบุว่า ราคาของอาหารที่พุ่งสูงขึ้นได้ลดผลกระทบที่มีต่อผู้บริโภคชาวจีนลงบ้างแล้ว และถึงแม้จะมีผลกระทบใหม่จากราคาสินค้าผู้ผลิตกับราคาน้ำมันที่ไปกระตุ้นราคาสินค้าต่างๆ ทว่าผลกระทบดังกล่าวต่อภาพรวมของประชากรทั้งหมดยังถือว่าอยู่ในส่วนที่จำกัด
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเวิลด์แบงก์ได้เปิดเผยว่า หากคิดจะลดอัตราเงินเฟ้อกับราคาของวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น จะต้องใช้นโยบายการคุมเข้มทางการเงิน เพราะในขณะนี้จีนไม่มีความจำเป็นที่ต้องผ่อนคลายนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวังและความคล่องตัวเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในโลกเอาไว้
เวิลด์แบงก์ยังได้ระบุอีกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ได้ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่จีนยังมีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงมาก ถึงแม้ว่าการลงทุนจะลดความร้อนแรงไปบ้าง แต่เศรษฐกิจภายในประเทศจีนก็ยังจัดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี
“ในช่วงนี้มีเงินร้อนที่เข้ามาหวังเก็งกรไรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากผู้กำหนดนโยบายเห็นว่าการเข้ามาในรูปแบบนี้อาจก่อให้เกิดปัญหา อาจจะมีการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการไหลข้าวของเงินทุน และหานโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงการคาดหวังในการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาแทน”
ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค. จีนมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 7.7% ลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนก.พ. ทว่าในเดือนเดียวกัน จีนกลับมีดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิต (พีพีไอ) ที่สูงถึง 8.2% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 3 ปี นอกจากนั้นใน 5 เดือนแรกของปี จีนมียอดส่งออกทั้งสิ้น 545,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 22.9% มียอดน้ำเข้า 467,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30.4% และมียอดเกิดดุลการค้าทั้งสิ้น 78,020 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน 8.6%