xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนหุ้นเอเชีย ฟ้าใส...หลังฝน(เงินเฟ้อ)ซา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากในช่วงที่ผ่านมาสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียต้องประสบปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาทางเศรษฐกิจ จนกดดันดัชนีตลาดหุ้นในหลายประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะส่งผลต่อนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคดังกล่าวแล้ว ยังส่งผลถึงกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทในภูมิภาคดังกล่าวอีกด้วย

โดยจากการรวบรวมข้อมูลของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ซึ่งมีผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตราฐาน ดัชนี MSCI AC World CR USD ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -7.56% ส่วนใหญ่เป็นกองทุนเอฟไอเอฟที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับดัชนีเกณฑ์มาตราฐานคือ กองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index  ซึ่งให้ผลตอบแทน -32.58% ซึ่งน้อยกว่าดัชนีมาตราฐาน 25.02% , อันดับ 2 กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ ให้ผลตอบแทน -23.90% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 16.34% , อันดับ 3 กองทุนเปิดทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนส์ ฟันด์ ให้ผลตอบแทน -23.88% น้อยกว่าดัชนีมาตราฐาน 16.32%
 
ขณะที่อันดับ 4 กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เกรธเธอร์ ไชน่า ให้ผลตอบแทน -21.63% น้อยกว่าดัชนีมาตราฐาน MSCI AC World CR USD กว่า 14.07% , อันดับ 5 กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย ให้ผลตอบแทน -18.04% น้อยกว่าดัชนีมาตราฐาน 10.48% , อันดับ 6 กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชี่ยน อิคควิตี้ ฟันด์ ให้ผลตอบแทน -17.81% น้อยกว่าดัชนีมาตราฐาน 10.25%

ส่วนอันดับ 7 ของกองทุนเอฟไอเอฟที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนีมาตราฐาน MSCI AC World CR USD คือ กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ที่ให้ผลตอบแทน -15.72% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 8.16% , อันดับ 8 กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย แอคทีฟ อโลเคชัน ให้ผลตอบแทน -14.40% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 6.84% , อันดับ 9 กองทุนเปิด แอสเซทพลัส เอเชี่ยนสเปเชี่ยลชิททูเอชั่นส์ ให้ผลตอบแทน -11.56% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 4.00% , อันดับที่ 10 กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ให้ผลตอบแทน -10.25% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 2.69% และอันดับที่ 11 กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อิคควิตี้ ให้ผลตอบแทน -9.00% น้อยกว่าเกณฑ์มาตราฐาน 1.44%
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่ากองทุนที่มีผลตอบแทนติดลบจำนวนมากส่วนใหญ่ จะเป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศจีน เนื่องมาจากช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลก หรือ ความผันผวนของเศรษฐกิจจีนเอง ซึ่งนั้นส่งผลทำให้นักลงทุนหลายคนที่ตั้งเป้าจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นต้องชะลอแผนออกไป

นักวิเคราะห์จาก Moody’s Economy.com ได้แสดงทัศนะต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า อาจจะชะลอตัวลงในอีก 2-3 ไตรมาส เนื่องจากบริษัทเอกชนลดอัตราการลงทุนและภาคครัวเรือนลดตัวเลขการใช้จ่าย ซึ่งภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงลำดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นยังส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) และดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) สูงขึ้นด้วย เป็นเหตุให้ธนาคารกลางบางแห่งในภูมิภาคเอเชียใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน

ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกจับตาดูสถานการณ์ด้านเงินเฟ้อแทนที่จะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในด้านลบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคืออาจทำให้ภาคเอกชนชะลอแผนการลงทุน นอกจากนี้ กระแสเงินทุนหมุนเวียนเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความวิตกกังวล ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียร่วงลงอย่างหนัก ส่วนตลาดแรงงานยังคงซบเซาเนื่องจากความต้องการแรงงานที่ลดน้อยลง และภาคครัวเรือนก็ลดการใช้จ่ายลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโดยภาพรวมแล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมไปถึงตลาดหุ้นจีนจะไม่สดใส แต่ก็นับเป็นโอกาสดีในการลงทุนเช่นเดียวกัน โดยผู้จัดการกองทุนบางแห่ง มองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อหุ้นราคาถูกในภาวะที่ตลาดหุ้นตกต่ำเช่นปัจจุบัน โดย จุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและกองทุนรวม บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มมีสัญญาณปรับตัวขึ้นแล้ว แต่ยังมีปัจจัยกังวลจากเงินเฟ้อสูง กดดันเศรษฐกิจขยายตัวของทุกประเทศ จึงต้องรอจังหวะลงทุน ซึ่งบริษัทมีกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียอยู่แล้ว 2 กองทุนและขณะนี้กำลังรอดูทิศทางตลาดให้ชัดเจนกว่านี้ จะมีการพิจารณาเพิ่มทุนกองทุนดังกล่าว

ขณะที่ โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย** เป็นอีกหนึ่งผู้จัดการกองทุนที่แสดงความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นจีน โดยได้เปิดเผยว่าช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจีนจะมีการปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ยังคงมีนักลงทุนที่สนใจและเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากจะมีนักลงทุนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นจีนอีกอีกจำนวน 1,000 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น