บลจ.ทหารไทย ต่อยอดกระแสจีนฟีเวอร์ ขยายกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ อีก 1,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท หวังรองรับการเติบโตในอนาคต "โชติกา" ระบุแม้ตลาดหุ้นจีนสุดผันผวนแต่กองทุนยังได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้านผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศประสานเสียงระบุตลาดหุ้นจีนใกล้กลับสู่ภาวะกระทิง
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ (TMB China Equity Index Fund) อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจีนจะมีการปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ยังคงมีนักลงทุนที่สนใจและเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์อย่างต่อเนื่อง
“ที่ผ่านมานักลงทุนยังคงเข้ามาซื้อกองทุนไชน่าอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดหุ้นจีนจะลดลงจากปัญหาเงินเฟ้อและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยมั่นใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะคลี่คลายไปได้และทำให้เศรษฐกิจของจีนยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงกว่า 10 % ไปอีกหลายปี” นางโชติกากล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) โดยมีนโยบายลงทุน 80% ในกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 107,200 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับดัชนี FTSE/Xinhua A50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทเอกชนของจีนประเภท A Shares จำนวน 50 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น
นางโชติกา กล่าวต่อว่า ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ จะมีการจัดสัมมนาเรื่อง “China: The Long Term Prosperity” โดยผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ บลจ. ทหารไทย โทร.1725
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายได้มีการประเมินว่าภาวะตลาดซบเซาของจีนกำลังฟื้นตัวและน่าจะดีขึ้นในอนาคต โดยนายหู ลี่หยาง ที่ได้รับว่าเป็นอัจฉริยะหุ้นจากวอลล์ สตรีท ได้ปราศรัยว่า ภาวการณ์ซบเซาเล็กๆของตลาดกระดานเอของจีนได้จบลงแล้ว ขอให้นักลงทุนจงมีความเชื่อมั่น “อย่าได้ขู่ตัวเองให้กลัว” อีกต่อไป ตอนนี้เราเริ่มกลับเข้าสู่เส้นทางของตลาดกระทิงอีกครั้งแล้ว
นอกจากนั้น หูยังระบุว่า เพราะว่าความผันผวนในรอบที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นการซบเซาแบบมินิ ซึ่งโดนปกติสภาพเช่นนี้จะอยู่ไม่เกิน 6 เดือน และขณะนี้มองแล้วเห็นว่าโอกาสที่ดัชนีหุ้นกระดานเอจะต่ำกว่า 3,000 จุดนั้นมีน้อยมาก ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ วานิชธนกิจระดับโลกที่ระบุว่า มองภาพตลาดหลักทรัพย์จีนในเดือนมิถุนายนว่าน่าจะดีขึ้น
“การปรับสภาพของตลาดนั้นได้มาอยู่บนจุดพื้นฐานแล้ว เมื่อมองในระยะยาว ตอนนี้โอกาสในการซื้อเข้าเริ่มเห็นชัดแล้ว”นายเติ้ง ถี่ซุ่นนักวิคราะห์และประธานของโกลด์แมน แซคส์ประจำประเทศจีน กล่าว
นักวิเคราะห์จากกองทุนหนันฟังได้ระบุว่าความวิตกของนักลงทุนและช่วงแห่งการตกอย่างตอนเนื่องในไตรมาสที่ 2 ได้ผ่านไปแล้ว ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีเสถียรภาพ และในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายนนั้นมียอดการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นช่วงโอกาสการพลิกฟื้นที่ดีของตลาด
ในด้านการเลือกการลงทุน คนวงในตลาดหลักทรัพย์ได้ระบุว่า จากการที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จึงอยากจะแนะนำนักลงทุนรู้จักเลือกลงทุนโดยเฉพาะกับกองทุนที่เปิดตัวใหม่ ในขณะที่ถ้ามองจากการลงทุนประเภทธุรกิจแล้ว ก็ควรจะตั้งใจคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงมากกว่า
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นมังกร ยังสามารถเห็นได้จากตัวเลขของการซื้อขายในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้น โดยมีกลุ่มบริษัทด้านการเกษตร น้ำตาล ถั่งเหลือง ข้าวโพด สังกะสี โดยตัวเลขการซื้อขายนั้นมากถึง 5 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 88%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ (TMB China Equity Index Fund) อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจีนจะมีการปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ยังคงมีนักลงทุนที่สนใจและเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย ไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์อย่างต่อเนื่อง
“ที่ผ่านมานักลงทุนยังคงเข้ามาซื้อกองทุนไชน่าอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดหุ้นจีนจะลดลงจากปัญหาเงินเฟ้อและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยมั่นใจว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะคลี่คลายไปได้และทำให้เศรษฐกิจของจีนยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงกว่า 10 % ไปอีกหลายปี” นางโชติกากล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยไชน่า อิควิตี้ อินเด็กซ์ เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) โดยมีนโยบายลงทุน 80% ในกองทุนรวมต่างประเทศ iShares FTSE/Xinhua A50 China Tracker ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีมูลค่าประมาณ 107,200 ล้านบาท โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างผลตอบแทนให้เท่ากับดัชนี FTSE/Xinhua A50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทเอกชนของจีนประเภท A Shares จำนวน 50 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น
นางโชติกา กล่าวต่อว่า ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 บริษัทฯ จะมีการจัดสัมมนาเรื่อง “China: The Long Term Prosperity” โดยผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ บลจ. ทหารไทย โทร.1725
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายได้มีการประเมินว่าภาวะตลาดซบเซาของจีนกำลังฟื้นตัวและน่าจะดีขึ้นในอนาคต โดยนายหู ลี่หยาง ที่ได้รับว่าเป็นอัจฉริยะหุ้นจากวอลล์ สตรีท ได้ปราศรัยว่า ภาวการณ์ซบเซาเล็กๆของตลาดกระดานเอของจีนได้จบลงแล้ว ขอให้นักลงทุนจงมีความเชื่อมั่น “อย่าได้ขู่ตัวเองให้กลัว” อีกต่อไป ตอนนี้เราเริ่มกลับเข้าสู่เส้นทางของตลาดกระทิงอีกครั้งแล้ว
นอกจากนั้น หูยังระบุว่า เพราะว่าความผันผวนในรอบที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นการซบเซาแบบมินิ ซึ่งโดนปกติสภาพเช่นนี้จะอยู่ไม่เกิน 6 เดือน และขณะนี้มองแล้วเห็นว่าโอกาสที่ดัชนีหุ้นกระดานเอจะต่ำกว่า 3,000 จุดนั้นมีน้อยมาก ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ วานิชธนกิจระดับโลกที่ระบุว่า มองภาพตลาดหลักทรัพย์จีนในเดือนมิถุนายนว่าน่าจะดีขึ้น
“การปรับสภาพของตลาดนั้นได้มาอยู่บนจุดพื้นฐานแล้ว เมื่อมองในระยะยาว ตอนนี้โอกาสในการซื้อเข้าเริ่มเห็นชัดแล้ว”นายเติ้ง ถี่ซุ่นนักวิคราะห์และประธานของโกลด์แมน แซคส์ประจำประเทศจีน กล่าว
นักวิเคราะห์จากกองทุนหนันฟังได้ระบุว่าความวิตกของนักลงทุนและช่วงแห่งการตกอย่างตอนเนื่องในไตรมาสที่ 2 ได้ผ่านไปแล้ว ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีเสถียรภาพ และในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายนนั้นมียอดการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นช่วงโอกาสการพลิกฟื้นที่ดีของตลาด
ในด้านการเลือกการลงทุน คนวงในตลาดหลักทรัพย์ได้ระบุว่า จากการที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จึงอยากจะแนะนำนักลงทุนรู้จักเลือกลงทุนโดยเฉพาะกับกองทุนที่เปิดตัวใหม่ ในขณะที่ถ้ามองจากการลงทุนประเภทธุรกิจแล้ว ก็ควรจะตั้งใจคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงมากกว่า
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นมังกร ยังสามารถเห็นได้จากตัวเลขของการซื้อขายในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้น โดยมีกลุ่มบริษัทด้านการเกษตร น้ำตาล ถั่งเหลือง ข้าวโพด สังกะสี โดยตัวเลขการซื้อขายนั้นมากถึง 5 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 88%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว