xs
xsm
sm
md
lg

MFCสวนกระแสกองBRICวูบ ตั้งกองFIFดึงอนุพันธ์ช่วยเสริมความมั่นใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซี เชื่อมั่นศักยภาพกลุ่ม BRIC เล็งตั้งกองทุนเอฟไอเอฟ ลุยหุ้น 4 ประเทศ "บราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน" ผ่าน ETF ของแต่ละประเทศ เน้นบริหารแบบ Active พร้อมดึงอนุพันธ์เข้ามาช่วยลดความผันผวน "ศุภกร" แจงเอ็มเอฟซีจะตัดสินใจบริหารพอร์ตและให้น้ำหนักแต่ละประเทศเอง ระบุลงทุนช่วงนี้ไม่ช้าไป หากจับจังหวะได้เหมาะสมก็ไม่น่าห่วง

นายศุภกร สุนทรกิจ
นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะจัดตั้งกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ 4 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน หรือกลุ่มประเทศ BRIC โดยการลงทุนของกองทุนดังกล่าวจะเป็นการลงทุนแบบ Active เพราะเอ็มเอฟซีมองว่าจะทำให้กองทุนน่าสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ลักษณะของกองทุนจะเป็นกองทุนประเภท Fund of Fund ที่เน้นลงทุนผ่านดัชนี ETF ของแต่ละประเทศในกลุ่ม BRIC โดยการบริหารกองทุนแบบ Active ดังกล่าว จะใช้อนุพันธ์เข้ามาช่วยในการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของการลงทุน เนื่องจากกลุ่มประเทศ BRIC เองเป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยการลงทุนผ่าน ETF ของแต่ละประเทศนั้น บริษัทจะเป็นคนตัดสินใจและกำหนดน้ำหนักการลงทุนในแต่ละประเทศเอง

อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวจะไม่จำกัดการลงทุนไว้ในกลุ่มประเทศ BRIC เพียง 4 ประเทศเท่านั้น เนื่องจากเราเปิดทางให้กองทุนสามารถลงทุนในประเทศอื่นด้วย เช่น แม็กซิโก หรือชิลี หากเราเห็นว่ากลุ่มประเทศ BRIC เองผันผวนรุนแรง

สำหรับสาเหตุที่เราเลือกลงทุนผ่าน ETF ในแต่ละหลายประเทศ และไม่จำกัดเฉพาะ BRIC เนื่องจากเราเราสามารถจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับภาวะแต่ละช่วงได้ เช่น หากเราเห็นว่าตลาดหุ้นจีนผันผวนหนัก ก็จะลดน้ำหนักหรือไม่ลงทุนเพิ่ม ในขณะเดียวกัน หากตลาดหุ้นประเทสใดปรับลดลงเราก็จะพิจารณาว่าเป็นจังหวะเข้าไปซื้อลงทุนได้หรือไม่ ซึ่งการกระจายการลงทุนแบบนี้ จะช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนได้

"โอกาสอยู่ที่การไม่ทำให้พอร์ตอยู่นิ่ง ซึ่งเราเองจะมีการปรับพอร์ตว่าควรจะรุกในตลาดนั้นๆ หรือยัง หรือจะเป็นจังหวะที่เราเข้าไปเก็บของได้หรือไม่ และเมื่อไหร่ที่เราจะสามารถลงทุนได้เต็มพอร์ต ขณะเดียวกัน หากติดลบไปมากๆ ก็จะเป็นจังหวะที่เราออกมาเพื่อผลกระทบ"นายศุภกรกล่าว

สำหรับความกังวลว่าการลงทุนในกลุ่มประเทศ BRIC ในช่วงนี้ จะช้าไปหรือไม่นั้น นายศุภกรกล่าวว่า กลุ่มประเทศเหล่านี้กระแสการลงทุนยังไปได้อยู่ เพียงแต่ตัวประเทศเท่านั้นที่นักลงทุนยังกังวล โดยเฉพาะจีนเองที่ปรับขึ้นลงค่อนข้างรุนแรง ในขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตรเองก็ปรับขึ้นไปค่อนข้างสูงแล้ว แต่หากเราสามารถจับจังหวะการลงทุนได้เหมาะสม ก็น่าจะเป็นโอกาสดีในการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนจัดตั้งกองทุนที่ออกไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ (REATs) ด้วย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวบริษัทให้ความสนใจมานานแล้ว เพียงแต่ติดกฏของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ยังไม่อนญาตให้กองทุนรวมลงทุนใน REATs เต็ม 100% แต่ขณะนี้ ก.ล.ต. กำลังแก้กฏเพื่อเปิดทางให้กองทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวได้

นายศุภกรกล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ส่งเสริมให้มีการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยในช่วงแรกอาจจะเห็นว่ากองทุนต่างประเทศยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก เนื่องจากยังจำกัดในแง่ของสินทรัพย์ที่ออกไปลงทุน แต่หลังจากบริษัทจัดการกองทุนมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ คอมมอดิตี้ การลงทุนในประเทศเกิดใหม่ ก็ทำให้กองทุนต่างประเทศขยายตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กองทุนต่างประเทศจะเปิดทางให้นักลงทุนได้กระจายการลงทุนออกไปนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ แต่สัดส่วนการลงทุนในปัจจุบันยังถือว่าค่อนข้างต่ำ โดยเฉลี่ยไม่เกิน 1% ของการลงทุนเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่มั่นใจกับการฝากเงินไว้กันธนาคารพาณิชย์มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น