xs
xsm
sm
md
lg

นกอัลบาทรอส

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน

อัลบาทรอสบินโฉบเหยื่อ
Albatross (Diomedea exulans) เป็นนกที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ และกลาง กับมหาสมุทรแอนตาร์กติก มันมีจะงอยปากสีขาว ตีนมีสีดำ ลักษณะเป็นพืดคล้ายตีนเป็ด ขนมีสีขาว และน้ำตาลหรือดำ ซึ่งไม่เปียกน้ำ ทำให้เราสามารถเห็นมันได้ที่ระยะไกล เพราะตัวที่โตเต็มที่มีช่วงปีกที่เวลาวัดจากปลายปีกหนึ่งถึงอีกปลายหนึ่งกว้าง 3.8 เมตร มันจึงเป็นนกที่มีช่วงปีกกว้างที่สุดในโลก ลักษณะการบินโฉบปลาในน้ำ และร่อนลม ทำให้เรารู้ว่ามิใช่นกนางนวล อาหารของมันเป็นสัตว์ทะเล เช่น ปลา ปลาหมึก และแมงกะพรุน เวลาต้องหาอาหารมาเลี้ยงลูกมันอาจบินไกล ถึงหมื่นกิโลเมตร

ตามปกติ อัลบาทรอส วางไข่ในเดือนพฤศจิกายน โดยออกไข่ครั้งละฟองในหลุมที่มันขุดบนเนินดิน หลังจากฟักไข่นาน 3 เดือน ลูกนกก็จะเจาะไข่ออกมาให้พ่อแม่นกเลี้ยง ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน มันจึงจะบินเป็น และเมื่อบินได้ ครอบครัวก็จะบินไปพักผ่อนที่ไกลถึง อลาสกา หรือแคลิฟอร์เนีย
 
โดยทั่วไปอัลบาทรอสเป็นนกเรียบร้อยที่เชื่องและไว้ใจคนมาก ดังจะเห็นเวลาเรือนักท่องเที่ยวออกทะเล มันจะบินตามเรือได้นานเป็นวัน เพื่อรับเศษอาหารที่คนบนเรือขว้างให้มันโฉบกิน เวลาอัลบาทรอสต้องการอาหาร มันจะบินออกทะเล แต่เวลาต้องการมีเพศสัมพันธ์มันจะบินสู่ฝั่ง เวลาเกี้ยวพาราสีมันจะก้มหัวแล้วจ้องตา จากนั้นก็เอาจะงอยปากสัมผัสกันพร้อมกันนั้นก็โยกตัวเสมือนเต้นรำ และส่งเสียงดัง ยืดคอขึ้นลงๆ เมื่อตกลงใจรักกัน มันก็จะเริ่มสร้างรัง จนเวลาผ่านไปหลายฤดูมันจึงเริ่มผสมพันธุ์ อัลบาทรอสเป็นนกที่ซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตของมันและโรแมนติกมาก บางคู่อาจครองคู่นานถึง 20 ปี

ในสมัยที่มนุษย์ยังใช้เรือใบเดินทะเล เวลากะลาสีเรือตาย ชาวเรือมักเชื่อว่าคนตายจะกลับชาติไปเกิดเป็นนกอัลบาทรอส และเวลาใดที่ชาวเรือเห็นนกอัลบาทรอสขณะเรืออยู่กลางทะเลลึก เขาเชื่อว่าพายุกำลังจะมา หรือถ้าใครฆ่านกอัลบาทรอส เขาคนนั้นก็จะซวยตลอดชีวิต ซึ่งต้องเอาซากนกผูกรอบคอเพื่อลบล้างอาถรรพ์ แม้กระทั่งในสมัยนี้ความเชื่อในการเป็นนกอัปมงคลของอัลบาทรอสก็ยังมีอยู่ เช่น ในปี 2502 เมื่อเรือสินค้า Calpen Star ขนนกอัลบาทรอสจากทวีปแอนตาร์กติกไปเลี้ยงที่สวนสัตว์ในประเทศเยอรมนี ขณะเรือแวะจอดที่เมืองท่า Liverpool ในอังกฤษ เหล่ากะลาสีได้ทิ้งเรือ เพราะเชื่อว่าอัลบาทรอสเป็นนกกาลีที่ได้สร้างปัญหาตลอดทาง ทำให้กัปตันเรือต้องหาลูกเรือใหม่ เพื่อนำเรือออกจากท่าเดินทางต่อ

ณ วันนี้นักชีววิทยา กำลังสนใจวิถีชีวิตของอัลบาทรอสมาก เช่น สนใจลักษณะการบินของมัน เพราะมันสามารถลอยตัวร่อนไปมาในอากาศได้นาน เสมือนไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เช่น เวลาร่อนไกล 20 เมตร น้ำหนักตัวของมันจะทำให้ระดับสูงลดลง 1 เมตร นกที่โตเต็มที่สามารถบินได้ไกล อย่างไม่เหนื่อย เพราะมีกล้ามเนื้อปีกแข็งแรง เวลาร่อนใกล้ผิวน้ำมันจะบินได้ช้า เพราะอากาศในบริเวณนั้นมีแรงต้านมาก แต่ที่ระดับสูง 5 - 20 เมตร ซึ่งลมมีความเร็วสูง มันจะหันหน้าเข้าหาลม แล้วบินยกตัวขึ้น จนมีความเร็วถึง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง นี้เป็นข้อแตกต่างระหว่างนกทั่วไปกับอัลบาทรอส เพราะนกธรรมดาไม่ชอบลมแรง แต่สำหรับอัลบาทรอสลมยิ่งแรงมันยิ่งชอบ เพราะลมช่วยให้มันบินได้เหมือนเทวดาเหาะ โดยทั่วไปอัลบาทรอสไม่ชอบเดินเตาะแตะบนดินเลย

ในนิตยสาร Nature ฉบับวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 P.A.Prince แห่งสถาบัน British Antarctic Survey ของมหาวิทยาลัย Cambridge ได้ติดตั้งเครื่องรับส่งวิทยุขนาดเล็กที่ขานกอัลบาทรอส 5 ตัว เพื่อให้ส่งสัญญาณวิทยุไปที่ดาวเทียมให้ส่งสัญญาณต่อไปให้ Prince รู้ว่า อัลบาทรอสกินอะไรเป็นอาหาร และมันมีวิธีหาอาหารอย่างไร ข้อมูลที่ได้แสดงว่า อัลบาทรอสบินได้ไกลถึง 4,000 กิโลเมตร ภายในเวลา 8 วัน เพื่อหาอาหารมาให้ลูกกิน และเวลามันลอยอยู่ในอากาศ ถ้าระยะสูงตก มันจะกระพือปีกบินขึ้น และในการบินทุกชั่วโมงมันจะลอยตัวพักผ่อนบนผิวน้ำนาน 1 นาที นอกจากนี้ Prince ก็ยังพบอีกว่า ลักษณะการบินของอัลบาทรอสเป็นแบบสุ่ม คือ ทิศที่มันจะบินไปไม่สัมพันธ์กับทิศที่มันบินมา นอกจากนี้ข้อมูลการบินของอัลบาทรอสยังสามารถระบุความสมบูรณ์และการขาดแคลนของ plankton ในทะเลได้ด้วย

ในปี 2546 สถาบัน International Union for the Conservation of Nature ได้ประกาศให้นกอัลบาทรอสสีน้ำตาลเข้มเป็นนกที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครอง ทั้งนี้เพราะนักชีววิทยาได้พบว่า นกชนิดนี้ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะ Falkland ได้ตายไปค่อนข้างมาก คือ จากที่มีนก 399,000 คู่ นกได้ตายไป 380,000 คู่ และนั่นก็หมายความว่า ในทุก 2 ชั่วโมง นกได้เสียชีวิตไป 1 คู่

ความจริงในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อนนี้ N. Brothers ก็ได้เคยสรุปว่า การประมงอย่างหนาแน่นได้ทำให้จำนวนประชากรของอัลบาทรอสลด ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะ Midway Atoll หรือที่ National Wildlife Refuge ที่มีอัลบาทรอสมากที่สุดในโลกถึง 1 ล้านตัว ทั้งนี้ เพราะในอดีตเมื่อ 100 ปีก่อน คือ ในปี 2452 ประธานาธิบดี Theodore Roosevelt ได้เคยประกาศให้เกาะ Midway Atoll เป็นแหล่งอาศัยของนกอัลบาทรอส อย่างเป็นทางการ และสำหรับกรณีลูกนกที่คลอดใหม่ หรือยังเล็ก รัฐบาลอเมริกันก็ได้สั่งเจ้าหน้าที่บนเกาะระมัดระวังมิให้ลูกนกถูกหนูกัด รวมถึงไข่ก็ไม่ให้สัตว์ เช่น หนูกิน เพราะไข่ขออัลบาทรอสอร่อย และใหญ่เท่าไข่ห่าน

ส่วนรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งมีชื่อเสียงในการปกป้องนกบนเกาะอังกฤษ แต่สำหรับนกบนเกาะกลางทะเล หรือมหาสมุทรที่อยู่ในความปกครองของอังกฤษ การปกป้องไม่ดี และไม่มีเลย ดังจะเห็นจากงบประมาณการคุ้มครอง ความหลากหลายทางชีวภาพบนเกาะอังกฤษต่องบประมาณเรื่องเดียวกัน สำหรับสิ่งมีชีวิตนอกเกาะอังกฤษมีค่า 500 ล้านปอนด์ : 1 ล้านปอนด์ ตัวเลขที่แตกต่างกันมากนี้ได้ทำให้นักชีววิทยาอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐบาลทุ่มเงินงบประมาณปกป้องนกอัลบาทรอส บนเกาะ Gough ซึ่งเป็นเกาะมรดกโลก ตั้งแต่ปี 2538 และเป็นแหล่งอาศัยของนกทะเลนานาชนิด เพราะกลัวนกชนิดนี้จะสูญพันธุ์ โดยแนะใช้วิธีกำจัดแมวให้หมดเกาะ ทั้งนี้เพราะแมวชอบกินนกมาก จนนกไม่กล้ามาทำรังบนเกาะ เพราะกลัวถูกกิน

สำหรับประเด็นการสูญพันธุ์ของนกอัลบาทรอสนั้น ในปี 2524 S.L.Olson แห่ง Smithsonian Institution ที่ Washington D.C. ได้รายงานการพบฟอสซิลของไข่นกอัลบาทรอสบนเกาะ Bermuda ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นกอัลบาทรอสหางสั้นได้สูญพันธุ์ไปเกือบหมดแล้ว เมื่อ 400,000 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกร้อนขึ้นมากจนน้ำแข็งบนเกาะ Greenland และทวีปแอนตาร์กติกละลาย ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น 20 เมตร มีผลทำให้น้ำท่วมเกาะ Bermuda เกือบหมด จนนกอัลบาทรอสที่ชอบอาศัยบนเกาะที่มีลมพัดแรง ที่ไม่มีแมว หนู มารบกวน และไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้มารบกวนการบินถลาของมัน เกือบสูญพันธุ์ จะอย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ เรายังสามารถพบนกอัลบาทรอสหางสั้นได้ในญี่ปุ่น แต่ก็มีเหลือน้อย เพราะขนของนกชนิดนี้นุ่มจนผู้คนนิยมนำขนไปทอกิโมโน ดังนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงประกาศให้นกชนิดนี้เป็นนกที่ได้รับความคุ้มครอง

ส่วนเรื่องเทคนิคการบินหาอาหารและพักผ่อนของอัลบาทรอสก็น่าสนใจ เพราะนกอัลบาทรอสไม่หาอาหารบนบก แต่หาในทะเล และเวลาบินมันจะบินชั่วขณะหนึ่ง แล้วร่อนลงน้ำ เพื่อพักผ่อนหรือจับปลา แล้วบินขึ้นอีก เช่นนี้ไปเรื่อยๆ และสำหรับเรื่องนี้ Gene Stanley แห่ง Boston University ได้รายงานในวารสาร Nature เมื่อเร็วๆ นี้ปี 2551 ว่า โอกาสที่นกอัลบาทรอสจะบินนานเป็นเวลา t แล้วร่อนลงน้ำเป็นปฏิภาคโดยตรงกับ 1/(t + 1)2 ซึ่งการกระจายของโอกาสในลักษณะนี้ นักคณิตศาสตร์รู้จักในนาม สถิติแบบ Levy และข้อสรุปที่ได้จากการศึกษาเรื่องนี้ คือ นกชอบบินช่วงเวลาสั้น ๆ มากกว่าบินช่วงเวลานาน และเมื่อสถิติแบบ Levy สามารถใช้อธิบายลักษณะการขึ้น - ลงของหุ้นในตลาดได้ด้วย ดังนั้น บรรดานักเล่นหุ้น ก่อนจะซื้อ - ขายหุ้น จึงควรศึกษาลีลาการบินของนกอัลบาทรอสด้วย ก็คงจะรวยครับ.

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.

อัลบาทรอสที่พบในปาซินิก และแอนตาร์กติกา
ลูกนกที่มักตกเป็นเหยื่อของหนู
ลักษณะรูปแบบการบิน
กำลังโหลดความคิดเห็น