กลุ่มนักอนุรักษ์ซุ่มตั้งกล้องตามป่า จนในที่สุดมีแรดชวาหลุดเข้ากล้อง แต่แม่แรดเห็นเสียก่อน นึกว่าเป็นศัตรูกลัวทำร้ายลูก จึงพุ่งชนกล้องอินฟราเรดในพุ่มไม้จนหวิดพัง แต่โชคดีที่บันทึกภาพคู่แรดแม่ลูกไว้ได้บางส่วนแล้ว จึงยังมีข้อมูลพอได้ศึกษา แรดที่หายากมากที่สุดในโลกขณะนี้
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ป่าของกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของแรด ที่หายากที่สุดในโลกบนเกาะชวาไว้ได้สำเร็จ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาแรดในธรรมชาติ ที่มีปริมาณเหลืออยู่ไม่มากนัก และเสี่ยงสูญพันธุ์ในอีกไม่ช้า ทว่ากล้องสามารถบันทึกภาพไปได้เพียงบางส่วน แม่แรดก็เห็นซะก่อน เลยพุ่งเข้าใส่อุปกรณ์แปลกปลอมซะจนเกือบพัง
กลุ่มนักสิ่งแวดล้อมของกองทุนสัตว์ป่าโลกได้นำกล้องอินฟราเรดจำนวน 2 ตัว เข้าไปติดตั้งในเขตอุทยานแห่งชาติอูจุง กูโลน (Ujung Kulon National Park) ทางตะวันตกของเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อบันทึกภาพแรดชวา (Javan rhinoceros) ในป่าดังกล่าวซึ่งเป็นแรดชนิดที่หายากมากที่สุดในโลกและเหลืออยู่ในป่านี้ราว 60 ตัว
อธิ หริยาด (Adhi Hariyadi) หัวหน้าโครงการดังกล่าว กล่าวกับเอเอฟพีว่า กล้องสามารถบันทึกภาพแรดชวาแม่ลูกคู่หนึ่งได้ ในช่วงเวลากลางคืนขณะที่ทั้ง 2 ตัวกำลังเดินวนเวียนหาอาหารอยู่ในป่า ซึ่งภาพวีดิโอเหล่านี้ จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์สัตว์ชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพของแรด พฤติกรรมการดำรงชีวิต ตลอดจนการสืบพันธุ์ของแรด และนับเป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวแรดชวาในป่าได้
อย่างไรก็ดี ทันทีที่แรดตัวแม่สังเกตเห็นกล้อง ที่แขวนห้อยไว้กับต้นไม้ มันก็วิ่งเข้าใส่พร้อมกับเอาหัวชนอย่างเต็มแรง จนทำให้กล้องได้รับความเสียหายและหยุดทำงานไปชั่วขณะ ทว่าทีมงานก็สามารถแก้ไขและทำให้กล้องบันทึกภาพได้ดังเดิม ในวันถัดมา และโชคดีมาก ที่ภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ก่อนหน้า ที่แม่แรดจะพุ่งเข้าใส่กล้องนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้ภาพวีดิโอดังกล่าวศึกษาพฤติกรรมของแม่แรดในการเลี้ยงดูและปกป้องลูกให้รอดพ้นจากอันตรายต่อไป โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนประชากรของแรดชวาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับแรดชวาในอนาคต
นอกจากนี้ เหล่านักอนุรักษ์สัตว์ป่ากลุ่มนี้ ยังได้ร่วมกับรัฐบาลของอินโดนีเซียทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้หาบ้านใหม่ให้บรรดาแรดชวาที่อยู่ในเขตอูจุง กูโลน ทั้งบนเกาะชวาและเกาะสุมาตรา ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แรดเหล่านี้ได้รับอันตรายจากภัยภิบัติที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าว
"ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชากรแรดกลุ่มนี้ พวกเขาก็จะหายไปด้วยกันทั้งหมด การที่เรารู้ว่าพวกเขาดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติอย่างไร ก็ยิ่งทำให้พวกเราหาวิธีปกป้องพวกเขาไม่ให้สูญพันธุ์ได้ทั้งจากโรคระบาด หรือการแย่งอาหารกับสัตว์อื่นๆ" เดสมาริตา เมอร์นี (Desmarita Murni) โฆษกของกองทุนสัตว์ป่าโลกกล่าว
ทั้งนี้ แรดชวาเป็นแรดนอเดียว ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และกองทุนสัตว์ป่าโลกยังจัดให้แรดชวาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ไปจากโลกมากที่สุดในขณะนี้ โดยประชากรของแรดชวาราว 90% อาศัยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอูจุง กูโลน แห่งนี้ โดยสำนักข่าวเอพีมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าปัจจุบันแรดชวาในธรรมชาติมีจำนวนเหลืออยู่ราว 70 ตัว ซึ่ง 60 ตัวอยู่ในอินโดนีเซีย ส่วนอีก 10 ตัว พบในเวียดนาม
อีกทั้งสำนักข่าวเอพี ยังให้ข้อมูลอีกว่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้ แรดชวาในประเทศอินโดนีเซียลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถูกล่าอย่างโหดเหี้ยมเพื่อตัดเอานอไปเป็นส่วนผสมในสูตรยาจีน รวมถึงผลของการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะเอกชนที่ลักลอบทำสวนปาล์มน้ำมันแบบผิดกฏหมาย.
แรดชวา 2 แม่ลูก ออกหากินในยามกลางคืน ในเขตอุทยานแห่งชาติอูจุง กูโลน ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นแม่แรดก็ขวิดกล้องล้ม (คลิปโดย WWF)