ชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มต้นจากอำเภอไหน แน่นอนหลายคนตอบได้ทันทีว่าที่ “หัวหิน” แต่ถ้าเปลี่ยนมาถามว่า แล้วชายฝั่งของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ ไปสิ้นสุด ณ ที่ใด ใครรู้บ้าง ยิ่งถามว่าจังหวัดชุมพร เริ่มต้นที่อำเภอไหน หลายคนคงต้องกางแผนที่ตอบคำถามกันเลยที่เดียว เพราะทั้งอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก
แต่ช้างเผือกย่อมอยู่ในป่าฉันใด ของดีๆก็มีแอบซ่อนอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัดนี้ฉันนั้น “แนวสันทรายบางเบิด” คือ ช้างเผือกที่กล่าวถึง สันทรายกองใหญ่มหึมา เม็ดทรายเล็กละเอียดดุจแป้ง กองพาดผ่านเส้นทางริมชายฝั่ง ระหว่าง บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่รอยต่อในบ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นแนวสันทรายที่ได้รับการยกย่องว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ลมเพลมพัด...สันทราย
เม็ดทรายละเอียดขาวสูงกว่า 30 เมตร ตลอดระยะทางที่ยาวถึง 10 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ทอดตัวคู่ขนานกับชายหาดรูปจันทร์เสี้ยว ขนาบข้างด้วยป่าเขา คือ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ออกแบบโดยน้ำและลมกินเวลานานนับพันๆ ปี
ปรากฏการณ์สันทรายเช่นนี้ ใช่ว่าจะเกิดกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ ลมที่พัดต้องแรงสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนาน หน้าทะเลเปิดโล่ง หาดทรายในระยะน้ำขึ้นลงกว้างพอที่จะให้เม็ดทรายแห้งทัน และปลิดปลิวตามลมขึ้นมาจนชายฝั่งยกตัวต่อเนื่อง ค่อยๆทับถมทีละเล็กทีละน้อยจนกลายเป็นเนินสันทรายขนาดมหึมา แม้อาจเทียบไม่ได้กับสันทรายบางแห่งในต่างประเทศ เช่น ประเทศออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ ที่มีสันทรายใหญ่กว่านี้หลายเท่า แต่ถ้าพูดถึงในเมืองไทยสันทรายบางเบิดคืออันดับหนึ่ง
ชัยรัตน์ รัตนดำรงภิญโญ หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จ.ชุมพร เล่าถึงการกำเนิดของสันทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศให้ฟังว่า ลักษณะพื้นที่แถบนี้เป็นเนินสันทรายชายทะเลที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ช่วงปลายของยุคน้ำแข็งประมาณ 1.8 ล้านถึง 14,000 ปีก่อนปัจจุบัน น้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ทั่วโลกเริ่มหลอมละลาย ระดับน้ำทะเลจึงสูงกว่าในระดับปัจจุบัน ทำให้เกิดการรุกล้ำของน้ำทะเลส่งผลให้พื้นดินในปัจจุบันที่อยู่ริมฝั่งทะเล ริมฝั่งแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และที่ราบชายฝั่งถูกน้ำทะเลท่วมถึง เขาเบิด เขาถ้ำธง เขาหมอน เขาแหลมใหญ่ และภูเขาหินปูนหลายแห่งในพื้นที่กลายสภาพเป็นเกาะ
จากนั้นประมาณ 1,500 ปีก่อนปัจจุบัน น้ำทะเลก็ถอยกลับมาอยู่ในระดับน้ำทะเลปัจจุบัน การรุกและการถอยกลับของน้ำทะเล 2 ครั้ง ทำให้เกิดสันทรายและเกาะสันดอนปิดกั้นอ่าว ปิดกั้นน้ำทะเลบางส่วนให้อยู่ด้านหลังของเทือกสันทราย ทำให้เกิดทะเลหลงขึ้นในเวลาต่อมา
“หลังจากนั้นบริเวณชายฝั่งที่เป็นร่องมรสุมพาดผ่านมีกระแสลมแรง หรือมีลมพายุรุนแรงพาดผ่านเป็นประจำ ประกอบกับด้านหน้าทะเลเปิดโล่ง ไม่มีเกาะต่างๆปิดกั้น ชายหาดมีความลาดชั้นน้อย เมื่อน้ำทะเลลดลงทำให้ชายหาดมีความกว้าง ประกอบกับขนาดเม็ดทรายมีความละเอียดมาก มีน้ำหนักเบา ซึ่งเรียกว่าทรายแป้ง เมื่อเดินจะทำให้มีเสียงเสียดสีระหว่างเม็ดทราย ทำให้มีการพัดพาเม็ดทรายโดยกระแสลมมาทับถมกันเกิดเป็นเนินทรายชายฝั่งขึ้นกลายเป็นเนินทรายดังที่เห็นในปัจจุบัน” ชัยรัตน์ กล่าวอธิบายความเป็นมาของการเกิดสันทรายอย่างละเอียด
เดินป่าศึกษาพรรณไม้
และใช่ว่าบางเบิดจะมีดีอยู่เพียงสันทรายเท่านั้น ชัยรัตน์ยังได้กล่าวถึงสันทรายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศต่อไปว่า หลังเนินสันทรายแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งกำเนิดป่าเนินทรายที่มหัศจรรย์ไม่แพ้กัน เพราะปกคลุมด้วยพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นกว่า 150 ชนิด ที่หาดูได้ยากในที่อื่นๆ ของประเทศ
พันธุ์ไม้จากป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง มางอกงามร่วมกันบนเนินทรายแห่งนี้ แข่งกันอวดดอกอวดผล และส่งกลิ่นหอมอบอวลตลอดปี ในที่เดียวกันนี้ยังมีป่าผสม ระบบวนเกษตรตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ศึกษากันอีกด้วย
ป่าผสมแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร” สถานที่ 1 ใน 19 แห่ง ในโครงการ "เปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ" ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองในวโรกาสพระบาทสมเด็จอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา
“โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จ.ชุมพร” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ตั้งอยู่บนเนินทรายเป็นที่ดินที่ราษฎรน้อมเกล้าถวายและได้ออกเป็นโฉนดที่ดิน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพื้นที่ทั้งหมด 448 ไร่ 3 งาน 17 ตรว. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2514 เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชประสงค์ให้สถานที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์อันคงสภาพแวดล้อมเดิมของพื้นที่ คือ สภาพสันทรายและสภาพป่าธรรมชาติไว้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ปรับปรุงบำรุงดินตามความเหมาะสมกับการปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็นพันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียงของพื้นที่นี้มานาน
ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จ .ชุมพร แห่งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าศึกษาค้นคว้า ก่อนหน้านี้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้จัดทำโครงการวิจัยปลูกต้นไม้โตเร็วเป็นจำนวนมาก เพื่อศึกษาผลกระทบที่ดินดังกล่าว จึงเป็นที่มาของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่มีระยะทางกว่า 2,338 เมตร
พรรณไม้ที่เกิดขึ้นในเส้นทางนี้ เป็นพันธุ์ไม้ป่า ไม้ดอกหอม และพืชสมุนไพร ซึ่งจะเกิดอยู่บนเนินสันทราย ใครที่คิดจะเดินป่าในเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ ต้องเตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆว่า ต้องพบเจอกับทรายปลิวพลิ้วเข้าหน้าตา บ้างเล็ดลอดอยู่ตามรองเท้าอันเป็นเรื่องปกติ และเนื่องจากดอกไม้ พันธุ์ไม้ต่างๆขึ้นอยู่บนเนินทราย จึงมีขนาดเล็กลงกว่าปกติ บางชนิดสามารถพบเจอได้ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
พืชพันธุ์ต่างๆจะสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นในแต่ละฤดูกาล ระหว่างที่เดินนอกจากจะมีป้ายบอกชื่อพันธุ์ไม้ในแต่ละต้น ยังมีป้ายบอกรายละเอียดทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้ที่มาเดินนั้นได้ประโยชน์สูงสุด โดยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบนสันทราย ได้ปูหินทรายกลมกลืนกับพื้นที่ทำให้เดินสำรวจธรรมชาติได้สะดวก แต่บางช่วงก็โดนทรายกลบเกือบหมดเพราะอิทธิพลแรงลมพัดทรายเม็ดมาถมเส้นทาง เส้นทางบางช่วงเป็นบันไดสูงชันหลายสิบขั้น
สำหรับโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ปะทิว ชุมพร เป็นโครงการเดียวที่สัมผัสไม้หอมได้กลิ่นทั่วในยามเช้า อาทิ ดอกพันจำ (สีขาว) เป็นไม้สกุลเดียวกับจันทน์กะพ้อ ซึ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะทยอยออกดอกเรื่อยๆดอกกระดูกไก่ (สีขาว) ดอกดองดึง ดอกปลาไหลเผือก ดอกช้างน้าว (สีเหลือง)ดอกเข็มหอม มักจะพบที่หมู่เกาะสิมิลัน ดอกโมกเครือ (สีขาว) ดอกเขี้ยวงู (สีขาว) ดอกแมกโนเลีย ดอกเคี่ยม ส่วนใหญ่จะออกดอกในช่วงหน้าร้อน บางชนิดในหน้าฝน และหน้าหนาว ดอกกาทุที่เจ้าหน้าที่ของโครงการมักจะอธิบายกับผู้ศึกษาธรรมชาติว่า “ผลกาทุเป็นผลไม้ที่สมเด็จพระเทพฯทรงโปรดปราน”
ต้นไม้พรรณไม้มากสรรพคุณ เช่น ต้นเสม็ดชุนอายุนับร้อยปี เป็นไม้ยืนต้นในพื้นที่ป่าสันทรายชายทะเล แตกกิ่งก้านสาขามากใกล้โคนต้น บางต้นแผ่กิ่งเลื้อยไปตามพื้นดินทรงพุ่มกลม ต้นแตกกิ่งก้านเยอะมาก เพื่อลดอิทธิพลกระแสลมเปลือกลำต้นสีแดงส้มเด่นชัด สรรพคุณยอดอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสด ส่วนใบรสหอมร้อน ตำแก้เคล็ดขัดยอก ฟกบวมรมไฟนาบท้องเด็ก แก้องอืด ปวดท้อง
ต้นขันทองพยาบาทหรือกระดูกยายปลวก มีสรรพคุณเปลือกต้นรสเมาเบื่อ แก้ลมพิษ แก้พิษในกระดูก ฆ่าพยาธิ แก้โรคเรื้อน แก้มะเร็งคุทะราด กลากเกลื้อน โรคผิวหนังทุกชนิด เนื้อไม้แก้ลมพิษ รากแก้ลมรักษาน้ำเหลืองเสีย
ต้นตานซ่านหรือว่านดอกดิน เป็นพืชกลุ่มเฟิร์นช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุให้กลับหมุนเวียนสู่พื้นดินในระบบนิเวศน์ของป่า สรรพคุณใช้ทุกส่วนของต้นเป็นยาสมุนไพรเป็นส่วนผสมหลักของยาแก้ตานขโมยทุกประเภทพบเพียงไม่กี่แห่งในไทย
ต้นเขากวาง ขึ้นตามป่าเนินสันทรายชายทะเล แก่นไม้เป็นสมุนไพรบำรุงสตรีหลังคลอด ต้นมังคุดป่าหรือสารภีป่า มีผลเป็นรูปกลมถึงรี มีจุกที่ปลายผล เป็นติ่ง ต้นเตยทะเลหรือลำเจียก สรรพคุณดอกรสหวานเย็นแก้ลม บำรุงหัวใจ แก้ไข้ รากใช้ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้เบาหวาน ขับนิ่ว แก้หนองใน หรือแม้แต่สัตว์ตัวน้อยอย่างนกแก็ก และชันนะโรงก็ยังสามารถพอเจอได้ภายในผืนป่าบนเนินทรายแห่งนี้
ฤาทรายจะพลิ้วผ่าน
เพราะเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติทาง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้มอบนโยบายให้สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศึกษาระบบบริหารจัดการแนวสันทรายบางเบิด เพื่อประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่งมาตั้งแต่ เดือน พ.ย. 2548 เบื้องต้นกำหนดการบริหารจัดการแนวสันทรายแห่งนี้ โดยกำหนดเขตครอบคลุมเนินทรายบริเวณตั้งแต่โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จ.ชุมพร ไปจนสุดเขตชุมชนบ้านถ้ำธง
ด้านหลังกำหนดเขตถัดจากเนินทรายประมาณ 30 เมตร เพื่อทำถนนสำหรับสัญจรที่ไม่ทำลายความสมดุลของเนินทรายในอนาคต ด้านหน้าเนินทรายกำหนดเขตลงไปในทะเลประมาณ 3 ก.ม. เพื่อคุ้มครองทรัพยากรในระบบนิเวศชายฝั่ง รวมพื้นที่ควบคุมทั้งหมดประมาณ 7.4 ตร.กม.
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริเวณพื้นที่คุ้มครองแนวสันทรายบางเบิด ได้มีบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กรายใหญ่เข้ามาถือครองที่ดินด้านหลังเนินสันทรายเป็นแนวยาวตลอดชายฝั่งหลายพันไร่ เพื่อก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กขนาดใหญ่ระดับโลก และสร้างท่าเทียบเรืออุตสาหกรรม
ชาวบ้านที่มีส่วนร่วมจึงเกิดความเป็นห่วงและวิตกกังวล กลัวว่าเนินสันทรายอีกเป็นที่หนึ่งของไทยจะต้องสูญสลายด้วย"อำนาจ"และ"ทุน"ที่เหนือกว่า ซึ่งขณะนี้เนินทรายแห่งนี้ได้ถูกผ่ากลางด้วยถนนเพื่อรองรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่จะเข้ามาในพื้นที่ในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หากไร้การเหลียวแลจากภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องเพราะนี่คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“สันทรายบางเบิด”ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่รอยต่อในบ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร
โครงการพัฒนาส่วนพระองค์(โครงการจัดการป่าไม้บนพื้นที่สันทราย)บ้านน้ำพุ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 โทร. 08-1958-7842