ชุมพร-นักอนุรักษ์เผยกลุ่มทุนอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ เล็งย้ายฐานผลิต สร้างโรงถลุงเหล็กครบวงจร ท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ มาพื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ส่อพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล หวั่นส่งผลกระทบท่องเที่ยว โครงการพระราชดำริฯ “ ในหลวง ” และ ป่า “ ราชินี ”
น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สถาบันเหล็ก และเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย หรือ สลท. ได้เดินทางมาบรรยาย เรื่อง ความจำเป็นของประเทศไทย ที่ต้องมีโรงงานถลุงเหล็ก การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจร ให้กับหัวหน้าส่วนราชการได้รับทราบ โดยมีเจ้าหน้าที่มวลชนสัมพันธ์ฝ่ายโครงการพิเศษจากกลุ่มทุนอุตสาหกรรมเหล็กในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ชุมพร เดินทางเข้าร่วมประชุมด้วย 3 คน ที่ศูนย์ราชการ จ.ชุมพร
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงอ้างถึงผลจากการศึกษาพบว่า พื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นพื้นที่ติดทะเล และมีน้ำลึกเพียงพอเหมาะ ที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และโรงงานถลุงเหล็กครบวงจรได้
น.ส.ชิดสุภางค์ กล่าวว่า จากการณ์ดังกล่าวทราบว่ากลุ่มทุนอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร จะขยายฐานผลิตมาจาก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะถูกต่อต้านอย่างหนักจากพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ทุกอย่างได้มีการวางแผนงานรองรับไว้หมดแล้ว เช่น การเร่งให้มีการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่โครงการประมาณ 40 กม. เพื่อผันน้ำจำนวนมหาศาลมาใช้กับโรงงานถลุงเหล็ก
อีกทั้งสภาท้องถิ่นได้พิจารณาเห็นชอบผ่านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก รวมทั้งการกว้านซื้อที่ดิน และยึดครองป่าชายเลน โดยใช้วิธีการให้นายหน้าทำนากุ้งเพื่อทำให้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม เมื่อทุกอย่างมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ และมีการพาข้าราชการไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว ดังนั้น กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจะมีหมดความหมายอะไร
“เราไม่ได้เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้าง แต่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและประชนจำนวนมาก เราต้องการทราบข้อมูลที่เป็นจริง อย่าปิดบังซ่อนเร้นหรือมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล”
ทั้งนี้ เพราะพื้นที่ที่มีการกล่าวอ้างถึงความเหมาะสม ทราบว่าอยู่บริเวณ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งมีหาดทรายแก้ว และสันทรายที่สวยงามยาวหลายกิโลเมตร มีความสูงกว่า 30 เมตร รวมพื้นที่ 842 ไร่ ถือว่ามีอยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย มีความหลากหลายทางชีวภาพ จนได้รับคำขนานนามว่า “ หนึ่งในสยาม สันทรายงามที่ชุมพร ”
ด้านทิศเหนือเป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงใช้ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ทางการเกษตรและพืชประจำถิ่น จำนวน 400 ไร่ ส่วนด้านทิศใต้ มีป่าชายเลนอ่าวทุ่งมหา จำนวนกว่า 6,256ไร่ ที่ได้รับพระราชทานธง “ พิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิต ” จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของ จ.ชุมพร
“ ขณะนี้เครือข่ายกลุ่มนักอนุรักษ์ จ.ชุมพร กำลังปรึกษาหารือ และเตรียมจัดเวทีเสวนาขึ้น โดยจะเชิญนักวิชาการอิสระ อาจารย์จากสถาบันที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน เพื่อระดมความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว ” น.ส.ชิดสุภางค์กล่าว
น.ส.ชิดสุภางค์ ชำนาญ เลขาธิการสมาคมเพื่อนสิ่งแวดล้อมชุมพร กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สถาบันเหล็ก และเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย หรือ สลท. ได้เดินทางมาบรรยาย เรื่อง ความจำเป็นของประเทศไทย ที่ต้องมีโรงงานถลุงเหล็ก การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าครบวงจร ให้กับหัวหน้าส่วนราชการได้รับทราบ โดยมีเจ้าหน้าที่มวลชนสัมพันธ์ฝ่ายโครงการพิเศษจากกลุ่มทุนอุตสาหกรรมเหล็กในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ชุมพร เดินทางเข้าร่วมประชุมด้วย 3 คน ที่ศูนย์ราชการ จ.ชุมพร
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงอ้างถึงผลจากการศึกษาพบว่า พื้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นพื้นที่ติดทะเล และมีน้ำลึกเพียงพอเหมาะ ที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และโรงงานถลุงเหล็กครบวงจรได้
น.ส.ชิดสุภางค์ กล่าวว่า จากการณ์ดังกล่าวทราบว่ากลุ่มทุนอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร จะขยายฐานผลิตมาจาก อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะถูกต่อต้านอย่างหนักจากพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้ทุกอย่างได้มีการวางแผนงานรองรับไว้หมดแล้ว เช่น การเร่งให้มีการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่โครงการประมาณ 40 กม. เพื่อผันน้ำจำนวนมหาศาลมาใช้กับโรงงานถลุงเหล็ก
อีกทั้งสภาท้องถิ่นได้พิจารณาเห็นชอบผ่านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก รวมทั้งการกว้านซื้อที่ดิน และยึดครองป่าชายเลน โดยใช้วิธีการให้นายหน้าทำนากุ้งเพื่อทำให้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม เมื่อทุกอย่างมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ และมีการพาข้าราชการไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว ดังนั้น กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจะมีหมดความหมายอะไร
“เราไม่ได้เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้าง แต่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและประชนจำนวนมาก เราต้องการทราบข้อมูลที่เป็นจริง อย่าปิดบังซ่อนเร้นหรือมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล”
ทั้งนี้ เพราะพื้นที่ที่มีการกล่าวอ้างถึงความเหมาะสม ทราบว่าอยู่บริเวณ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งมีหาดทรายแก้ว และสันทรายที่สวยงามยาวหลายกิโลเมตร มีความสูงกว่า 30 เมตร รวมพื้นที่ 842 ไร่ ถือว่ามีอยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย มีความหลากหลายทางชีวภาพ จนได้รับคำขนานนามว่า “ หนึ่งในสยาม สันทรายงามที่ชุมพร ”
ด้านทิศเหนือเป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงใช้ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ทางการเกษตรและพืชประจำถิ่น จำนวน 400 ไร่ ส่วนด้านทิศใต้ มีป่าชายเลนอ่าวทุ่งมหา จำนวนกว่า 6,256ไร่ ที่ได้รับพระราชทานธง “ พิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิต ” จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ของ จ.ชุมพร
“ ขณะนี้เครือข่ายกลุ่มนักอนุรักษ์ จ.ชุมพร กำลังปรึกษาหารือ และเตรียมจัดเวทีเสวนาขึ้น โดยจะเชิญนักวิชาการอิสระ อาจารย์จากสถาบันที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน เพื่อระดมความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว ” น.ส.ชิดสุภางค์กล่าว