นครศรีธรรมราช - นายก อบต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช เชื่อการขุดเจาะน้ำมันของบริษัท เชพรอน ประเทศไทยฯ บริเวณอ่าวไทยจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จี้ศึกษาผลกระทบให้ชัดเจน
จากการที่บริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มีโครงการขยายการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย หรือมีการขุดเจาะบ่อน้ำมันภายใต้ความเห็นชอบจากรัฐบาล เพื่อขยายการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งภายในประเทศเพิ่มเติม และขยายความต้องการด้านพลังงาน โดยจะติดตั้งแท่นกลุ่มผลิต 3 แทนในปี 2552-2554 และ 2561 นั้น
นายธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายก อบต.ปากพูน อ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในฝั่งทะเลอ่าวไทยโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า คนในพื้นที่รับรู้เรื่องนี้น้อยมาก เพราะฉะนั้น การรับรู้ของประชาชนในพื้นที่คือปัญหาแน่นอน ซึ่งการศึกษาผลกระทบโครงการนี้เท่าที่รู้จะมีหลายพิกัดที่จะมาขุดเจาะบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเชื่อว่าจะเกิดมลภาวะแน่นอนในขณะที่กำลังขุดเจาะ โดยตะกอนต่างๆ ในทะเลจะเกิดการฟุ้งกระจายทำลายระบบนิเวศน์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำลายสัตว์น้ำในทะเลอย่างแน่นอน
จึงจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบในด้านนี้ให้ดี เพราะการฟุ้งกระจายของตะกอนจะผสมผสานกับกระแสน้ำทะเลนั้นจะพัดพาไปไกลขนาดไหน แล้วจะส่งผลกระทบต่อส่วนด้านชีววิทยาอย่างไร รวมทั้งต้องศึกษาวงจรชีวิตของสัตว์น้ำว่าจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารด้วย ซึ่งสิ่งนี้คือภาคส่วนที่จะเกิดขึ้นกลางทะเล
ส่วนภาคพื้นดินหรือริมฝั่งคิดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นคือความเสี่ยงหรือความปลอดภัยในเรื่องเชื้อเพลิงด้วย และด้านอื่นๆ ตอนนี้เรายังไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร เพราะเรารู้เพียงว่าจะมีการขุดเจาะเท่านั้น ขณะที่ตนก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดนัก ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นเป็นการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ มีทิศทางในอนาคตอย่างไร สถานที่ตั้งอยู่ตรงไหน เราไม่ทราบข้อมูลหรือรายละเอียดเลย
นายธนาวุฒิ กล่าวถึงข้อดีข้อเสียของโครงการดังกล่าวว่า ตรงนี้ค่อนข้างตอบยาก เพราะเรายังไม่ทราบเลยว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร หากเกิดขึ้นมาแล้วจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราชมีสภาพเศรษฐกิจโตขึ้นหรือไม่เราก็ไม่มีข้อมูลตรงนี้ และอย่าลืมว่าการตั้งสถานที่ขุดเจาะบ่อน้ำมันนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะมารับคนงานหรือบุคลากรใหม่ ซึ่งอาจจะมีบุคลากรของเขาอยู่แล้ว หรือถ้ารับพนักงานในท้องถิ่นก็คิดว่าคงมีน้อย
“ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีแน่นอน แต่ตอนนี้เรายังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเพราะยังไม่มีการศึกษาข้อมูลที่ชัดเจน ส่วนวิถีชีวิตในชุมชนจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้นต้องศึกษาอย่างละเอียดต่อไปด้วย” นายก อบต.ปากพูน กล่าวในที่สุด
จากการที่บริษัท เชฟรอน ประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มีโครงการขยายการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย หรือมีการขุดเจาะบ่อน้ำมันภายใต้ความเห็นชอบจากรัฐบาล เพื่อขยายการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งภายในประเทศเพิ่มเติม และขยายความต้องการด้านพลังงาน โดยจะติดตั้งแท่นกลุ่มผลิต 3 แทนในปี 2552-2554 และ 2561 นั้น
นายธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายก อบต.ปากพูน อ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในฝั่งทะเลอ่าวไทยโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า คนในพื้นที่รับรู้เรื่องนี้น้อยมาก เพราะฉะนั้น การรับรู้ของประชาชนในพื้นที่คือปัญหาแน่นอน ซึ่งการศึกษาผลกระทบโครงการนี้เท่าที่รู้จะมีหลายพิกัดที่จะมาขุดเจาะบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเชื่อว่าจะเกิดมลภาวะแน่นอนในขณะที่กำลังขุดเจาะ โดยตะกอนต่างๆ ในทะเลจะเกิดการฟุ้งกระจายทำลายระบบนิเวศน์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำลายสัตว์น้ำในทะเลอย่างแน่นอน
จึงจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบในด้านนี้ให้ดี เพราะการฟุ้งกระจายของตะกอนจะผสมผสานกับกระแสน้ำทะเลนั้นจะพัดพาไปไกลขนาดไหน แล้วจะส่งผลกระทบต่อส่วนด้านชีววิทยาอย่างไร รวมทั้งต้องศึกษาวงจรชีวิตของสัตว์น้ำว่าจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารด้วย ซึ่งสิ่งนี้คือภาคส่วนที่จะเกิดขึ้นกลางทะเล
ส่วนภาคพื้นดินหรือริมฝั่งคิดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นคือความเสี่ยงหรือความปลอดภัยในเรื่องเชื้อเพลิงด้วย และด้านอื่นๆ ตอนนี้เรายังไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร เพราะเรารู้เพียงว่าจะมีการขุดเจาะเท่านั้น ขณะที่ตนก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดนัก ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นเป็นการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ มีทิศทางในอนาคตอย่างไร สถานที่ตั้งอยู่ตรงไหน เราไม่ทราบข้อมูลหรือรายละเอียดเลย
นายธนาวุฒิ กล่าวถึงข้อดีข้อเสียของโครงการดังกล่าวว่า ตรงนี้ค่อนข้างตอบยาก เพราะเรายังไม่ทราบเลยว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร หากเกิดขึ้นมาแล้วจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราชมีสภาพเศรษฐกิจโตขึ้นหรือไม่เราก็ไม่มีข้อมูลตรงนี้ และอย่าลืมว่าการตั้งสถานที่ขุดเจาะบ่อน้ำมันนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะมารับคนงานหรือบุคลากรใหม่ ซึ่งอาจจะมีบุคลากรของเขาอยู่แล้ว หรือถ้ารับพนักงานในท้องถิ่นก็คิดว่าคงมีน้อย
“ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อว่าจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีแน่นอน แต่ตอนนี้เรายังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเพราะยังไม่มีการศึกษาข้อมูลที่ชัดเจน ส่วนวิถีชีวิตในชุมชนจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้นต้องศึกษาอย่างละเอียดต่อไปด้วย” นายก อบต.ปากพูน กล่าวในที่สุด
