บุรีรัมย์ - ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่ตรวจความเสียหายโบราณวัตถุบนพนมรุ้งที่ถูกคนร้ายทุบทำลาย พร้อมยอมรับจนท.หละหลวม เตรียมทุ่มงบฯล้อมคอกกว่า 300 ล้าน เพิ่มยามรักษาความปลอดภัย ไฟส่องสว่าง และติดกล้องวงจรปิดโบราณสถานที่ล่อแหลมทั่วประเทศหวั่นซ้ำรอย พร้อมชี้ พ.ร.บ.ควบคุมโบราณสถานยังศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ชาวบ้านกว่า 300 ทำพิธีกรรมสาปแช่งคนร้าย ร่างทรงระบุอีก 7-10 วันกลุ่มคนร้ายโร่มอบตัว ด้านตำรวจสอบพยานแล้ว 20 ปาก มุ่ง 2 ประเด็นหลัก
วันนี้ (23 พ.ค.) นายวีระ โรจพจณรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และนายปรารพ เหล่าวนิช รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพความเสียหายรูปปั้นเทวรูปองค์เทพบริวารบนปราสาทพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกคนร้ายบุกขึ้นไปทุบทำลาย
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากไม่มีกำลังบุคลากรเพียงพอในการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งทางกระทรวงจะได้จัดสรรงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มไฟส่องสว่าง และสำรวจติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามอุทยานและโบราณสถานที่มีอยู่กว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ
โดยจะเริ่มจากโบราณสถานที่ล่อแหลม และมีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายหรือโจรกรรมเป็นอันดับต้นๆ โดยจะใช้งบประมาณเหลือจ่ายของปี 2551 ไม่รองบประมาณปี 2552 ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในองค์กร นั้น ก็จะได้ทำการตรวจสอบหากพบว่ามีจริงก็จะดำเนินการทางวินัยและกฎหมายทันที
นายวีระ อีกว่า นอกจากนั้นทางกระทรวงฯ จะได้จัดนักอนุรักษ์ และนายช่างโบราณคดีจากกรมศิลปากร มาร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เร่งทำการบูรณะซ่อมแซมเทวรูปที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว และจะมีการทำพิธีบรวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ ก่อนที่จะทำการบูรณะด้วย
“หลังจากที่โบราณวัตถุบนปราสาทพนมรุ้งได้ถูกทุบทำลาย ทางกระทรวงฯ จะได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชน เด็ก และเยาวชนได้หันมาอนุรักษ์ หวงแหน โบราณสถานซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของชาติร่วมกัน” นายวีระ กล่าว
ด้าน นายปรารพ เหล่าวนิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโบราณสถานยังมีความศักดิ์สิทธิ์ที่จะสามารถเอาผิดต่อกลุ่มผู้กระทำผิดได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มผู้กระทำผิดอยู่หลายราย ทั้งนี้ยังมีชาวบ้านให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่มีพฤติกรรมทำลายโบราณสถาน ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบดำเนินการหลายครั้ง อย่างเช่น คนร้ายที่ลักลอบขโมยสายไฟใต้ดินที่วัดบึงพระราม ก็สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ สุขะตุงคะ ผู้กำกับการตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าว ว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 20 ปาก ทั้งยาม เจ้าหน้าที่อุทยาน แม่ค้าขายของบนปราสาท และชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ซึ่งก็ได้ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีคืบหน้าไปมาก ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนคดีมุ่งไปที่ 2 ประเด็นหลักแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี
อย่างไรก็ตาม ได้เร่งออกสืบหาติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวในไม่ช้า
ขณะที่ชาวบ้าน 5 ตำบล ในเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กว่า 300 คน นำโดย นายจอน ผ่องขำ กำนันตำบลตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้นำหัวหมูและเครื่องเซ่นไปกราบไหว้สักการะเจ้าพ่อปราสาททอง ที่ตั้งอยู่ บ.ตาเป๊ก ต.ตาเป๊ก ทางขึ้นปราสาทพนมรุ้ง เพื่อกราบไหว้สักการะตามประเพณีเป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้ชาวบ้านได้นำหมอไสยเวทจาก อ.ประโคนชัย มาทำพิธีกรรมเข้าทรงองค์เจ้าปราสาททอง เพื่อหาตัวคนร้ายตามความเชื่อ
โดยร่างทรงระบุว่า คนร้ายที่มาก่อเหตุทุบทำลายเทวรูปองค์เทพบริวารบนปราสาทพนมรุ้ง มีทั้งหมด 10 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 4 คน มีอาวุธครบมือ เดินทางมาจากจังหวัดชายแดน พร้อมกับหมอไสยศาสตร์ต่างชาติ เพื่อมาประกอบพิธีหวังจะลักลอบนำศิวลึงค์ออกไปนอกพื้นที่ปราสาท แต่ทำไม่สำเร็จจึงได้ทุบทำลายเทวรูปองค์เทพบริวารที่ปกปักษ์รักษาพนมรุ้งจนได้รับความเสียหาย
ร่างทรงยังระบุว่า อีก 7-10 วัน กลุ่มคนร้ายที่มากับหมอไสยศาสตร์จะเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง เนื่องจากถูกพลังอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนพนมรุ้งรุมเร้า
จากนั้นชาวบ้านที่มาร่วมสักการะเจ้าพ่อปราสาททอง ได้ร่วมกันประกอบพิธีกรรมสาปแช่งกลุ่มคนร้ายใจบาปที่บุกขึ้นไปทุบทำลายวัตถุโบราณบนปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์ให้ความเคารพสักการะ ขอให้ผู้ที่กระทำได้รับผลกรรมภายใน 3 วัน 7 วัน
