แฉกลุ่มคนใจบาปบุกปราสาทหิน "พนมรุ้ง" บุรีรัมย์กลางดึกประกอบพิธีกรรมก่อนใช้ของแข็งทุบข้อมือทวารบาลทั้ง 2 ข้าง แล้วนำไปทุบทำลายหน้าสิงห์ 2 ตัว-เศียรพญานาค 11 เศียรและทำลายปากโคนนทิ ล้วนเป็นเทพบริวารปกปักษ์รักษาปราสาท พร้อมย้ายศิวลึงค์ไปทิ้งบริเวณรางสรงบ่อน้ำมนต์ศักสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานฯรุดแจ้งความชี้คนร้ายเจตนาทำลายมรดกแผ่นดินอายุนับพันปี ตร.ตั้ง 3 ปมเหตุเร่งติดคนร้าย ส่วนผู้ว่าฯ มุ่งฝีมือกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ถูกห้ามปลุกเสกจตุคามฯ บนปราสาทพนมรุ้ง ด้าน ผอ.สำนักศิลปากร 12 สั่งเพิ่มกำลังคุมเข้มโบราณสถานอีสานใต้ทุกแห่ง
วานนี้ (20 พ.ค.) เวลา 08.0 น.นายดุสิต อุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.บุระ ทิพย์อักษร ร้อยเวร สภ.เฉลิมพระเกียรติว่า ปราสาทหินพนมรุ้ง โบราณสถานที่สำคัญของประเทศไทย ถูกทุบทำลายได้ความเสียหายจำนวนหลายจุด นับแต่บันไดทางขึ้นจนถึงตัวปราสาท พร้อมได้เคลื่อนย้าย "ศิวลึงค์" ออกจากที่ตั้งเดิม
เมื่อ ร.ต.ท.บุระ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ สุขุตุงคะ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบข้อเท็จภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง พบว่า บรรดาเศียรนาคที่ตั้งอยู่ตั้งแต่บริเวณสะพานนาคราชบันไดทางขึ้นจนถึงตัวปราสาทเข้าพนมรุ้งถูกทุบตีด้วยของแข็ง ได้รับความเสียหายแตกหัก 11 เศียร รวมทั้งยังทุบทำลายปากโคนนทิ ในมณฑปของปราสาทประธาน แขนทวารบาลเฝ้าประตูด้านทิศใต้ปราสาทหัก 2 ข้าง และทุบทำลายปากสิงห์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังปราสาทอีก 2 ตัวได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้น กลุ่มคนร้ายยังได้เคลื่อนย้าย "ศิวลึงค์" จากแท่นฐาน ไปวางไว้บริเวณรางสรงประสูต (บ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์) ในห้องกลางปราสาทประทาน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริเวณลานดอกบัว 8 กลีบ ของสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีแก้วน้ำและบุหรี่คล้ายเครื่องเซ่นไหว้วางอยู่ ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนลงมือทุบทำลาย ทั้งนี้ ส่วนมากที่ถูกทุบทำลายจะเป็นเทพบริวารที่ปกปักษ์รักษาปราสาท
โดยพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้าย ก่อนลงมือได้มีการทำพิธีกรรมคล้ายขอขมา โดยมีแก้วน้ำ 1 ใบและบุหรี่ที่จุดแล้ว 3 มวน วางอยู่บริเวณดอกบัว 8 กลีบ สะพานนาคชั้น 1 ทางขึ้นปราสาทและที่บริเวณดอกบัว 8 กลับ ตรงหน้าปราสาทด้านทิศตะวันออก
จากนั้นคนร้ายก็ได้ใช้ของแข็งทุบข้อมือทวารบาล ซึ่งเป็นเป็นเทพบริวารที่ยืนอยู่หน้าประตูปราสาททางทิศใต้ แล้วนำเอามือทั้งสองข้างของทวารบาล ไปทุบทำลายใบหน้าสิงห์ ที่อยู่บันไดทางขึ้นด้านทิศตะวันตกของปราสาท 2 ตัวและเศียรนาคบนปราสาท จากนั้นได้ทุบ ปาก หู เขาโคนนทิ ที่อยู่ในปรางค์ปราสาทแตกกระจุยกระจาย โดยเป็นการทุบทำลายจากด้านบนลงมาด้านล่าง
จากการสังเกตร่องรอยวิธีการทุบจะเป็นการทุบจากด้านซ้ายตามเข็มนาฬิกาแทบทุกตัว โดยกรของทวารบาล พบตกอยู่บริเวณเศียรนาคหน้าปราสาท 1 ข้างและอยู่บันไดหน้าปราสาทด้านทิศตะวันออกชั้นแรกอีก 1 ข้าง โดยผู้กระทำน่าจะมีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์เป็นอย่างดี คล้ายกับทำเป็นการแก้เคล็ด แต่ไม่สามารถที่จะบ่งบอกถึงจุดประสงค์ได้ชัดเจน
ร.ต.ท.บุระ เผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พร้อมสอบปากคำพยานรวม 4 ปากทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอุทยานฯทราบว่า ในแต่ละคืนจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ 3 จุด คือ บริเวณทางขึ้นด้านหน้าปราสาท, ด้านหลังปราสาทและโดยรอบบริเวณปราสาท ซึ่งทุกคนให้การตรงกันว่า จากการเดินตรวจและพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (19) สภาพโดยทั่วไปของปราสาทยังปกติดี
"เมื่อมาตรวจครั้งสุดท้ายเวลา 04.00 น.ของเช้าตรู่วันนี้ (20) จึงพบเห็นสภาพปราสาทพนมรุ้งหลายจุดถูกทุบทำลายเสียหายรายจุด จึงแจ้งให้หัวหน้าอุทยานฯได้รับทราบและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว" ร.ต.ท.บุระ กล่าว
เวลา 14.00 น.นายสันทัด จัตุชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม พล.ต.เอกศักดิ์ ไสยสุข ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์, พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, นายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบร่องรอยความเสียหายที่เกิดเหตุทั้งหมดที่บริเวณปราสาทเขาพนมรุ้ง
นายดุสิต กล่าวว่า การกระทำของคนร้ายดังกล่าวมีเจตนาทำลายมรดกของแผ่นดิน ซึ่งความเสียหายประเมินค่าไม่ได้เพราะเป็นโบราณสถานที่มีอายุนับพันปี แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของชาวบุรีรัมย์และชาวบ้านที่อยู่รอบปราสาท ที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ให้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว ทั้งนี้ ทางอุทยานฯยังจะได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณปราสาทพนมรุ้ง และแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวซ้ำอีก
ด้านนายสันทัด กล่าวว่า จากการตรวจสอบคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุช่วงกลางคืนประมาณ 04.00 น. ของเช้าตรู่วันนี้ (20) เพราะช่วง 22.00 น. เจ้าหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัย ที่ขึ้นมาตรวจยังเห็นองค์เทพต่างๆ ยังอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ท้องที่รับผิดชอบได้เร่งหาหลักฐานติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว เนื่องจากถือว่ากลุ่มคนร้ายได้ทำลายโบราณสถานสำคัญ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของชาวบุรีรัมย์ และของประเทศไทย
รวมทั้งให้ตรวจสอบกลุ่มที่เคยมาขออนุญาตขึ้นมาทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพ แต่ทางจังหวัดฯได้สั่งห้ามเนื่องจากเกรงว่าโบราณสถานจะได้รับผลกระทบชำรุดเสียหายด้วย เพราะเคยได้รับร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวว่าไม่ได้รับความสะดวกในการเที่ยวชมความมหัศจรรย์ และความงามของปราสาท
"ดูจากพฤติกรรมคนร้ายจะนำเอาข้อมือทวารบาลไปทุบบริเวณปาก ใบหน้า ของบริวารเทพต่างๆ ภายในและนอกปราสาทจนได้รับความเสียหาย" นายสันทัด กล่าว
พ.ต.อ.วิชัย กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องความขัดแย้งภายในองค์กร, คนสติไม่สมประกอบ และผู้ที่เสียผลประโยชน์ที่ถูกห้ามไม่ให้ขึ้นไปทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพบนปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งตอนนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว คาดว่าจะสามารถติดตามคนร้ายได้ในไม่ช้านี้
ขณะที่นายศักดิ์ชัย พจน์นันท์มาณิชย์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ซึ่งดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และสุรินทร์ กล่าวว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทางอธิบดีกรมศิลปากรรับทราบเบื้องต้นแล้วและได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยบริเวณปราสาทพนมรุ้งให้แน่นหนามากขึ้น เนื่องจากอุทยานฯดังกล่าวมีพื้นที่กว้าง และมีทางขึ้นไปยังปราสาทได้หลายเส้นทาง
"จากเดิมทางอุทยานฯจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ 3 จุด บริเวณด้านหน้าประตูทางขึ้น ด้านหลัง และรอบบริเวณปราสาท จากนี้ไปจะต้องเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ดูแลและให้เดินตรวจรอบอุทยานฯถี่ขึ้นและจัดให้มีข้าราชการมาเฝ้าเวรยามในตอนกลางคืนทุกคืนเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายขึ้นมาทำลายโบราณสถาน หรือขโมยโบราณวัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าของประเทศชาติได้อีก"
นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปราสาทพนมรุ้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการทำลายโบราณวัตถุ คาดว่าน่าจะเป็นความคึกคะนองหรือแกล้งทำมากกว่า แต่ทั้งนี้จะต้องรอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ ส่วนตนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดภายในสัปดาห์หน้านี้เนื่องจากเรามีเจ้าหน้าที่และหัวหน้าอทุยานฯ ดูแลโดยตรงอยู่แล้ว
"ในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 จังหวัด ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์อยู่ 2 แห่งคืออุทยานฯพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และอุทยานฯพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์, พิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง รวมถึงหอสมุดแห่งชาติ ปราสาทหินและโบราณสถาน โบราณวัตถุอีกจำนวนมากนั้น ผมได้สั่งให้แต่ละพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลโบราณสถานโบราณวัตถุอย่างเข้มงวดเช่นกัน" นายศักดิ์ชัย กล่าว
วานนี้ (20 พ.ค.) เวลา 08.0 น.นายดุสิต อุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.บุระ ทิพย์อักษร ร้อยเวร สภ.เฉลิมพระเกียรติว่า ปราสาทหินพนมรุ้ง โบราณสถานที่สำคัญของประเทศไทย ถูกทุบทำลายได้ความเสียหายจำนวนหลายจุด นับแต่บันไดทางขึ้นจนถึงตัวปราสาท พร้อมได้เคลื่อนย้าย "ศิวลึงค์" ออกจากที่ตั้งเดิม
เมื่อ ร.ต.ท.บุระ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ สุขุตุงคะ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบข้อเท็จภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง พบว่า บรรดาเศียรนาคที่ตั้งอยู่ตั้งแต่บริเวณสะพานนาคราชบันไดทางขึ้นจนถึงตัวปราสาทเข้าพนมรุ้งถูกทุบตีด้วยของแข็ง ได้รับความเสียหายแตกหัก 11 เศียร รวมทั้งยังทุบทำลายปากโคนนทิ ในมณฑปของปราสาทประธาน แขนทวารบาลเฝ้าประตูด้านทิศใต้ปราสาทหัก 2 ข้าง และทุบทำลายปากสิงห์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังปราสาทอีก 2 ตัวได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้น กลุ่มคนร้ายยังได้เคลื่อนย้าย "ศิวลึงค์" จากแท่นฐาน ไปวางไว้บริเวณรางสรงประสูต (บ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์) ในห้องกลางปราสาทประทาน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริเวณลานดอกบัว 8 กลีบ ของสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีแก้วน้ำและบุหรี่คล้ายเครื่องเซ่นไหว้วางอยู่ ซึ่งคาดว่าคนร้ายจะทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนลงมือทุบทำลาย ทั้งนี้ ส่วนมากที่ถูกทุบทำลายจะเป็นเทพบริวารที่ปกปักษ์รักษาปราสาท
โดยพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้าย ก่อนลงมือได้มีการทำพิธีกรรมคล้ายขอขมา โดยมีแก้วน้ำ 1 ใบและบุหรี่ที่จุดแล้ว 3 มวน วางอยู่บริเวณดอกบัว 8 กลีบ สะพานนาคชั้น 1 ทางขึ้นปราสาทและที่บริเวณดอกบัว 8 กลับ ตรงหน้าปราสาทด้านทิศตะวันออก
จากนั้นคนร้ายก็ได้ใช้ของแข็งทุบข้อมือทวารบาล ซึ่งเป็นเป็นเทพบริวารที่ยืนอยู่หน้าประตูปราสาททางทิศใต้ แล้วนำเอามือทั้งสองข้างของทวารบาล ไปทุบทำลายใบหน้าสิงห์ ที่อยู่บันไดทางขึ้นด้านทิศตะวันตกของปราสาท 2 ตัวและเศียรนาคบนปราสาท จากนั้นได้ทุบ ปาก หู เขาโคนนทิ ที่อยู่ในปรางค์ปราสาทแตกกระจุยกระจาย โดยเป็นการทุบทำลายจากด้านบนลงมาด้านล่าง
จากการสังเกตร่องรอยวิธีการทุบจะเป็นการทุบจากด้านซ้ายตามเข็มนาฬิกาแทบทุกตัว โดยกรของทวารบาล พบตกอยู่บริเวณเศียรนาคหน้าปราสาท 1 ข้างและอยู่บันไดหน้าปราสาทด้านทิศตะวันออกชั้นแรกอีก 1 ข้าง โดยผู้กระทำน่าจะมีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์เป็นอย่างดี คล้ายกับทำเป็นการแก้เคล็ด แต่ไม่สามารถที่จะบ่งบอกถึงจุดประสงค์ได้ชัดเจน
ร.ต.ท.บุระ เผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พร้อมสอบปากคำพยานรวม 4 ปากทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอุทยานฯทราบว่า ในแต่ละคืนจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ 3 จุด คือ บริเวณทางขึ้นด้านหน้าปราสาท, ด้านหลังปราสาทและโดยรอบบริเวณปราสาท ซึ่งทุกคนให้การตรงกันว่า จากการเดินตรวจและพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (19) สภาพโดยทั่วไปของปราสาทยังปกติดี
"เมื่อมาตรวจครั้งสุดท้ายเวลา 04.00 น.ของเช้าตรู่วันนี้ (20) จึงพบเห็นสภาพปราสาทพนมรุ้งหลายจุดถูกทุบทำลายเสียหายรายจุด จึงแจ้งให้หัวหน้าอุทยานฯได้รับทราบและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว" ร.ต.ท.บุระ กล่าว
เวลา 14.00 น.นายสันทัด จัตุชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม พล.ต.เอกศักดิ์ ไสยสุข ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์, พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, นายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบร่องรอยความเสียหายที่เกิดเหตุทั้งหมดที่บริเวณปราสาทเขาพนมรุ้ง
นายดุสิต กล่าวว่า การกระทำของคนร้ายดังกล่าวมีเจตนาทำลายมรดกของแผ่นดิน ซึ่งความเสียหายประเมินค่าไม่ได้เพราะเป็นโบราณสถานที่มีอายุนับพันปี แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของชาวบุรีรัมย์และชาวบ้านที่อยู่รอบปราสาท ที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ให้เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้ว ทั้งนี้ ทางอุทยานฯยังจะได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณปราสาทพนมรุ้ง และแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวซ้ำอีก
ด้านนายสันทัด กล่าวว่า จากการตรวจสอบคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุช่วงกลางคืนประมาณ 04.00 น. ของเช้าตรู่วันนี้ (20) เพราะช่วง 22.00 น. เจ้าหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัย ที่ขึ้นมาตรวจยังเห็นองค์เทพต่างๆ ยังอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ท้องที่รับผิดชอบได้เร่งหาหลักฐานติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว เนื่องจากถือว่ากลุ่มคนร้ายได้ทำลายโบราณสถานสำคัญ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของชาวบุรีรัมย์ และของประเทศไทย
รวมทั้งให้ตรวจสอบกลุ่มที่เคยมาขออนุญาตขึ้นมาทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพ แต่ทางจังหวัดฯได้สั่งห้ามเนื่องจากเกรงว่าโบราณสถานจะได้รับผลกระทบชำรุดเสียหายด้วย เพราะเคยได้รับร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวว่าไม่ได้รับความสะดวกในการเที่ยวชมความมหัศจรรย์ และความงามของปราสาท
"ดูจากพฤติกรรมคนร้ายจะนำเอาข้อมือทวารบาลไปทุบบริเวณปาก ใบหน้า ของบริวารเทพต่างๆ ภายในและนอกปราสาทจนได้รับความเสียหาย" นายสันทัด กล่าว
พ.ต.อ.วิชัย กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องความขัดแย้งภายในองค์กร, คนสติไม่สมประกอบ และผู้ที่เสียผลประโยชน์ที่ถูกห้ามไม่ให้ขึ้นไปทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพบนปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งตอนนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว คาดว่าจะสามารถติดตามคนร้ายได้ในไม่ช้านี้
ขณะที่นายศักดิ์ชัย พจน์นันท์มาณิชย์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ซึ่งดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ จ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ และสุรินทร์ กล่าวว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทางอธิบดีกรมศิลปากรรับทราบเบื้องต้นแล้วและได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยบริเวณปราสาทพนมรุ้งให้แน่นหนามากขึ้น เนื่องจากอุทยานฯดังกล่าวมีพื้นที่กว้าง และมีทางขึ้นไปยังปราสาทได้หลายเส้นทาง
"จากเดิมทางอุทยานฯจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ 3 จุด บริเวณด้านหน้าประตูทางขึ้น ด้านหลัง และรอบบริเวณปราสาท จากนี้ไปจะต้องเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ดูแลและให้เดินตรวจรอบอุทยานฯถี่ขึ้นและจัดให้มีข้าราชการมาเฝ้าเวรยามในตอนกลางคืนทุกคืนเพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายขึ้นมาทำลายโบราณสถาน หรือขโมยโบราณวัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าของประเทศชาติได้อีก"
นายศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปราสาทพนมรุ้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการทำลายโบราณวัตถุ คาดว่าน่าจะเป็นความคึกคะนองหรือแกล้งทำมากกว่า แต่ทั้งนี้จะต้องรอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ ส่วนตนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดภายในสัปดาห์หน้านี้เนื่องจากเรามีเจ้าหน้าที่และหัวหน้าอทุยานฯ ดูแลโดยตรงอยู่แล้ว
"ในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 จังหวัด ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์อยู่ 2 แห่งคืออุทยานฯพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และอุทยานฯพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์, พิพิธภัณฑ์ 3 แห่ง รวมถึงหอสมุดแห่งชาติ ปราสาทหินและโบราณสถาน โบราณวัตถุอีกจำนวนมากนั้น ผมได้สั่งให้แต่ละพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลโบราณสถานโบราณวัตถุอย่างเข้มงวดเช่นกัน" นายศักดิ์ชัย กล่าว