∞ สวัสดีเจ้าค่า “ไซน์กระซิบ” กลับมาพบกันอีกครั้ง กับวันเสาร์ใกล้ปลายเดือนพฤษภาฯ ที่หัวใจใครหลายคนอาจไปจดจ่ออยู่กับตู้เอทีเอ็ม อาทิ “หนูไซน์ฯ” แล้วก็เป็นได้...
...ก็แหมในยุคข้าวยากหมากแพงที่มีสายฝนเทกระหน่ำหลังซัมเมอร์ จะทำกระไรได้ เพราะไม่ว่าจะบ่ายหน้าไปทางไหนก็มีแต่ค่าครองชีพสูงลิบลิ่ว...กลับกันกับกระเป๋าสตางค์ที่ซูบเอาๆ... ไม่เข้าใจ ที่หันหน้าไปพึ่งพายามทุกข์ยากได้ก็เห็นจะมีแต่เจ้าตู้กดตังค์นี่ละเจ้าค่า...แต่กดเพลินเกินไป ปลายเดือนหน้ากับปลายเดือนนี้ก็อาจมีชะตากรรมไม่ต่างกัน... ∞
∞ แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด ต้องยอมรับว่าตอนนี้กระแสที่มาแรงสุดๆ เห็นจะเป็นเรื่อง “ข้าว” ที่สั่นสะเทือน “บู้ลิ้ม” กันถ้วนหน้า ยิ่งเมื่อนักการเมืองใหญ่ขยับ ผู้น้อยก็ยิ่งต้องส่ายตาม เพียงแค่ “เจ๊มิ่ง” หยิบข้าวธงฟ้าราคาประหยัด (แต่ไม่ทั่วถึง) มาเป็นผลงานเด่นประจำ ครม. หน่วยงานไหนไม่พูดถึงบ้างก็ดูเหมือนตกเทรนด์ไหลลงถังไปบัดดล
ล่าสุด ต้องลำบากถึง “กรมการข้าว” ที่ค่อยๆ ขยับตัวมาต่อสายตรงถึงสภาวิจัยแห่งชาติ ขอทุนต่อยอดงานวิจัยเก่าๆ เพื่อหาวิธีลดต้นทุนปลูกข้าวให้กับพี่น้องชาวนา หวังจูงใจให้หันมาปลูกข้าวมากๆ จะได้ไม่กระทบชื่อเสียงประเทศไทยในฐานะ “ครัวโลก”
แต่กระนั้นคนขี้วิตกอย่าง “หนูไซน์ฯ” ก็แอบกังวล เพราะกว่าจะอิดออดทำวิจัยเสร็จก็อาจใช้เวลานานถึง 2 ปี จึงหวั่นจะเข้าทำนอง “กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้” ชาวนาต้องรอจนเหงือกแห้งยังไงๆ พิกล จนสรุปที่สุดชาวนาก็อาจได้แต่นั่งทอดความฝันกินแทนข้าวเหมือนที่ผ่านๆ มานะเจ้าคะ
เลวร้ายไปกว่านั้น ฯพณฯ ท่านชัยฤทธิ์ รองอธิบดีกรมการข้าว ยังแบไต๋แบบดื้อๆ กล้าพูด ไม่กล้าฟังว่า งานวิจัยโดยมากในอดีตมักสิ้นสุดอยู่ในแล็บ ทอดอาลัยอยู่บนหิ้ง ไม่ได้ทดลองลงแปลงปลูกจริงสักที จึงไม่รู้ว่างานวิจัยที่ลงทุนไปนับแสนนับล้านบาท เอามาใช้จริงได้สักปลายเล็บหรือไม่
“หนูไซน์ฯ” จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพอเกิดปัญหาขึ้นมาแต่ละที ไม่ว่าหน่วยงานไหนถึงต้องลุกขึ้นมาขอทุนวิจัยใหม่ซะทุกครั้ง แต่น...แต๊น เฉลยคำตอบก็เพราะที่ผ่านมาทำวิจัยกันเสร็จ แต่ก็ไม่เหมือนไม่เสร็จนั่นเอง แบบนี้หน่วยงานในฐานะแหล่งทุนเห็นข้อผิดพลาดประการใดในระบบของวิจัยชาติแล้วควรปรับปรุงแก้ไข ด่วน...
∞ เฮ้อ! ปาดเหงื่อลุ้นกันแทบแย่ และแล้วหน่วยงานวิจัยระดับชาติอย่าง "สวทช." ก็ได้ "ดร.กัญญวิมว์ กีรติกร" มานั่งเก้าอี้ผู้บริหาร เป็น "ผอ.ไบโอเทค" คนใหม่ล่าสุดสักที หลังจากที่มีเสียงกระซิบกระซาบเป็นระยะๆ จะหาใครเก่งและเก๋าเท่า “ดร.มรกต” ยากเต็มทน
แต่แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น "ลูกหม้อ" ของไบโอเทคและรอง ผอ.คนก่อนนั่นเอง แถมมีดีกรีเป็นถึงน้องสาวของ "ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร” อดีตเลขาฯ สกอ. งานนี้เลยโดนเม้าท์ซะสนั่นเว็บเลยว่า "เด็กเส้น" แถมเส้นหย่าย...ซะด้วย
ส่วนตัว “หนูไซน์ฯ” ก็ไม่รู้หรอกว่าใหญ่มากใหญ่น้อยแค่ไหน แต่ก็มีบาง "ความคิดเห็น" ที่ชอบพอ ผอ.คนนี้ และเห็นด้วยที่สนับสนุนคนในองค์กรด้วยกันเอง และก็มีเสียงกระซิบจากวงในมาบ้างว่าถูกอกถูกใจ "ผอ.คนใหม่" นี้เหลือเกิน เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง และทันสมัย ทำอะไรก็ต้องให้พร้อมและดูดีทุกกระเบียดนิ้ว...เอ้า! จะเส้นเล็กเส้นใหญ่รึก๋วยจั๊บ ก็คงไม่สำคัญเท่าผลงานที่กำลังจะตามมาหรอก จริงมั้ยเจ้าคะ ∞
∞ เอ๊ะ! เดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็นาโนเอาไว้ก่อน ที่ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ "นาโนเทค" และ "5 มหาวิทยาลัยดัง" ก็จับมือกันเตรียมผุด "เวชสำอางนาโน" อีกแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีข่าวออกมาว่า "นาโนมาร์ก" ยังไร้วี่แววออกมารับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของ "ผลิตภัณฑ์นาโน"
แถมนักวิจัยฝรั่งยังเริ่มทยอยออกมาเผยอันตรายของนาโน ไม่ว่าจะเป็น "ซิลเวอร์นาโน" ที่อาจปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม และ "คาร์บอนนาโนทิวบ์" ที่อาจก่อมะเร็งเยื่อหุ้มปอดได้เหมือน "แร่ใยหิน" จนดูน่าวิตกไม่แพ้ “จีเอ็มโอ”
แล้วถ้ามีนาโนนู่น นาโนนี่ ออกมาวางขายให้เกลื่อนตลาด ผู้บริโภคจะมั่นใจได้มั้ยเจ้าคะว่าปลอดภัยจริงอ๊ะเปล่า แล้วจะรู้มั้ยเจ้าคะว่าไหนเป็นนาโนจริง ไหนเป็นนาโนเก๊ “หนูไซน์ฯ” ขอวอนแทนพี่น้องด้วย "หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" โปรดออกมาดำเนินงานจัดระเบียบด่วนด้วยเจ้าค่า นึกซะว่าสงสารผู้บริโภคตาดำๆ เถิดนะเจ้าคะ... ∞
∞ ส่วนรายการนี้ก็ดูจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรสำหรับเวที "คุยกัน...ฉันท์วิทย์" ที่ "เจ้ากระทรวงวิทย์คนก่อน" คิดเปิดเวทีให้คนวิทย์มาคุยภาษาวิทย์ๆ ให้คนนอกฟัง ตามสโลแกน “กระทรวงวิทย์ใกล้ชิดประชาชน” โดยใช้พื้นที่ห้องโถงบริเวณชั้น 1 ของกระทรวงฯ แต่ดูไปดูมา สังเกตสังกามาหลายที ก็เห็นมีแต่คนในหน้าเดิมๆ มานั่งฟังกันเองแบบหรอมแหรมๆ
และเมื่อศุกร์ที่ผ่านมาก็เป็นคิวของ 4 นักวิจัยสาวที่ได้ทุนลอรีอัลประจำปีนี้ที่มานำเสนอผลงานวิจัยกันอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะดูจากหน้าและเสียงกระซิบของนักวิจัยบางคนตอนอยู่หลังเวทีมีทีท่าว่า “เบื่อๆ อยู่เหมือนกัน”
...แถมผู้ฟังนั่งที่พอให้เห็นกันอยู่ดูหนาตาพอกล้อมแกล้ม แต่เพ่งไปลึกๆ ผู้ฟังที่มีอยู่เกือบเต็มทุกที่นั่งกลับเป็นลูกศิษย์ลูกหาของนักวิจัยบนเวทีไปเสียเกือบหมด ที่เหลือก็เป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของ "โยธี" และ "เจ้าของทุน"...เอแล้วอย่างนี้จะมีประชาชนจริงๆ เข้าถึงวิทย์สักกี่คนล่ะเนี่ย จะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร กระทรวงวิทย์ต้องเร่งแก้ไขตามเห็นสมควร ∞
∞ เก็บตกงานสัมมนา “สภาวิจัยแห่งชาติ-สภาวิจัยสังคมศาสตร์อินเดีย” บ้าง “หนูไซน์ฯ” ได้ยินแล้วก็แอบปลื้มใจเหลือล้น เมื่อฝ่ายสภาวิจัยสังคมศาสตร์อินเดียออกปากทันทีหลัง ฯพณฯ ท่านอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “เศรษฐกิจพอเพียง” ในพ่อหลวงเสร็จ เพื่อขอให้ส่งข้อมูล “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ไปให้แดนโรตีศึกษาและปรับใช้กับการพัฒนาที่ยั่งยืนบ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องมาแอบจิตตกตามลำพัง เพราะประเทศไทย ต้นตำรับเศรษฐกิจพอเพียง ที่พ่อหลวงทรงพระราชทานนานปี กลับทำตัวเหมือน “ใกล้เกลือกินด่าง” ขนาด ฯพณฯ ท่านอำพลยังบ่นอุบด้วยความเสียดายว่า ที่ผ่านมา แผนพัฒนาประเทศทั้ง 9 ฉบับหาได้สอดคล้องกับแนวปรัชญาชั้นสูงอย่างเศรษฐกิจพอเพียงแม้สักกระเบียดนิ้วไม่ ส่วนแผน 10 ที่น้อมนำไปบรรจุแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเห็นผลขนาดไหน คิดแล้ว “กุ้มใจไม่มี ล.ลิง” จริงๆ นะเจ้าค่าเอ้ย ∞
∞ สุดท้ายนี้ เสาร์นี้ใครยังไม่มีโปรแกรมไปไหน ก็ขอเชิญชวนไปร่วมงานแฟร์ของ วว.นะเจ้าคะ ปีนี้เขายกโขยงผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยตลอด 45 ปีของ วว.มาเอาใจคนรักสุขภาพซะเต็มกระบุง ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย ∞
∞ ส่วนสัปดาห์นี้ ตัว “หนูไซน์ฯ” ก็ขอลากันไปที่ ใครมีเรื่องเม้าท์ก็เล่ามาที่ scigossip@gmail.com ได้เหมียนเดิมเจ้าค่า... ∞