xs
xsm
sm
md
lg

กรมการข้าวใจดีเฟ้นวิธีช่วยชาวนาปลูกข้าวราคาประหยัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการสภาวิจัยแห่งชาติ (ซ้าย) และนายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว (ขวา)
เวลานี้ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็หันมาแก้ปัญหาวิกฤติข้าวกันหมด จนที่สุดก็ถึงคิว “กรมการข้าว” กระทรวงเกษตรฯ ที่จับมือแหล่งทุนวิจัยอย่างสภาวิจัยแห่งชาติ ระดมวิธีลดต้นทุนการปลูกข้าวให้แก่ชาวนาไทยในโครงการ “2 –V Research Program” เพื่อให้เกิดการงอกเงยทั้ง “ห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain) นำงานวิจัยจากหิ้งไปสู่ห้าง จนถึงการวิจัยเพื่อ “มูลค่าเพิ่ม” (Value Added) ภายใต้ความร่วมมือนำร่องที่มีกรอบเวลานาน 2 ปี

นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวในงานเปิดตัวความร่วมมือกับสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.51 ว่า จากวิกฤติข้าวขาดแคลน อันเป็นผลกระทบจากปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้หลายประเทศไม่ได้ผลผลิตข้าวเหมือนทุกปี
 
กรมการข้าวในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่วิจัยเรื่องข้าว ทว่าขาดแคลนเงินทุนวิจัย จึงร่วมกับสภาวิจัยแห่งชาติในฐานะแหล่งทุนวิจัย นำผลงานวิจัยที่มีอยู่เดิมของทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งโดยมากมักสิ้นสุดลงในห้องปฏิบัติการไปใช้ในพื้นที่ปลูกจริง เพื่อเฟ้นหาวิธีลดต้นทุนการปลูกข้าวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีกรอบระยะเวลาเบื้องต้นนาน 2 ปี

สำหรับความร่วมมือนำร่องนี้ กรมการข้าวและสภาวิจัยแห่งชาติจะเข้าศึกษาวิธีลดต้นทุนการปลูกข้าวตั้งแต่ระยะก่อนการปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวรวม 7 ขั้นตอน คือ การเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ การเตรียมต้นข้าว การกำจัดวัชพืช การใช้ปุ๋ยเคมี การป้องกันกำจัดศัตรูพืช การจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การเก็บเกี่ยวไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มในกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว

เดือน มิ.ย. 51 นี้จะมีการนำร่องปลูกใน 9 จังหวัดภาคกลางซึ่งมีการปลูกข้าวตลอดปี อาทิ จ.ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี อ่างทอง อุทัยธานี พิษณุโลก และเชียงราย คิดเป็นรอบการปลูกข้าวนาปีได้ 2 รอบ และรอบการปลูกข้าวนาปรังได้ 4 รอบ ซึ่งเพียงพอแก่การสรุปผลการทดลองภายในปี 52

นอกจากนั้น กรอบความร่วมมือนี้ยังจะทำให้มีการศึกษาวิจัยพันธุ์ข้าวทนโลกร้อนด้วย ซึ่งเชื่อว่าจากธนาคารยีนข้าว 24,000 สายพันธุ์ ที่กรมการข้าวรวบรวมจากข้าวพันธุ์พื้นเมืองของไทย 18,000 สายพันธุ์ ข้าวต่างประเทศ 3,000 สายพันธุ์ และข้าวที่เกิดจากการผสมขึ้นใหม่อีกราว 3,000 สายพันธุ์จะช่วยให้ไทยไม่ต้องเริ่มต้นการวิจัยจากศูนย์ โดยการพัฒนาพันธุ์ข้าวทนโลกร้อนจากพันธุ์ข้าวทนแล้งที่มีอยู่ และใช้เวลาพัฒนาสายพันธุ์เพียง 3 ปี จากปกติการพัฒนาพันธุ์ข้าวอาจต้องใช้เวลาถึง 8 ปี

ทั่วไปแล้ว ชาวนาปลูกข้าว 1 ไร่จะมีต้นทุนการผลิต 4,000-5,000 บาท โดยหวังว่าหลังความร่วมมือจะทำให้ต้นทุนลดลง 500-1,000/ไร่ เช่น การเปลี่ยนวิธีหว่านข้าวที่ทำให้ใช้ข้าวมากถึง30-40 กก./ไร่ ทั้งที่จริงแล้วใช้เพียง 15-20 กก./ไร่ก็เพียงพอ แถมยังไม่ทำให้เกิดโรคแมลงและวัชพืชข้าวที่ไม่ต้องการอย่าง ข้าวหาง ข้างแดง ข้าวดีดมารบกวนชาวนาด้วย” นายชัยฤทธิ์กล่าว

ที่สำคัญ จากความร่วมมือในครั้งนี้ ยังจะทำให้กรมการข้าวมีคณะกรรมการวิจัยข้าวและกรอบการวิจัยข้าวที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการวิจัยข้าวอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพื่อกรมการข้าวไม่ต้องแก้ปัญหากันอย่างฉุกละหุกทุกทีที่เกิดปัญหาด้วย
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าจากข้าวที่มีการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ โดยการสนับสนุนจากกรมการข้าว อาทิ ครีมบำรุงผิวจากข้าว น้ำมันรำข้าว แป้งทาตัวจากข้าวเจ้า ขี้ผึ้งจากน้ำมันรำข้าว ขนมอบกรอบจากข้าว กรอบรูปจากแกลบ และนาฬิกาจากฟางข้าว เป็นต้น

คลิกที่ไอคอน Manager Multimedia เพื่อรับชมภาพ ผลิตภัณฑ์ข้าวไทยจากกรมการข้าวเพิ่มเติม

ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia

ตัวอย่างข้าววัชพืชซึ่งรบกวนชาวนนา อาทิ ข้าวหาง ข้าวดีด ข้าวแดง
ไอศกรีมจากน้ำข้าวกล้องสังข์หยดของกรมการข้าว ไม่มีนมและเนย กำลังอยู่ระหว่างเสาะหาเอกชนนำไปต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์
กำลังโหลดความคิดเห็น