∞ สวัสดีวันเสาร์หลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์เจ้าค่า หลังจากพักผ่อนหย่อนใจช่วงอุณหภูมิสูงสุดแห่งปี "ไซน์กระซิบ" ก็กลับมา "เม้าท์" ก็ตามระเบียบ สัปดาห์นี้เรียกได้ว่าเข้าสู่ "ปีใหม่" ตามวิถีไทยๆ อย่างเต็มตัว ไปไหนมาไหนช่วงเขาสาดน้ำคลายร้อนเขาก็ "สวัสดีปีใหม่" ให้กันถ้วนหน้า ∞
∞ แม้จะผ่านช่วงเทศกาไปแล้วแต่ "หนูไซน์" ก็ขอเก็บตกเอามาเล่าใหม่ ทั้งนี้เพราะย่างเข้าสู่เทศกาลนั้น "สงกรานต์" ไม่เพียงเป็นแค่ประเพณีโบร่ำโบราณ หากแต่ยังสัมพันธ์อย่างตัดไม่ขาดกับการเคลื่อนตัวของดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวที่ว่าก็คือ "ดวงอาทิตย์" นั่นเอง โดยวันสงกรานต์ก็คือวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากดาวราศีหนึ่งเข้าสู่อีกดาวราศีหนึ่ง ดังนั้นตลอดปีจึงมีวันสงกรานต์ได้ถึง 12 วัน (โอ้โห) หากแต่เราให้ความสำคัญกับ "วันมหาสงกรานต์" ที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวจากกลุ่มดาวราศีมีนไปสู่กลุ่มดาวราศีเมษ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีนักษัตรใหม่ ∞
∞ แต่ว่าช่วงปีใหม่แบบไทยๆ ที่ผ่านมาเนี่ยช่างร้อนสุดขั้วจริงๆ "หนูไซน์" แทบปลิ้นตับออกมาตากแดด (เว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย?) ซึ่งสาเหตุที่คนเราต้อง "รู้ร้อนรู้หนาว" ก็เพราะเราเป็นสัตว์เลือดอุ่นไม่ใช่สัตว์เลือดเย็น (จะเกี่ยวกับอาการใจดำอำมหิตด้วยหรือเปล่า?) และต้องปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมระหว่าง 36.5-37 องศาเซลเซียส แต่ถ้าอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่านี้ ไม่ว่าอุณหภูมิข้างนอกร่างกายจะมากหรือน้อยหากอุณหภูมิในร่างกายสูงกว่านี้เราก็จะรู้สึกร้อนทันที ∞
∞ ทั้งนี้ร่างกายก็มีกลไกที่จะระบายความร้อนออกจากตัว โดยเส้นเลือดจะขยายตัวเพื่อระบายความร้อนออกในรูปของเหยื่อ ซึ่งเราก็สามารถช่วยเหลือตัวเองให้คลายร้อนได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะพัดให้เหงื่อระเหยเร็วขึ้น ทาแป้งเย็น อาบน้ำ หรือเปิดแอร์ แต่วิธีหลัง "ดร.สุรพงษ์ จิระรัตนานนท์" แห่ง JGSEE เขาไม่แนะนำ เพราะลดความร้อนให้ตัวเองแต่กลับกลายเป็นการเพิ่มความร้อนให้กับโลก ขณะที่ทั่วโลกเขารณรงค์ให้ประหยัดพลังงานเพื่อลดโลกร้อน "ท่าน ดร." ก็ประกาศตูมว่า "ปิดแอร์ไปเลยดีกว่า" เพราะกว่า 70% ของพลังงานที่ใช้ในบ้านก็มาจากเครื่องปรับอากาศนี่แหละ ∞
∞ ออกมาประกาศอย่างนี้เลยโดน "ก้อนหิน" ไปไม่น้อย อย่างไรก็ดีมี "เสียงกระซิบ" มาว่า "ดร.สุรพงษ์"แห่งบัณฑิตวิทยาลัยพลังงานนี้ไม่เปิดแอร์ที่บ้านและไม่ใส่สูทเพื่อมีส่วนร่วมลดใช้พลังงาน พร้อมแนะว่าเมืองร้อนอย่างไทยนี้ "เลิกใส่สูทกันดีกว่า" ช่วยชาติประหยัดพลังงาน ∞
∞ ขณะที่โลกร้อนขึ้น เราก็รู้สึกร้อนขึ้น เจ้านกเพนกวินแห่งขั้วโลกใต้ก็ประสบปัญหาภูมิอากาศผันผวนจนต้องปรับตัวอพยพเดินทางไปสู่ที่ที่เหมาะสมให้ได้ ด้วยวิวัฒนาการ "บิน" เราจึงมีโอกาสได้เห็น "เพนกวินบินได้" เผยแพร่โดยสารคดีของ "สำนักข่าวบีบีซี" เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ผ่านมา เล่นเอาฮือฮาไปไม่น้อย ∞
∞ ใครอยากเห็นว่าเจ้านกเพนกวินพุงพลุ้ย ขาสั้น ปีกเล็กจะพาตัวอันหนักอึ้งหนีแรงโน้มถ่วงโลกอย่างไรก็ดูได้ที่คลิป(ไม่ฉาว) ที่ไซน์กระซิบฉกมาจากยูทูบข้างล่างนี้ ...
....เห็นแล้วก็ให้อึ้ง เพราะนกเพนกวินเพิ่งรู้จักกันไปหมาดๆ ว่า "บินไม่ได้" แต่วิวัฒนาการกันอีท่าไหนถึงเปลี่ยนมา "บินได้" อย่างรวดเร็ว แต่พอเห็นวันที่เขานำมาออกอากาศแล้วก็ตรงกับวัน "April Fool's Day" หรือวันโกหก ประเพณีแบบขำๆ ทะลึ่งตึงตังของฝรั่งเค้า แหม...ทำไปได้ [-_-"]
....ส่วนใครที่ใคร่รู้ว่า "บีบีซี" เขาต้มเราได้อย่างไรก็ดูได้ที่คลิปข้างล่างนี้เจ้าค่า....
∞ สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เราสูญเสีย "สุดยอดนักวิทยาศาสตร์" ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กันถึง 2 คน คนแรกคือ "จอห์น วีเลอร์" ผู้ทำให้โลกรู้จัก "หลุมดำ" ในฐานะคำที่อธิบายถึงสิ่งที่มีอยู่ในอวกาศหลังจุดจบของดาวฤกษ์และไม่ใช่คำสัปดนอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ อีกทั้งเขายังเป็นนักฟิสิกส์ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ "นีล บอห์ร" นักฟิสิกส์ที่ทำให้เรารู้จักอะตอมได้ดีขึ้น นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้ที่ทำให้ "ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป" ของ "ไอน์สไตน์" เฟื่องฟู โดยเขาได้นำมาคำนวณและพบถึงการมีอยู่ของหลุมดำตามทฤษฎี
ส่วนอีกคนคือ "เอ็ดวาร์ด ลอเรนซ์" ผู้ทำให้รู้จัก "ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก" หรือตรงกับคำพังเพยของคนไทยที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" จากความบังเอิญที่เขาปัดค่าเงื่อนไขเริ่มต้นให้สั้นลงเพื่อใช้กับแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์สำหรับการพยากรณ์สภาพอากาศ แต่ก็พบว่าการเปลี่ยนแปลงเพิ่งเล็กน้อยนำมาซึ่งผลสืบเนื่องที่ใหญ่โต เอ้า...ใครจะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีนะจ้ะ เดี๋ยวผลที่ตามมาอาจลุกลามใหญ่โตจนควบคุมไม่ได้ ∞
∞ เห็นตัวเลขแล้วน่าตกใจ ก็ "โอเชียนคอนเซอแวนซี" ที่เป็นองค์กรด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลระดับสากลเขาเปิดเผยตัวเลขออกมาว่าเก็บขยะตามชายฝั่งทะเลได้มากกว่า 7.2 ล้านชิ้นภายในเวลา 1 วัน แถม 1 ใน 3 เป็นขยะที่มาจากพวกที่ชอบเผาปอดแทบทั้งนั้น ทั้งก้นบุหรี่เอย ก้นกรองบุหรี่เอย พวกขยะพลาสติกกับภาชนะบรรจุอาหารก็ใช่ย่อยเพราะมีไม่น้อยไปกว่ากันเลย ∞
∞ นอกจากจะทำให้ทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมแล้ว ขยะพวกนี้ยังเป็นสิ่งประจานความมักง่ายของคนเราอีกด้วยนะสิเจ้าค่า...ไม่รู้ว่าคนทำจะรู้สำนึกกันบ้างไหม หรือต้องรอให้ธรรมชาติรอบชายฝั่งทะเลทั่วโลกย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีจึงค่อยมาคิดเสียดายกันทีหลังรึไงเจ้าคะ ∞
∞ เห็นข่าว "ต้นคริสต์มาส" บนยอดเขาในสวีเดนมีอายุยืนเป็นหมื่นปี หนูไซน์ก็อดทึ่งและประหลาดใจด้วยไม่ได้ แต่เห็นคุณผู้อ่านบางรายแอบกระซิบมาว่า ดีนะเป็น "ต้นไม้" ถ้าเป็น "เมีย" ละก็ ยึ้ย....... ไม่อยากคิด...หนูไซน์เป็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่แหม อะไรจะขนาดนั้นคะคุณผู้อ่านขา ∞
∞ นี่ก็เป็นเรื่องน่าทึ่งเหมือนกันที่นักวิทย์พบกบปอดแหก เอ๊ย! "กบปอดหาย" หรือว่า "กบไม่มีปอด" นั่นเองเจ้าค่า เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและหายากที่พบอยู่บนเกาะบอร์เนียว เห็นนักวิทย์เขาว่าเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่งของกบที่มีการปรับตัวเหมือนย้อนกลับไปเป็นกบในสมัยแรกเริ่มที่ยังไม่มีปอด ∞
∞ แต่ก็มีคุณผู้อ่านอีกละเจ้าค่าที่นำเอาไปเปรียบเปรยกับมนุษย์บางคนในสมัยนี้มีวิวัฒนาการย้อนกลับที่มักชอบใช้ความรุนแรง ป่าเถื่อน ทำตัวไม่เหมือนกับเป็นอารยชน...หนูไซน์ก็ว่าอาจจะคล้ายกัน แต่ไม่เหมืนกันก็ตรงที่เจ้ากบทำเพื่อความอยู่รอดนะเจ้าคะ แต่คนกลุ่มที่ว่านั่นคนละเรื่องกันเลยเจ้าค่า ∞
∞ แม้จะอยู่ในช่วง "ข้าวแพง" ท่ามกลางภาวะวิกฤตอาหารที่หลายประเทศทั่วโลกเผชิญอยู่นี้ แต่ถ้าไปถาม "พ่อครัว" อย่าง "อ.ยิ่งศักดิ์" ผู้มากลีลาในการทำอาหารแล้วละก็ไม่เอาเด็ดขาดกับ "ข้าวจีเอ็มโอ" อย่างในวันเปิดตัวโครงการ "รักข้าวไทย" ของกลุ่มอนุรักษ์เขียวอย่าง "กรีนพีช" ที่ผ่านมานั้น "อาจารย์พ่อครัว" ก็ออกปากด้วยท่าทีขึงขังว่าจะปลุก "อภิมหาม็อบคนครัว" ประท้วง หากพบการปนเปื้อนของข้าวจีเอ็มโอในไทย แหม...แซ่บจริงๆ อาจารย์ขา ∞
∞ อาทิตย์นี้ "เม้าท์" กันพอหอมปากหอมคอให้หลายๆ คนไปพักต่อหลังจากต่อเนื่องกับอาการ "หยุดยาว" มาหลายวัน ส่วน "หนูไซน์" ก็ว่าจะไปตระเวนหาข้าวไร้จีเอ็มโอหม่ำก่อน ใครมีเรื่องคันปากอยากเม้าท์ก็กระซิบมาที่ scigossip@gmail.com เจ้าค่า ∞