xs
xsm
sm
md
lg

อัศจรรย์! "ปลาร้าในป่ายูคา" แห่งรัฐนาวาชมพู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


∞ เพิ่งจะเวลคัม "ทั่นรัฐมนตรีวิทย์" ไปไม่เท่าไหร่ก็ได้เวลา "ไซน์กระซิบ" เวียนมา "เม้าท์" อีกครั้ง ซึ่งเสาร์นี้มีเรื่องมาให้วิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย เพราะนับแต่ "ทั่นวุฒิพงศ์" นั่งเก้าอี้เจ้ากระทรวงโยธีก็ระเบิดสารพัดไอเดียบรรเจิด ที่ใครต่อใครต้องอุทาน "คิดได้ไงเนี่ย" ∞

∞ ก่อนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ "วุฒิพงศ์ ฉายแสง" น้องชาย "พี่อ๋อย" ก็เปิดใจกับนักข่าวว่าสนใจงานวิทยาศาสตร์และอยากทำให้คนในสังคมคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ หากแต่ต่อหน้าข้าราชการทั้งหลายท่านกลับระบุว่า "ผมไม่ได้อยากมาหรอกนะกระทรวงนี้แต่เขาจับผมมานั่ง" เล่นเอาชั้นผู้น้อยอึ้งกันไปเป็นแถบ...ถึงว่าสิ เข้ากระทรวงวันแรกพ่อเลยมาคุม ∞

∞ หลายคนอาจจะปรับตัวไม่ทันเมื่อย่างก้าวเข้าสู่กระทรวงวิทยาศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยบรรยากาศวิชาการๆ จนแทบจะกลายเป็น "กระทรวงมหิดล" อยู่ร่อมร่อ แต่เปลี่ยนแค่เปลี่ยนรัฐบาลและรัฐมนตรีเพียงชั่วพริบตาภายในกระทรวงก็คึกคักไปด้วยนักข่าวทั้งหัวเขียว หัวชมพู และพร้อมหมู่ด้วย "เดอะบอดีการ์ด" ก็เป็นความแตกต่างที่บางคนระบุว่าให้ความรู้สึกแบบ "ขำขื่น" โดยแท้ ∞

∞ ประเดิมนโยบายแรกทำเอาเหล่าผีแทบออกมาเต้นร้องรำไชโยเมื่อเจ้ากระทรวงโยธีหน้าใหม่เปรยไอเดียหนุนปลูก "ยูคา" แถมเสนอปลูกตามคันนาเสียด้วย ทำเอาเกษตรกรที่เคยพลาดท่าเรียงหน้าแจงผลเสียจนความเห็นท้ายข่าว "ผู้จัดการออนไลน์" แทบลุกเป็นไฟ แต่ก็มีเกษตรตัวแทนดาหน้ามาสนับสนุนรัฐมนตรีกันถึง ซ.โยธี พร้อมหลุดปากบอก "ทั่นก็มีไร่ยูคาเหมือนกัน" ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวระบุไม่เคยปลูกยูคาเลย  ∞

∞ ความ "ขำขื่น" ยังไม่หมดเท่านั้นเมื่อ "ทั่น รมต." สั่งการให้นักวิทยาศาสตร์ไปหาวิธีทำ "ปลาร้า" แบบไม่เค็ม-ไม่เหม็นกลายเป็นนวัตกรรมที่เรียกว่า "ปลาร้าจืด" พร้อมเปรยหากทำสำเร็จจะเป็นลูกค้ารายหนึ่ง เล่นเอาคนรักปลาร้าเข้าสายเลือดต้องโดดออกมาให้ความเห็นว่าเป็นการทำลายเอกลักษณ์อันโดดเด่นของอาหารประจำถิ่นไป ∞

∞ บางคนถึงขั้นอธิบายกระบวนการหมักปลาร้าว่าจำเป็นต้องใส่เกลือให้มากเพื่อคงไว้เฉพาะจุลินทรีย์ที่หมักปลาให้ได้ที่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น "ปลาเน่า" ซึ่งทั่นรัฐมนตรีก็คงไม่นิยมเป็นแน่ ก็ไม่รู้ว่าท่านลืมทำการบ้านไปหรืออย่างไรว่า "เกลือ" คือวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการหมักที่ช่วยไม่ให้ "เน่า" งานนี้ไม่ต้องรอนักข่าวสายทำเนียบสรรหาตำแหน่งให้ก็มีมีคนเสนอให้ท่านเป็น "รมต.ปลาร้า" ไปเรียบร้อยแล้ว

∞ ถึงอย่างนั้นท่านรัฐมนตรีก็ยังทำให้นักข่าวหลายคนอึ้งกับการอ้างงานวิจัยทุกครั้งที่แถลงข่าว ล่าสุดก็อวดสรรพคุณปลาร้าว่ามี "กรดอะมิโน" ทั้งที่เนื้อสัตว์ทุกชนิดก็มีอยู่แล้ว เหอๆ...งานนี้ "หนูไซน์" ขอเตือนเพื่อนสื่อหาความรู้รอบตัวให้มาก มิฉะนั้นอาจ "มึนตึ๊บ" กับสารพัดไอเดียที่ไม่รู้ว่า "ท่านวุฒิพงษ์" จะระเบิดมาอีกเมื่อไหร่ ∞

เจอจนได้! หนอนเจาะสมอฝ้ายกลายพันธุ์ต้านฝ้ายบีทีที่มาจาก "จีเอ็มโอ" ในบ้านพี่ใหญ่สหรัฐฯ เมื่อสอบถามนักวิจัยบ้านเราที่ "โปรจีเอ็มโอ" ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "นักวิจัยรู้อยู่แล้ว" ซึ่งชวนให้แปลกใจว่ารู้อย่างนี้แล้วทำไมถึงยังผลักดันกันอยู่ได้ แต่ "ดร.สุพัฒน์ อรถธรรม" ปรมาจารย์มะละกอจีเอ็มแห่งกำแพงแสนก็ยังยืนยันหนักแน่นว่ามีวิธีอื่นๆ ควบคุมได้อยู่เพราะต้นกล้าจีเอ็มเพิ่งแตกหน่อ การพัฒนายังอีกยาวไกลและเร็วเกินไปที่จะ "ฟันโช๊ะ" ว่าจีเอ็มโอใช้ไม่ได้ผล ∞

∞ ด้านประธานบริหารองค์การสนับสนุนจีเอ็มโอระดับโลกก็ดีใจที่ปลูก "ฝ้ายบีที" มา 12 ปีเพิ่งมีรายงานการกลายพันธุ์ของหนอนครั้งแรกแสดงว่าควบคุมได้ไม่เลวทีเดียว แถมยังอุปมาว่าปลูกพืชจีเอ็มโอก็เหมือนการผ่าตัด หมออาจจะทำถูกต้องทุกประการอย่างสุดความสามารถแต่สุดท้ายคนไข้ตาย ดังนั้นควรนำบทเรียนไปพัฒนาวิธีผ่าตัดไม่ให้เกิดกรณีนี้อีกแทนที่จะมาติติงกันแต่เพียงอย่างเดียว  แต่หนูไซน์ไม่อยากตายเพราะจีเอ็มโอนี่เจ้าค่ะ∞

∞ ข้างฝ่ายค้านอย่างกรีนพีชคงยินดีด้วยเหมือนกัน (หรือเปล่า) ที่หนอนกลายพันธุ์กันซะบ้าง เพราะจะได้มีหลักฐานใหม่เอามาค้านนักวิจัยฝ่ายสนับสนุนให้ยับยั้งชั่งใจเรื่องจีเอ็มโอเอาไว้บ้าง แถมคดีเก่าอย่าง "มะละกอขอนแก่น" ยังค้างเติ่งอยู่ในชั้นศาลมานานหลายปี และไม่มีความคืบหน้าใดๆ จาก "กรมวิชาการเกษตร" ซึ่งกรีนพีชถึงกับเสียงอ่อยว่าท้ายที่สุดก็คงต้องจบ แต่ไม่รู้ว่าจะจบแบบไหนเท่านั้นเอง ∞

∞ สถานการณ์พืชจีเอ็มโอในไทยตอนนี้ "นักวิจัยแห่งกำแพงแสน" เจ้าเก่าเปรียบเปรยว่าราวกับเป็นคนที่ป่วยหนักมานานและกำลังจะหายไข้ เมื่อ "รัฐบาลขิง" อนุญาตให้ทดสอบภาคสนามได้ปลายปีที่แล้ว ทว่าจะหายดีแค่ไหนนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ "รัฐบาลชมพู่" แถมยังบอกเชิงตัดพ้ออีกว่า "มะละกอจีเอ็ม" ที่กำแพงแสนรอทดสอบภาคสนามมานานจน "เซ็ง" แล้ว ∞

∞ ด้าน "ดร.สุทัศน์" นายกสมาคมเทคโนโลยีชีวภาพยืนยันในฐานะ "นักพันธุศาสตร์" ว่าจีเอ็มโอช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากเป็นการเพิ่มพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้ธรรมชาตินั่นเอง ทั้งไม่ต้องเป็นห่วงว่าของเก่าจะสูญพันธุ์เพราะมีธนาคารพันธุ์พืชที่อนุรักษ์พืชทุกสายพันธุ์เอาไว้อยู่แล้ว แต่ท่านลืมบอกไปว่าถ้าเกษตรกรเห็นว่าปลูกแล้วให้ผลผลิตดีจน "โล๊ะ" ทิ้งพืชพันธุ์เก่าทิ้งไปหมดจนส่งผลอย่างไรบ้าง และตัวอย่างก็มีให้เห็นใน "ปฏิวัติเขียว" ลองไปอ่านดูนะเจ้าค่ะ

∞ มีหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมคนไทยถึงไม่หันไปใช้พลังงานแสงแดดที่ทั้งฟรีและมีให้ใช้ตลอดไป ซึ่งมีเสียงสะท้อนกลับมาว่าเทคโนโลยีแพงและไม่คุ้มกับการลงทุน "ไซน์กระซิบ" ได้ยินแล้วก็ยิ่งเกิดเครื่องหมายคำถามบินว่อนรอบหัว...ก็แล้วทำไมทุ่มงบตั้ง 1.38 พันล้านให้ "สำนักงานโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์" เพื่อแค่ศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ละเจ้าคะ ไม่เข้าใจจริงๆ นอกจากนี้วงในก็บอกกับหนูไซน์ว่าพลังงานนิวเคลียร์ที่โปรโมทกันตูมๆ เนี่ยมีให้ใช้ไปอีกแค่กว่า 100 ปีเท่านั้นเอง ก็ไม่รู้ว่าผู้กุมอำนาจทั้งหลายเขาจะมองเห็นอนาคตที่ไกลกว่า 4 ปีหรือเปล่านะ ∞

แว่วเสียงจากผู้สื่อข่าวภาคสนามหลายฉบับว่าช่วงนี้โดนวีนจากนักวิชาการไฮโซ "ดร.ศรันย์ โปษยะจินดา" กันถ้วนหน้า เหตุจากข่าวความไม่ชอบมาพากลในการประเมินสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างหอดูดาวบนอินทนนท์ถูกสื่อหลายฉบับนำมาเผยแพร่ เจ้าตัวผู้บุกเบิกโครงการมาตั้งแต่ต้นจึงอดหงุดหงิดไม่ได้ อันที่จริงโครงการนี้ก็ดีต่อแวดวงวิชาการของบ้านเมืองอยู่หรอก แต่ทางหนึ่งก็ต้องเข้าใจความห่วงใยที่ว่านิเวศน์อันอ่อนไหวบนยอดดอยนั้นไม่อาจจะรองรับกิจกรรมใดๆ ของมนุษย์ได้มากกว่านี้แล้ว นอกเสียจากว่าจะหยุดเสียงคาราโอเกะยามค่ำคืนและลดขนาดสนามฟุตบอลในเขตลูกทัพฟ้าได้เสียก่อน ∞

∞ เสียงกระซิบลอยตามก้อนเมฆลงมาจากดอยอินทนนท์ บอกเล่าว่าก่อนรุ่งสางแถวๆ กลางดอยนักท่องเที่ยวหลายคนไม่ได้หลับได้นอน เหตุเพราะกองทัพนักเรียนดาราศาสตร์ฟิตขึ้นมาดูดาว ฝรั่งบางคนถึงกับโวกเวก "พวกยูทำอะไร?ไอไม่ได้หลับได้นอน" มิทันที่จะได้ขอโทษ "มิสเตอร์ แอนด์ มิสซิส" ก็บึ่งรถออกจากที่พักชาวเขาทันทีทันใด ∞

∞ เก็บตกสำหรับ "งานวันนักประดิษฐ์" ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันที่ 2 ก.พ. แต่ปีนี้พิเศษกว่าปีก่อนๆ ก็ตรงที่จัดขึ้นพร้อมกับงาน "วันนักประดิษฐ์โลก" ครั้งแรกของโลกโดยไทยเป็นเจ้าภาพ และยิ่งใหญ่ด้วยนิทรรศการแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 500 ผลงาน ยิ่งไปกว่านั้นองค์กรด้านการประดิษฐ์จากทั่วโลกพร้อมใจกันทูลเกล้าถวายพระราชสมัญญานาม "พระบิดาแห่งการประดิษฐ์โลก" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นผลจากอันเป็นประโยชน์และเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนทั่วโลก พร้อมทั้งยังได้ทูลเกล้าถวาย "รางวัลนักประดิษฐ์โลก" บุคคลแรกแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ด้วยในงานเดียวกัน ∞

∞ งานนี้เห็นทีคงไม่มีใครหน้าชื่นไปกว่า "ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช" ท่านเลขาฯ แห่ง วช.แน่นอนเพราะปีนี้ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานวันนักประดิษฐ์ระดับโลกเป็นเจ้าแรก แถมสื่อมวลชนยังให้ความสนใจร่วมงานและทำข่าวมากมายเป็นประวัติการณ์ ท่านเลขาก็ไม่หวั่นที่จะต้องให้สัมภาษณ์ในบทเดิมซ้ำหลายรอบ ต่างจากนักวิจัยบางคนที่ไม่ชอบพูดซ้ำซากและคงบอกให้นักข่าวไปถามหาข่าวกับนักข่าวที่ได้สัมภาษณ์ก่อนแน่ๆ ∞

∞ หากแต่ท่านเลขาฯ กลับรู้สึกผิดหวังที่ข่าวใหญ่ของ วช.ไม่ได้ขึ้น "หน้า 1" ของหนังสือพิมพ์ขวัญใจมหาชนย่านวิภาวดีรังสิต และยังถูกข่าว "เด็กแว้น" เบียดตกกรอบจน "ศ.ดร.อานนท์" ถึงกับเปรยๆ อย่างปลงๆ ทำนองว่าข่าวเด่นหน้า 1 ของ "หนังสือพิมพ์ไทย" น่าจะเป็นข่าวดี มีสาระ อย่างข่าวเกี่ยวกับงานวันนักประดิษฐ์โลกแทนที่จะเป็นเรื่องของ "เด็กแว้น" อย่างเห็น

∞ "เม้าท์" กันมามากมายแต่ยัง "ได้อีก" นะเจ้าค่ะ เพียงแค่ตอนนี้รู้สึกปวดเมื่อยนิ้วมือที่รัวแป้นพิมพ์มาเยอะ เห็นทีคงต้องไปหายานวดที่มีส่วนผสมของ "เมนทอล" ไม่รู้ว่าไปเอาที่ "สวนยูคา" ของท่านรัฐมนตรีได้หรือเปล่า ถ้าใครทราบว่าท่านมีสวนอยู่ที่ไหนก็กระซิบมาบอกที่ scigossip@gmail.com เหมือนเคยๆ นะเจ้าค่ะ ∞
กำลังโหลดความคิดเห็น